หนุ่มหัวเกรียน แจ้งความกลับ โวยโดนพูดหาเรื่อง แถมโดนเปิดก่อนเลยป้องกันตัว

หนุ่มหัวเกรียน เปิดกล้องหลังรถ แจ้งความกลับหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจ โวยเดินกลับไปรถแล้ว แต่โดนพูดหาเรื่อง ”มึงมีอะไร“ ก่อนพุ่งเข้ามาเปิดก่อน เลยป้องกันตัว ยันไม่เอานาฬิกาไป
จากกรณีเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 31 มี.ค. 68 นายสันติ อายุ 48 ปี เจ้าของธุรกิจค้าผ้าและสิ่งทอ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ที่สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังถูกชายหัวเกรียนทำร้ายร่างกาย เนื่องจากไม่พอใจที่ตนไม่ยอมขับรถหลบ ก่อนขับรถปาดหน้าลงมาด่าทอและทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเบ้าตาข้างขวาแตก มีอาการแก้วตาเป็นรอย และยังมีทรัพย์สินเป็นนาฬิกาข้อมือหลุดหายไป เหตุเกิดบริเวณถนนรัตนาธิเบศร์ (ขาออก) มุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจ เจอโจ๋หัวเกรียน ปาดหาเรื่อง-ทำร้ายร่างกาย)
ล่าสุดวานนี้ (1 เม.ย. 68) ที่สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายพีรชัย อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ก็ได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายสันติ เช่นเดียวกันหลังเมื่อวานนี้
โดยกล้องหลังรถของนายพีรชัย ได้บันทึกเหตุการณ์ขณะที่ตนเองจอดอยู่ข้างหน้ารถตู้สีขาว ของนายสันติ ห่างกันประมาณ 10 เมตร จากนั้น นายพีรชัย ได้เดินลงจากรถไปพูดคุยกับคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีไม่ได้เปิดกระจกหรือลงจากรถ นายพีรชัย จึงเดินกลับมาที่รถ ขณะนั้น คู่กรณีซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ เดินพุ่งเข้ามา ก่อนจะมีการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จนนายพีรชัย ถูกจับกดไปกองกับพื้นฟุตพาทข้างทาง จนได้รับบาดเจ็บ
นายพีรชัย กล่าวว่า วันเกิดเหตุจังหวะที่ต่างคนต่างขับรถมา ตนไม่มั่นใจจุดประสงค์คืออะไร แต่ตนรีบขับรถตรงมาเรื่อย ๆ ยอมรับว่ามีการแซงเกิดขึ้นจริง แต่ก่อนที่จะแซง คู่กรณีเบี่ยงซ้ายมาหาตน อีกนิดเดียวจะชนอยู่แล้ว ตนจึงตัดสินใจเบรก ตนก็เลยโมโหจอดรถ และเดินลงไปถาม
รอบแรกที่เดินไปเพียงแค่จะถามว่าทำไมถึงขับรถอย่างนี้ แต่คู่กรณีไม่ยอมเปิดประตูลงมา จังหวะคู่กรณีถ่ายคลิปตนพยักหน้าและเดินไปอีกครั้ง ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ พอตนหันหลังกลับมาที่รถ คู่กรณีพุ่งมาหาตนทันที โดยตนได้ยินคู่กรณีน่าจะพูดประมาณว่า “มึงมีอะไร” แต่ตนไม่มั่นใจว่ามีการพูดอะไรบ้าง แต่พูดทำนองหาเรื่อง เพราะตนเองเดินกลับไปแล้ว ต่างคนต่างไปแล้ว จังหวะนั้นจึงมีการชกต่อยเกิดขึ้น คู่กรณีต่อยตนก่อน ตนจึงป้องกันตัว เพราะตนไม่รู้ว่าคู่กรณีมีอาวุธหรือไม่ ส่วนตนเองนั้นไปตัวเปล่าเลย ไม่มีอาวุธหรืออะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ตนได้รับบาดเจ็บตรงศีรษะ ช่วงคอรวมถึงช่วงหน้าท้อง และหัวเข่า เกิดจากการเหวี่ยงกันและล้ม แต่ไม่ทราบว่าคู่กรณีเจ็บตรงไหนบ้าง
นายพีรชัย กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ตนมาแสดงตัวกับตำรวจเพราะบริสุทธิ์ใจ อยากให้มาคุยกันให้จบ ๆ ไป วันนี้ที่ตั้งใจมาเพื่อจะแจ้งความกลับ แต่ตนก็ไม่อยากเจอคู่กรณี หากต้องเจอจริง ๆ ตนยอมรับว่าเป็นคนใจร้อน แต่ไม่ใช่ถึงกับต้องมีเหตุทะเลาะวิวาท ตนจะพยายามใจเย็นให้มากกว่านี้ ยอมรับว่าตนก็ผิดส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันตัว ส่วนเรื่องนาฬิกาไม่มีแน่นอน ตนไม่ได้เดือดร้อนถึงกับต้องขโมยของใคร เห็นว่าใส่นาฬิกาอยู่ที่มือ แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงไปแจ้งความว่าตนขโมยของแบบนี้
ด้าน พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางใหญ่ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ คู่กรณีอีกฝ่ายได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.บางใหญ่ จึงได้ดำเนินการสอบปากคำและส่งตัวไปตรวจร่างกาย วันนี้คู่กรณีอีกฝ่ายจึงได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนและถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายเช่นเดียวกัน
เบื้องต้น เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ใจเย็น ๆ และมีสติขับรถ อย่าวู่วาม อย่าใช้อารมณ์ และการใช้ความรุนแรงมีความผิดตามกฎหมาย การทำร้ายร่างกายสามารถไกล่เกลี่ยได้ หากคู่กรณีมีความประสงค์ที่จะให้ยุติคดีในชั้นพนักงานสอบสวน สามารถเปรียบเทียบปรับได้ เพราะว่าบาดแผลไม่ได้เยอะ และไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในส่วนของนาฬิกาที่อีกฝ่ายอ้างว่าหายไป จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและดูกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง รวมถึงหลักฐานการมีนาฬิกาเป็นทรัพย์สินไว้ในครอบครอง
จากกรณีเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 31 มี.ค. 68 นายสันติ อายุ 48 ปี เจ้าของธุรกิจค้าผ้าและสิ่งทอ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ที่สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังถูกชายหัวเกรียนทำร้ายร่างกาย เนื่องจากไม่พอใจที่ตนไม่ยอมขับรถหลบ ก่อนขับรถปาดหน้าลงมาด่าทอและทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเบ้าตาข้างขวาแตก มีอาการแก้วตาเป็นรอย และยังมีทรัพย์สินเป็นนาฬิกาข้อมือหลุดหายไป เหตุเกิดบริเวณถนนรัตนาธิเบศร์ (ขาออก) มุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจ เจอโจ๋หัวเกรียน ปาดหาเรื่อง-ทำร้ายร่างกาย)
ล่าสุดวานนี้ (1 เม.ย. 68) ที่สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายพีรชัย อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ก็ได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายสันติ เช่นเดียวกันหลังเมื่อวานนี้
โดยกล้องหลังรถของนายพีรชัย ได้บันทึกเหตุการณ์ขณะที่ตนเองจอดอยู่ข้างหน้ารถตู้สีขาว ของนายสันติ ห่างกันประมาณ 10 เมตร จากนั้น นายพีรชัย ได้เดินลงจากรถไปพูดคุยกับคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีไม่ได้เปิดกระจกหรือลงจากรถ นายพีรชัย จึงเดินกลับมาที่รถ ขณะนั้น คู่กรณีซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ เดินพุ่งเข้ามา ก่อนจะมีการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จนนายพีรชัย ถูกจับกดไปกองกับพื้นฟุตพาทข้างทาง จนได้รับบาดเจ็บ
นายพีรชัย กล่าวว่า วันเกิดเหตุจังหวะที่ต่างคนต่างขับรถมา ตนไม่มั่นใจจุดประสงค์คืออะไร แต่ตนรีบขับรถตรงมาเรื่อย ๆ ยอมรับว่ามีการแซงเกิดขึ้นจริง แต่ก่อนที่จะแซง คู่กรณีเบี่ยงซ้ายมาหาตน อีกนิดเดียวจะชนอยู่แล้ว ตนจึงตัดสินใจเบรก ตนก็เลยโมโหจอดรถ และเดินลงไปถาม
รอบแรกที่เดินไปเพียงแค่จะถามว่าทำไมถึงขับรถอย่างนี้ แต่คู่กรณีไม่ยอมเปิดประตูลงมา จังหวะคู่กรณีถ่ายคลิปตนพยักหน้าและเดินไปอีกครั้ง ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ พอตนหันหลังกลับมาที่รถ คู่กรณีพุ่งมาหาตนทันที โดยตนได้ยินคู่กรณีน่าจะพูดประมาณว่า “มึงมีอะไร” แต่ตนไม่มั่นใจว่ามีการพูดอะไรบ้าง แต่พูดทำนองหาเรื่อง เพราะตนเองเดินกลับไปแล้ว ต่างคนต่างไปแล้ว จังหวะนั้นจึงมีการชกต่อยเกิดขึ้น คู่กรณีต่อยตนก่อน ตนจึงป้องกันตัว เพราะตนไม่รู้ว่าคู่กรณีมีอาวุธหรือไม่ ส่วนตนเองนั้นไปตัวเปล่าเลย ไม่มีอาวุธหรืออะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ตนได้รับบาดเจ็บตรงศีรษะ ช่วงคอรวมถึงช่วงหน้าท้อง และหัวเข่า เกิดจากการเหวี่ยงกันและล้ม แต่ไม่ทราบว่าคู่กรณีเจ็บตรงไหนบ้าง
นายพีรชัย กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ตนมาแสดงตัวกับตำรวจเพราะบริสุทธิ์ใจ อยากให้มาคุยกันให้จบ ๆ ไป วันนี้ที่ตั้งใจมาเพื่อจะแจ้งความกลับ แต่ตนก็ไม่อยากเจอคู่กรณี หากต้องเจอจริง ๆ ตนยอมรับว่าเป็นคนใจร้อน แต่ไม่ใช่ถึงกับต้องมีเหตุทะเลาะวิวาท ตนจะพยายามใจเย็นให้มากกว่านี้ ยอมรับว่าตนก็ผิดส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันตัว ส่วนเรื่องนาฬิกาไม่มีแน่นอน ตนไม่ได้เดือดร้อนถึงกับต้องขโมยของใคร เห็นว่าใส่นาฬิกาอยู่ที่มือ แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงไปแจ้งความว่าตนขโมยของแบบนี้
ด้าน พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางใหญ่ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ คู่กรณีอีกฝ่ายได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.บางใหญ่ จึงได้ดำเนินการสอบปากคำและส่งตัวไปตรวจร่างกาย วันนี้คู่กรณีอีกฝ่ายจึงได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนและถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายเช่นเดียวกัน
เบื้องต้น เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ใจเย็น ๆ และมีสติขับรถ อย่าวู่วาม อย่าใช้อารมณ์ และการใช้ความรุนแรงมีความผิดตามกฎหมาย การทำร้ายร่างกายสามารถไกล่เกลี่ยได้ หากคู่กรณีมีความประสงค์ที่จะให้ยุติคดีในชั้นพนักงานสอบสวน สามารถเปรียบเทียบปรับได้ เพราะว่าบาดแผลไม่ได้เยอะ และไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในส่วนของนาฬิกาที่อีกฝ่ายอ้างว่าหายไป จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและดูกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง รวมถึงหลักฐานการมีนาฬิกาเป็นทรัพย์สินไว้ในครอบครอง
Gallery
