คลี่ปมพบศพปริศนาถูกฆ่าถ่วงน้ำที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชายอายุ 25 ปี ให้การภาคเสธ ไม่ได้ฆ่าหญิงอายุ 30 ปี อ้างผู้เสียชีวิตเสพยาเกิดขนาดจนช็อกเอง แต่ด้วยความกลัวจึงนำศพห่อผ้าไปทิ้งน้ำอำพรางคดี
เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) เรานำเสนอไปกรณีพบศพปริศนาห่อด้วยผ้าห่ม มัดด้วยเครื่องสูบน้ำ น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม แล้วนำศพไปทิ้งในสระน้ำ พื้นที่ซอยกินรี บ้านวังยาง ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุดสืบสวน สภ.ทับสะแก ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่พบศพอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานล่าตัวคนร้าย ซึ่งจากการตรวจพยานแวดล้อมต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอบางสะพาน แต่มักจะแวะเวียนมาพักอาศัยอยู่บ้านพักในที่ดินละแวกใกล้เคียงกับที่พบศพ โดยเชิญตัวชายคนดังกล่าวไปสอบสวนที่ สภ.ทับสะแก
ส่วนการตรวจพิสูจน์ศพ เบื้องต้นพบเป็นเพศหญิง อายุประมาณ 30 ปี รูปพรรณสันฐานใกล้เคียงกับบุคคลที่มีญาติจากพื้นที่อำเภอบางสะพาน กำลังตามหาตัวอยู่ เนื่องจากหายออกจากบ้านไปกว่า 2 สัปดาห์แล้ว กระทั่งต่อมาญาติของหญิงสาวที่สงสัยว่าจะถูกฆ่าได้เข้ายืนยันว่าศพที่พบถูกมัดผ้าห่มถ่วงน้ำ คือ นางสาวสุภาพร หมื่นนิล หลานสาวของตัวเองที่หายตัวไป โดยจำรอยสักที่กลางแผ่นหลังได้แม่น ว่าเป็นรอยสักเดียวกันกับของหลานสาว
ต่อมา ผู้เป็นแม่ของหญิงอายุ 30 ปี เดินทางไปที่ สภ.ทับสะแก เพื่อเข้าร่วมฟังการสอบสวนชายอายุ 25 ปี คนเป็นแม่บอกว่า ชายคนดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นญาติกัน และลูกสาวก็หายตัวไปกับญาติคนนี้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนคำให้การชายอายุ 25 ปี ให้การรับสารภาพกับตำรวจว่า ได้ลงมือห่อศพลูกสาวของเธอที่บ้านพัก ในตำบลกำเนิดนพคุณ อำเภอบางสะพาน เนื่องจากอ้างว่าลูกสาวของเธอได้ช็อกหมดสติจนเสียชีวิต เนื่องจากเสพยาเสพติดเกินขนาด ผู้ก่อเหตุกลัวความผิดจึงได้ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน จับผู้เสียชีวิตห่อด้วยผ้าม่าน ก่อนจะนำศพใส่หลังรถกระบะตู้ทึบขับรถจากอำเภอบางสะพานนำศพมาทิ้งถ่วงน้ำในสระที่อำเภอทับสะแก เพื่อหวังอำพรางคดี จากนั้นก็พากันกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ คนเป็นแม่บอกรู้สึกโกรธกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก ทั้งที่รู้ว่าลูกสาวของเธอช็อกหมดสติ ยังไม่ยอมนำไปส่งโรงพยาบาล แต่กลับเลือกนำศพมาทิ้งไกลถึงอำเภอทับสะแก
