ดีเอสไอ รับเพิ่มคดีอั้งยี่ซ่องโจร กรณีฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษ เดินหน้าสอบเส้นทางการเงินคดีฟอกเงิน

วันที่ 24 เม.ย. 2568
ดีเอสไอ รับเพิ่มคดีอั้งยี่ซ่องโจร กรณีฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษ ขณะที่คดีฟอกเงินสอบปากคำพยานแล้ว 30 ปาก เดินหน้าสอบเส้นทางการเงิน เตรียมจำลองสถานการณ์เลือก สว.ระดับประเทศ พรุ่งนี้

วันนี้ (24 เม.ย.68) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีฟอกเงินเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ดีเอสไอรับคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนอีกคดีหนึ่งคือคดีอั้งยี่ซ่องโจร ดีเอสไอได้รับสำนวนมาจากพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี และ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งทางดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวานนี้ เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร แต่จากพยานหลักฐานพบว่า มีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่ตั้งตัวเองเป็นคณะบุคคล ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบว่า รวมตัวกันเพื่อกระทำผิดกฎหมายฟอกเงินหรือกฎหมายอื่นๆ หรือไม่

สำหรับการสอบปากคำนั้น พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงแรกของคดีนี้ ทางดีเอสไอได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต. และพนักงานอัยการสอบสวนพยานบุคคล เพื่อประหยัดเวลาในการสอบปากคำพยานพร้อมกันทีเดียว แต่การทำงานเป็นการแยกสำนวนคดีกัน เพราะ กกต.ก็จะทำเฉพาะเรื่องการฮั้วการเลือก สว. ส่วนดีเอสไอจะทำสำนวนฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร โดยที่ผ่านมาได้สอบปากคำเรื่องขบวนการฟอกเงิน 30 ปาก ซึ่งเป็นพยานกลุ่มที่รู้เห็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า และได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ข้อมูลทางโทรศัพท์และใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมบุคคล

ด้าน นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า หากคำนวณแล้วมีผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่ระดับอำเภอกว่า 4 หมื่นราย ก่อนที่จะคัดเลือกเหลือสมาชิกวุฒิสภาตัวจริง 200 ราย และยังไม่รวมสมาชิกวุฒิสภาสำรองอีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องเข้าใจว่าคดีนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนสักระยะ แต่ยืนยันว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำอย่างเต็มที่และรวดเร็วที่สุดอย่างแน่นอน

นายสมบูรณ์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยเรื่องอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอว่า ต้องแยกคนละประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องเลือก สว.ที่อาจจะมีการทุจริต เรื่องนี้อยู่ในขอบอำนาจสอบสวนของ กกต. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 49 ที่วางหลักว่าการกระทำใดอันขัดกับกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งครอบคลุมถึงกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ขณะที่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับอื่นๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร ไม่ได้อยู่ในขอบอำนาจของ กกต. ดังนั้น ดีเอสไอจึงมีอำนาจในการสอบสวน

ทางด้าน พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) เวลา 14.00น. ตนได้นัดหมายให้คณะพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม เข้าไปยังเมืองทองธานี เพื่อตรวจสอบสถานที่เลือก สว.จริง พร้อมทั้งจะจำลองทำแผนที่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันเลือก สว.เพื่อมาเป็นข้อมูลประกอบสำนวนคดีฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีพยานให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานเชื่อมโยงเส้นทางการเงินถึงกลุ่มการเมืองใดหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ในเรื่องเส้นทางการเงินนั้น ตอนนี้ยังไม่ปรากฏ และอยู่ระหว่างการขอเอกสารเส้นทางการเงินจากทางธนาคาร เพื่อจะนำมาตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนพยานบุคคล 30 ปากที่สอบปากคำไปก่อนหน้านี้นั้น ให้การพาดพิงถึงพรรคการเมืองใดหรือไม่ ขอสงวนที่จะระบุประเด็นดังกล่าว เพราะอยู่ในสำนวนคดี

Gallery