”นายกฯ “ แย้ม กล้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง เหตุตึก สตง.ถล่ม กำชับหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งเอกสารสำคัญ

”นายกฯ “ แย้ม กล้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง เหตุตึก สตง.ถล่ม กำชับหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งเอกสารสำคัญ ลั่น เป็นไปไม่ได้ ไม่มีคนผิด
วันนี้ (18 เม.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่มว่า ได้รับรายงานว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารสำคัญให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างช้า จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือมากกว่านี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องหาหลักฐาน และเหตุผลให้ครบ จึงสามารถนำข้อมูลมารับผิดชอบต่อชีวิตที่เสียไป โดยเฉพาะเอกสารจาก สตง. กรณีพบว่า มีการผิดสัญญา แต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาตามกำหนดตั้งแต่ ม.ค.68 ซึ่งต้องขอเอกสารเพิ่มเติมจุดนี้ รวมไปถึงเอกสารจาก กรมอุตุนิยมวิทยา และสำนักทรัพยากรธรณีวิทยา ถึงผลกระทบแผ่นดินไหวว่า กทม. ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ ที่ก่อให้เกิดตึกถล่ม
และยังต้องขอเอกสารเกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างจากกรมบัญชีกลาง เพื่อดูคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง เพื่อชี้วัด และมีอำนาจในการยกเลิกสัญญา รวมไปถึงกรมโยธาธิการที่ร่วมตรวจรับการก่อสร้างและตรวจรับงาน ต้องให้ความร่วมมือ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจรับตึก สตง. ควรจะแยกออกจากกระบวนการสืบสวนนี้ ขอให้คัดกรองผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงออกไป ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกรณีมาตรฐานเหล็กและปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการแก้ไขแบบปล่องลิฟท์ที่ไม่มีการเสริมเหล็ก หรือ Cor Wall จนทำให้มีความเสี่ยง และคดีนอมินี คดีฮั้วประมูล ซึ่งในเรื่องนี้ตนจะย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลไม่ได้ปล่อยมือจากเรื่องนี้ และไม่มีแผนจะปล่อยมือจากเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะส่วนตัวรับไม่ได้ที่จะมีผู้เสียชีวิตด้วยเหตุตึกถล่มเพียงตึกเดียว ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเท่ากับเมียนมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถห้ามได้ แต่เรื่องนี้มีเพียงตึกเดียว และตนก็ติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง
น.ส.แพทองธาร ยังย้ำถึงเรื่องการทำโมเดลที่จะทำตึกถล่มออกมาเพื่อหารายละเอียดเชิงลึก แต่ระหว่างนี้การทำงานต่าง ๆ จะต้องถูกตรวจสอบว่าถูกแล้วหรือยังตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง ส่วนผลสรุปต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะหากพูดก่อนอาจจะโดนฟ้องได้ แต่เมื่อหลักฐานพอจะสามารถออกหมายจับได้เลย ยืนยันว่า ไม่นานจะสามารถออกหมายจับได้เร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่าทำทุกอย่างตามหลักฐาน และได้เน้นย้ำกับ ทางตำรวจว่าทำให้เต็มที่ ทำให้จริงจัง
เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าวได้กำชับกับหน่วยงานรัฐในเรื่องของการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริง ๆ ไม่ใช่เฉพาะหน่วยงานรัฐ แต่ทุกตึกต้องมีความรับผิดชอบ เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องตรวจสอบ และดำเนินการให้ชัดเจน ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น ก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นการปลอมแปลงจริงหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้รับทราบมาว่า เจ้าของลายเซ็นยืนยันว่า ถูกปลอมแปลง
ส่วนเจ้าหน้าที่ สตง.จะมีส่วนรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน ให้เป็นไปตามหลักฐาน ไม่ได้เหมารวม จะต้องดูว่าส่วนไหนใครเป็นคนดูแล ขอให้รอทางตำรวจชี้ว่า หลักฐานเพียงพอ ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่มีคนรับผิดเลยในเรื่องนี้ เพราะต้องมีบางจุดที่ผิดพลาดไปจากทุกตึก การที่จะบอกว่าจะมีศูนย์คน ไม่มีใครรับผิดชอบเรื่องนี้เป็นไปได้ยากมาก
วันนี้ (18 เม.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่มว่า ได้รับรายงานว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารสำคัญให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างช้า จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือมากกว่านี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องหาหลักฐาน และเหตุผลให้ครบ จึงสามารถนำข้อมูลมารับผิดชอบต่อชีวิตที่เสียไป โดยเฉพาะเอกสารจาก สตง. กรณีพบว่า มีการผิดสัญญา แต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาตามกำหนดตั้งแต่ ม.ค.68 ซึ่งต้องขอเอกสารเพิ่มเติมจุดนี้ รวมไปถึงเอกสารจาก กรมอุตุนิยมวิทยา และสำนักทรัพยากรธรณีวิทยา ถึงผลกระทบแผ่นดินไหวว่า กทม. ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ ที่ก่อให้เกิดตึกถล่ม
และยังต้องขอเอกสารเกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างจากกรมบัญชีกลาง เพื่อดูคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง เพื่อชี้วัด และมีอำนาจในการยกเลิกสัญญา รวมไปถึงกรมโยธาธิการที่ร่วมตรวจรับการก่อสร้างและตรวจรับงาน ต้องให้ความร่วมมือ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจรับตึก สตง. ควรจะแยกออกจากกระบวนการสืบสวนนี้ ขอให้คัดกรองผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงออกไป ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกรณีมาตรฐานเหล็กและปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการแก้ไขแบบปล่องลิฟท์ที่ไม่มีการเสริมเหล็ก หรือ Cor Wall จนทำให้มีความเสี่ยง และคดีนอมินี คดีฮั้วประมูล ซึ่งในเรื่องนี้ตนจะย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลไม่ได้ปล่อยมือจากเรื่องนี้ และไม่มีแผนจะปล่อยมือจากเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะส่วนตัวรับไม่ได้ที่จะมีผู้เสียชีวิตด้วยเหตุตึกถล่มเพียงตึกเดียว ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเท่ากับเมียนมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถห้ามได้ แต่เรื่องนี้มีเพียงตึกเดียว และตนก็ติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง
น.ส.แพทองธาร ยังย้ำถึงเรื่องการทำโมเดลที่จะทำตึกถล่มออกมาเพื่อหารายละเอียดเชิงลึก แต่ระหว่างนี้การทำงานต่าง ๆ จะต้องถูกตรวจสอบว่าถูกแล้วหรือยังตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง ส่วนผลสรุปต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะหากพูดก่อนอาจจะโดนฟ้องได้ แต่เมื่อหลักฐานพอจะสามารถออกหมายจับได้เลย ยืนยันว่า ไม่นานจะสามารถออกหมายจับได้เร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่าทำทุกอย่างตามหลักฐาน และได้เน้นย้ำกับ ทางตำรวจว่าทำให้เต็มที่ ทำให้จริงจัง
เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าวได้กำชับกับหน่วยงานรัฐในเรื่องของการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริง ๆ ไม่ใช่เฉพาะหน่วยงานรัฐ แต่ทุกตึกต้องมีความรับผิดชอบ เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องตรวจสอบ และดำเนินการให้ชัดเจน ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องการปลอมแปลงลายเซ็นนั้น ก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นการปลอมแปลงจริงหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้รับทราบมาว่า เจ้าของลายเซ็นยืนยันว่า ถูกปลอมแปลง
ส่วนเจ้าหน้าที่ สตง.จะมีส่วนรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน ให้เป็นไปตามหลักฐาน ไม่ได้เหมารวม จะต้องดูว่าส่วนไหนใครเป็นคนดูแล ขอให้รอทางตำรวจชี้ว่า หลักฐานเพียงพอ ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่มีคนรับผิดเลยในเรื่องนี้ เพราะต้องมีบางจุดที่ผิดพลาดไปจากทุกตึก การที่จะบอกว่าจะมีศูนย์คน ไม่มีใครรับผิดชอบเรื่องนี้เป็นไปได้ยากมาก
Gallery
