ทั่วโลกร่วมไว้อาลัยการสิ้นพระชนม์ โป๊ปฟรานซิส

ทั่วโลกร่วมไว้อาลัยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งสำนักวาติกันเผยสาเหตุเกิดจากภาวะสมองขาดเลือดและหัวใจล้มเหลว

สำนักวาติกันสั่นระฆังและลดธงครึ่งเสาทั่วนครรัฐวาติกันเพื่อไว้อาลัย หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อเวลา 07.35 น. วานนี้ (21 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา โดยสำนักวาติกันเปิดเผยว่า มีสาเหตุมาจากโรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) และหัวใจล้มเหลว ซึ่งพระองค์เพิ่งปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้ายที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ เพื่อประทานพรวันอีสเตอร์

ขณะที่ ทั่วโลกต่างร่วมไว้อาลัยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส รวมทั้งที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยอาร์ชบิชอปแห่งกรุงบัวโนสไอเรส เป็นผู้ประกอบพิธีมิสซา พร้อมเล่าถึงความมุ่งมั่นของพระสันตปาปาฟรานซิสที่ไม่หลบซ่อนจากปัญหาต่าง ๆ ในปัจจุบัน

สำหรับในวันนี้ พระคาร์ดินัลทุกองค์ที่อยู่ในกรุงโรม ของอิตาลี ได้รับเชิญให้มาชุมนุมกันในเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่นครรัฐวาติกัน เพื่อเริ่มวางแผนพิธีศพ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประสงค์ให้ทำพิธีอย่างเรียบง่าย และในบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2566 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเคยเปิดเผยว่า พระองค์จัดเตรียมหลุมฝังศพไว้แล้วในโบสถ์ที่พระองค์โปรดปราน นั่นคือ มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร (Santa Maria Maggiore Basilica) ในกรุงโรม และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพ พระคาร์ดินัลจากทั่วโลกจะเลือกประมุขแห่งพระศาสนจักรคาทอลิกและประมุขแห่งนครรัฐวาติองค์ใหม่ ซึ่งคาดว่าการประชุมใหญ่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนหน้า โดยจะเลือกจากพระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี ปัจจุบันมีอยู่ 135 องค์ จากทั้งหมด 252 องค์ และจะเป็นการประชุมลับ ซึ่งจะต้องได้เสียงอย่างน้อย 2 ใน 3

หากคณะพระคาร์ดินัลเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้แล้ว ก็จะทำการเผากระดาษ ปรากฏให้เป็นเป็นควันสีขาว พร้อมกับการสั่นระฆังเพื่อแจ้งให้สาธารณชนที่มาเฝ้ารอบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ได้รับทราบ แต่หากยังเลือกไม่ได้ ก็จะมีการผสมสารเคมีไปพร้อมกับการเผากระดาษ เพื่อส่งสัญณาณควันไฟสีดำ ซึ่งกระบวนการลงคะแนนอาจใช้เวลาหลายวัน โดยแต่ละวันจะลงคะแนนไม่เกิน 4 ครั้ง และหากผ่านไป 33 ครั้งแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ ก็จะเป็นการเลือกระหว่างพระคาร์ดินัล 2 องค์ ที่มีคะแนนสูงสุด