ดีเอสไอ พบเอกสารแก้แบบปล่องลิฟต์มีปัญหา จ่อเรียก 40 วิศวกรสอบ

ดีเอสไอ พบเอกสารแก้แบบปล่องลิฟต์ ตึก สตง.มีปัญหา จ่อเรียก 40 วิศวกรสอบ ขีดเส้น 30 วันทำคดีนอมินี พร้อมเก็บตัวอย่างปูนทำโมเดลจำลองหาสาเหตุการถล่ม
วันนี้ (24 เม.ย.68) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อม ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดความคืบหน้าคดีอาคาร สตง. แห่งใหม่ถล่มว่า ดีเอสไอรับตรวจสอบ 4 เรื่อง ได้แก่ คดีนอมินี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 4 คน และดำเนินคดีกับบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ในฐานะนิติบุคคลอีก 1 ราย ทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้ต้องหาเฟสแรก ซึ่งแจ้งว่าต้องการทำคำชี้แจงเป็นเอกสาร โดยเฉพาะประเด็นที่ดีเอสไอถามเรื่องการถือหุ้นแทนใครหรือไม่ แต่หากเจ้าตัวต้องการมาให้ปากคำด้วยตนเองก็สามารถมาพบพนักงานสอบสวนได้ ส่วนนายชวนหลิง จาง กรรมการชาวจีน ให้การค่อนข้างครบถ้วนแล้ว อีกทั้งมีเอกสารยืนยันว่าเป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจจีนจริง
ขณะนี้ยังไม่มีผู้ต้องหาเพิ่ม และยังไม่มีการออกหมายเรียกนายบิลลิง วู แต่จากรูปแบบการกระทำความผิดอาจมีเพิ่มเติมในบางส่วนที่ดีเอสไอกำลังขยายผล โดยคดีนี้ดีเอสไอจะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และต่อจากคดีนอมินี ดีเอสไอจะขยายผลต่อไปยังคดีฮั้วประมูล ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยได้มีการออกหมายเรียกวิศวกรที่ยังไม่มาแสดงตัวแต่ปรากฎรายชื่อในเอกสารของโครงการประมาณ 40 คน เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยาน เพื่อสอบถามว่ามีการควบคุมงานจริงหรือไม่ หรือถูกแอบอ้างชื่อปลอมลายเซ็น ส่วนกรณีนายสมเกียรติ เบื้องต้นพบว่ามีลายเซ็นในเอกสาร 16 รายการ และในแบบแปลนอีก 4 รายการ ที่นายสมเกียรติชี้ว่าเป็นลายเซ็นปลอม แต่อาจมีจำนวนมากกว่านี้ เพราะดูไปได้เพียง 2 ลัง จากเอกสาร 12 ลัง นอกจากนี้ แบบแปลนแก้ไขที่มีปัญหาว่าถูกปลอมลายเซ็น คือ ครั้งที่ 1,2,4 และ 6 รวม 4 ครั้ง จากการแก้แบบ 9 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 4 กับ 6 ที่มีประเด็นว่ากระทบโครงสร้าง เป็นปัญหาเรื่องปล่องลิฟต์ ซึ่งเอกสารทั้งหมดได้ส่งไปตรวจลายนิ้วมือบนเอกสารแล้ว เพื่อหาตัวว่าบุคคลใดเป็นผู้ปลอมลายเซ็น
ส่วนที่บริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ เกี่ยวข้องกับการรับงานก่อสร้างโครงการของรัฐรวม 27 สัญญา จะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกเลิกสัญญาเหล่านี้หรือไม่นั้น ทางดีเอสไอต้องขอเวลาทำคดีให้แล้วเสร็จก่อน หากชัดเจนว่าเป็นบริษัทนอมินีคนต่างด้าวจริง ก็จะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนคดีความผิดเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า ดีเอสไอร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เก็บตัวอย่างเหล็กที่อยู่ในโครงสร้างที่พังทลายแล้ว และตัวอย่างเหล็กจากไซต์งานก่อสร้างที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ รวมจำนวน 240 ชิ้นจากทุกโซน เพื่อนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบมาตรฐานอุตสาหกรรม หากตกมาตรฐานแล้วนำไปใช้ก่อสร้าง ทางสมอ. ก็จะทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมาที่ดีเอสไอดำเนินคดี ส่วนปูนซีเมนต์ ดีเอสไอเก็บตัวอย่างก้อนปูนจากเกือบทุกโซน ยกเว้นโซน A ที่เสียหายอย่างหนักและยังเป็นพื้นที่กู้ภัยอยู่ โดยเก็บมาได้ 59 ตัวอย่างแล้ว และจะนำไปทำแบบโมเดลแบบจำลองการถล่มทางวิศวกรรม เพื่อหาสาเหตุของการถล่มต่อไป
วันนี้ (24 เม.ย.68) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อม ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดความคืบหน้าคดีอาคาร สตง. แห่งใหม่ถล่มว่า ดีเอสไอรับตรวจสอบ 4 เรื่อง ได้แก่ คดีนอมินี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 4 คน และดำเนินคดีกับบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ในฐานะนิติบุคคลอีก 1 ราย ทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้ต้องหาเฟสแรก ซึ่งแจ้งว่าต้องการทำคำชี้แจงเป็นเอกสาร โดยเฉพาะประเด็นที่ดีเอสไอถามเรื่องการถือหุ้นแทนใครหรือไม่ แต่หากเจ้าตัวต้องการมาให้ปากคำด้วยตนเองก็สามารถมาพบพนักงานสอบสวนได้ ส่วนนายชวนหลิง จาง กรรมการชาวจีน ให้การค่อนข้างครบถ้วนแล้ว อีกทั้งมีเอกสารยืนยันว่าเป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจจีนจริง
ขณะนี้ยังไม่มีผู้ต้องหาเพิ่ม และยังไม่มีการออกหมายเรียกนายบิลลิง วู แต่จากรูปแบบการกระทำความผิดอาจมีเพิ่มเติมในบางส่วนที่ดีเอสไอกำลังขยายผล โดยคดีนี้ดีเอสไอจะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และต่อจากคดีนอมินี ดีเอสไอจะขยายผลต่อไปยังคดีฮั้วประมูล ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยได้มีการออกหมายเรียกวิศวกรที่ยังไม่มาแสดงตัวแต่ปรากฎรายชื่อในเอกสารของโครงการประมาณ 40 คน เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยาน เพื่อสอบถามว่ามีการควบคุมงานจริงหรือไม่ หรือถูกแอบอ้างชื่อปลอมลายเซ็น ส่วนกรณีนายสมเกียรติ เบื้องต้นพบว่ามีลายเซ็นในเอกสาร 16 รายการ และในแบบแปลนอีก 4 รายการ ที่นายสมเกียรติชี้ว่าเป็นลายเซ็นปลอม แต่อาจมีจำนวนมากกว่านี้ เพราะดูไปได้เพียง 2 ลัง จากเอกสาร 12 ลัง นอกจากนี้ แบบแปลนแก้ไขที่มีปัญหาว่าถูกปลอมลายเซ็น คือ ครั้งที่ 1,2,4 และ 6 รวม 4 ครั้ง จากการแก้แบบ 9 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 4 กับ 6 ที่มีประเด็นว่ากระทบโครงสร้าง เป็นปัญหาเรื่องปล่องลิฟต์ ซึ่งเอกสารทั้งหมดได้ส่งไปตรวจลายนิ้วมือบนเอกสารแล้ว เพื่อหาตัวว่าบุคคลใดเป็นผู้ปลอมลายเซ็น
ส่วนที่บริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ เกี่ยวข้องกับการรับงานก่อสร้างโครงการของรัฐรวม 27 สัญญา จะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกเลิกสัญญาเหล่านี้หรือไม่นั้น ทางดีเอสไอต้องขอเวลาทำคดีให้แล้วเสร็จก่อน หากชัดเจนว่าเป็นบริษัทนอมินีคนต่างด้าวจริง ก็จะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนคดีความผิดเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า ดีเอสไอร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เก็บตัวอย่างเหล็กที่อยู่ในโครงสร้างที่พังทลายแล้ว และตัวอย่างเหล็กจากไซต์งานก่อสร้างที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ รวมจำนวน 240 ชิ้นจากทุกโซน เพื่อนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบมาตรฐานอุตสาหกรรม หากตกมาตรฐานแล้วนำไปใช้ก่อสร้าง ทางสมอ. ก็จะทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมาที่ดีเอสไอดำเนินคดี ส่วนปูนซีเมนต์ ดีเอสไอเก็บตัวอย่างก้อนปูนจากเกือบทุกโซน ยกเว้นโซน A ที่เสียหายอย่างหนักและยังเป็นพื้นที่กู้ภัยอยู่ โดยเก็บมาได้ 59 ตัวอย่างแล้ว และจะนำไปทำแบบโมเดลแบบจำลองการถล่มทางวิศวกรรม เพื่อหาสาเหตุของการถล่มต่อไป
Gallery
