ตร.พัทยา ปิดเมืองเร่งล่าโจรควงปืนขู่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ชิงเงิน 3,000 บาท

วันนี้ (21 เม.ย. 68) ร.ต.อ.ปาณสาร ครองสิทธิ์ รองสวป.สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวถูกคนร้ายใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ ที่บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยพระตำหนัก 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจสายตรวจ รีบไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนายธีรัช อายุ 59 ปี พลเมืองดี อาชีพขับวินรถจยย.รับจ้าง ยืนให้การช่วยเหลือกหญิงสาวกลุ่มผู้เสียหายเป็นหญิงชาวรัสเซีย 2 คน ลูกอีก 1 คน และสาวชาวไทย ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนคนร้ายพบว่าเป็นชายไทย มีอาวุธปืน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ แต่งกาย สวมเสื้อกั๊กสีส้ม ใช้รถจยย. ไม่ทราบยี่ห้อ สี และทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางซอย 6 พระตำหนัก ได้เงินสดไปประมาณ 3,000 บาท ตำรวจจึงแจ้งวิทยุสกัดจับ ก่อนจะพาตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำ ที่ สภ.เมืองพัทยา
จากการสอบถาม นายธีรัช พลเมืองดี เล่าว่า ได้มีสาวผู้เสียหายชาวรัสเซีย ร้องไห้วิ่งหน้าตาตื่นมาขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่าถูกคนร้ายขับรถจยย. ปาดหน้า ชักอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่ และกลัวคนร้ายจะทำร้ายลูกที่เดินจูงมือมาด้วยกัน จึงควักเงินจำนวน 3,000 บาท ให้คนร้ายไป ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถจยย. ไปซอยข้าง ๆ เอาปืนไปจี้หญิงไทยอีกราย แต่โชคดีที่เธอวิ่งหนีทัน ซึ่งจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน
ขณะที่นายเพชร อายุ 33 ปี พลเมืองดีอีกคน เล่าว่า กลุ่มผู้เสียหายเป็นสาวชาวรัสเซีย วิ่งมาขอความช่วยเหลือที่วิน โดยบอกว่าพวกเธอโดนปล้น คนร้ายใส่เสื้อกั๊กสีส้ม คล้ายเสื้อวินจยย. รับจ้าง มีอาวุธปืน พร้อมวิทยุสื่อสารเหน็บเอว ซึ่งไม่สามารถจำจดใบหน้าคนร้ายได้ เพราะสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า จังหวะที่จี้นั้นก็เอาปืนจ่อลูก ผู้เสียหายกลัวเลยให้เงินไป 3,000 บาท
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตร. วิทยุสกัดจับคนร้ายตามรูปพรรณสัณฐาน แต่ก็ยังไร้วี่แวว อย่างไรก็ดี ชุดสืบสวนจะเร่งสอบสวนกลุ่มผู้เสียหายในการปะติดปะต่อเรื่องราวว่าคนร้ายก่อเหตุใครก่อน และจากไหนไปไหน และลงพื้นที่ไปตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด และเส้นทางที่ใช้ในการหลบหนี เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุที่สุดอุกอาจ และทำภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเสียหาย
ที่เกิดเหตุพบนายธีรัช อายุ 59 ปี พลเมืองดี อาชีพขับวินรถจยย.รับจ้าง ยืนให้การช่วยเหลือกหญิงสาวกลุ่มผู้เสียหายเป็นหญิงชาวรัสเซีย 2 คน ลูกอีก 1 คน และสาวชาวไทย ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนคนร้ายพบว่าเป็นชายไทย มีอาวุธปืน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ แต่งกาย สวมเสื้อกั๊กสีส้ม ใช้รถจยย. ไม่ทราบยี่ห้อ สี และทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางซอย 6 พระตำหนัก ได้เงินสดไปประมาณ 3,000 บาท ตำรวจจึงแจ้งวิทยุสกัดจับ ก่อนจะพาตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำ ที่ สภ.เมืองพัทยา
จากการสอบถาม นายธีรัช พลเมืองดี เล่าว่า ได้มีสาวผู้เสียหายชาวรัสเซีย ร้องไห้วิ่งหน้าตาตื่นมาขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่าถูกคนร้ายขับรถจยย. ปาดหน้า ชักอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่ และกลัวคนร้ายจะทำร้ายลูกที่เดินจูงมือมาด้วยกัน จึงควักเงินจำนวน 3,000 บาท ให้คนร้ายไป ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถจยย. ไปซอยข้าง ๆ เอาปืนไปจี้หญิงไทยอีกราย แต่โชคดีที่เธอวิ่งหนีทัน ซึ่งจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน
ขณะที่นายเพชร อายุ 33 ปี พลเมืองดีอีกคน เล่าว่า กลุ่มผู้เสียหายเป็นสาวชาวรัสเซีย วิ่งมาขอความช่วยเหลือที่วิน โดยบอกว่าพวกเธอโดนปล้น คนร้ายใส่เสื้อกั๊กสีส้ม คล้ายเสื้อวินจยย. รับจ้าง มีอาวุธปืน พร้อมวิทยุสื่อสารเหน็บเอว ซึ่งไม่สามารถจำจดใบหน้าคนร้ายได้ เพราะสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า จังหวะที่จี้นั้นก็เอาปืนจ่อลูก ผู้เสียหายกลัวเลยให้เงินไป 3,000 บาท
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตร. วิทยุสกัดจับคนร้ายตามรูปพรรณสัณฐาน แต่ก็ยังไร้วี่แวว อย่างไรก็ดี ชุดสืบสวนจะเร่งสอบสวนกลุ่มผู้เสียหายในการปะติดปะต่อเรื่องราวว่าคนร้ายก่อเหตุใครก่อน และจากไหนไปไหน และลงพื้นที่ไปตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด และเส้นทางที่ใช้ในการหลบหนี เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุที่สุดอุกอาจ และทำภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเสียหาย
Gallery
