ACT ชี้ข้อสงสัย ผู้ชนะประมูลก่อสร้างตึกสตง.ถล่ม ไม่มีในชื่อผู้เสนอราคา

วันที่ 4 เม.ย. 2568
ACT ชี้ข้อสงสัย ผู้ชนะประมูลก่อสร้างตึก สตง. ไม่มีในชื่อผู้เสนอราคา เสนอ 3 มาตรการ ดันรัฐปฏิรูปความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วม หยุดซ้ำรอย “ตึกถล่ม”

วันนี้ (4 เม.ย.68) นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เผยว่า ตรวจพบข้อสงสัยจากข้อมูลที่เปิดเผยบนเว็บไซต์โครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ(e-GP) เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ ที่พังถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนเกิดความสูญเสียใหญ่

“รายชื่อผู้เสนอราคารับเหมาก่อสร้างอาคาร สตง.มี 6 บริษัท ในขณะที่บริษัท ITD-EREC ที่เป็นผู้ชนะประมูลปรากฏอยู่ในรายชื่อขอรับซื้อเอกสารประกวดราคา แต่กลับไม่ปรากฏชื่อในหน้ายื่นเอกสารร่วมประมูล และหน้ารายชื่อบริษัทที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและเทคนิค แต่สุดท้ายกลับมีชื่อในประกาศเป็นผู้ชนะการประมูล อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้อาจเกิดจากความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลก็ได้ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง”

กรณีอาคาร สตง.ถล่มนี้ สร้างความตื่นตัวให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าไปสืบค้นข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การขยายผลตรวจสอบในมิติต่าง ๆ โดยค้นหาข้อมูลในระบบ ACT Ai ซึ่งคือระบบฐานข้อมูลจับโกงจัดซื้อจัดจ้าง (actai.co) ที่ ACT ได้พัฒนาขึ้น เพื่อรวบรวมจัดเก็บข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลระดับสากล ปัจจุบันมีข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างในระบบจำนวนกว่า 42 ล้านโครงการ ข้อมูลผู้ค้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างจำนวนกว่า 1.5 ล้านราย

ที่ผ่านมา ACT Ai ได้ช่วยค้นหาความจริงและจับโกงได้หลายกรณี ตัวอย่างเช่น คดีกำนันนกที่ได้รับสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจำนวนมาก ตรวจสอบมูลค่าเสาไฟกินรี ตรวจสอบโครงการประเภท “คิด ทำ ทิ้ง” ทั่วประเทศ เช่น เครื่องกรองน้ำและโซล่าเซลล์ ลานออกกำลังกายชุมชน เครื่องผลิตน้ำประปา สะท้อนให้เห็นประโยชน์ของการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงตรวจสอบได้

นายมานะ เปิดเผยว่า แม้มาตรการป้องกันคอร์รัปชันอย่างข้อตกลงคุณธรรมจะช่วยประหยัดงบประมาณให้ชาติไปแล้วกว่า 77,000 ล้านบาท แต่ก็มีอุปสรรคขวางกั้นมากมาย เช่น โครงการที่รัฐเลือกเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม กลับมีขนาดและความสำคัญลดน้อยลง จากมูลค่ารวมเฉลี่ยปีละ 4-5 แสนล้านบาท เหลือเพียง 5 หมื่นล้านบาท อีกทั้งหน่วยงานเจ้าของโครงการรวบรัดการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงไม่เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม หรือขอถอนโครงการออกจากข้อตกลงคุณธรรมด้วยการตีความกฎหมายเฉพาะ

นอกจากนี้ยังพบว่า ในโครงการลงทุนร่วมรัฐและเอกชน (PPP) และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีการแยกออกไปใช้ข้อตกลงคุณธรรมในเวอร์ชันที่หน่วยงานกำหนดเอง โดยไม่ได้อยู่บนมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดซื้อฯ เช่น กำหนดให้ผู้สังเกตการณ์เข้าได้เฉพาะขั้นตอนคัดเลือกเท่านั้น หรือ เลือกกำหนดผู้สังเกตการณ์เองซึ่งผิดหลักสากล

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันกล่าวต่อไปว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะปฏิรูปการทำงานของภาครัฐให้เปิดเผยโปร่งใสด้วยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน จึงขอเสนอรัฐบาลยกระดับความโปร่งใส 3 มาตรการ ดังนี้ 
1.รัฐและผู้รับเหมาต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการฯ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ชัดเจน ครบถ้วน ตรวจสอบได้ รวดเร็วทันทีที่ร้องขอ จัดทำรูปแบบวิเคราะห์ที่เข้าใจง่าย สะดวกต่อการนำไปใช้ต่อ
2.รัฐต้องนำข้อตกลงคุณธรรมที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไปใช้กับทุกโครงการตามพรบ.จัดซื้อฯ รวมทั้งโครงการลงทุนร่วมรัฐและเอกชน (PPP) และ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  โดยไม่ยกเว้น
3.รัฐต้องเพิ่มจำนวนโครงการเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมอย่างน้อยเท่าตัว โดยเน้นคัดโครงการเมกะโปรเจคที่ประชาชนสนใจหรือมีผลกระทบต่อประชาชนมาก

Gallery