ดิว อริสรา เปิดใจ ปมนำของแบรนด์เนม ของเมย์ วาสนา ไปจำนำ ยอมรับ ใช้เงินเกินตัว

ดิว อริสรา เปิดใจ ปมนำของแบรนด์เนม ของเมย์ วาสนา ไปจำนำ ยอมรับ ใช้เงินเกินตัว ชีวิตคนเรา มันต้องมีครั้งหนึ่ง ที่มันเป็นแบบนี้ เผย ตอนนี้กำลังหาทางแก้ไขให้ดีที่สุด ลั่น ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะธุรกิจที่ทำ ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง
19 มีนาคม 2568 ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ เปิดใจในรายการโหนกระแส ถึงประเด็นดราม่าที่กำลังเป็นกระแสข่าว เรื่องของการยืมกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู สร้อยหรู ของ เมย์ วาสนา นักธุรกิจดัง ไฮโซพันล้าน เจ้าของโรงงานผลิตสินค้าขนาดใหญ่ ก่อนจะมีประเด็นว่า ไม่ยอมนำของไปคืน และมีข้อมูลอีกว่า ดิว อริสรานำของเหล่านั้นไปจำนำ
โดย ล่าสุด ดิว อริสรา เปิดใจโดยระบุว่า สิ่งแรกที่จะพูดคือ ขอโทษที่ทำให้ เมย์ วาสนา ต้องมานั่งออกรายการอะไรแบบนี้ ขอบคุณโหนกระแสที่ทำให้ได้มีโอกาสออกมาชี้แจงทั้งหมด สิ่งที่เมย์ วาสนาพูด ตนเองไม่ขอตอบโต้อะไร และขอยอมรับว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะตัวดิวเอง และขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เดือดร้อนแบบนี้ ยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงอะไรเลย เมย์ วาสนา เป็นคนเดียวที่ช่วยดิวในเวลานั้น รายละเอียดหลายๆอย่างที่เมย์ วาสนา พูดก็เป็นเรื่องจริง ที่ตัวดิวเองเป็นคนไปขอความช่วยเหลือ แต่ขอชี้แจงว่า ตอนแรกที่ตนเองขอความช่วยเหลือไป ทางหุ้นส่วนรู้ดี หุ้นส่วนเป็นคนออกความคิดเห็นให้ตัวดิวมาคุยแบบนั้น หุ้นส่วนเป็นคนบอก และตนเองก็รู้ว่า หลังจากที่คุยแบบนั้น เมย์ วาสนา ก็พยายามช่วยจริงๆ
ดิว ขอยืนยันว่า ของเหล่านั้นยังอยู่ครบ และจริงๆแล้วทนายน่าจะเข้าใจความหมายของตนเองผิด ตนเองไม่เคยมีเจตนาที่จะไม่บอกว่าของอยู่ไหน และที่ก่อนหน้านี้ ตัวดิวไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย เพราะคุยกับเมย์ วาสนา ตลอด แล้วเมย์ วาสนา ก็บอกว่าเดี๋ยวเรามาหาทางลงร่วมกัน ซึ่งตอนนั้นตัวดิวยังขอบคุณอยู่ในใจตลอด ตนเองไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง
ขณะที่ เมย์ วาสนา ได้ถามดิว อริสรา ว่า ดิวทำได้ยังไงตั้งแต่เอาของไป และดิสเครดิตพี่ (เมย์ วาสนา) ว่า พี่ไม่มีตังค์ พี่ออกมาอยู่คนเดียว ดิสเครดิตทุกอย่างว่าไม่มีเงินจ่าย supplier ดิวทำได้ยังไง
ซึ่ง ดิวอริสรา เผยว่า คนเดียวที่พูดว่าเป็นของที่นำไปจำนำ คือ ของเมย์ วาสนา คือ ร้านนาฬิกา แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นยังไง ตัวดิวต้องยอมรับกับมันอยู่แล้ว ในสิ่งที่เป็น แต่ตัวดิวพยายามแก้ไขปัญหา พยายามทำทุกอย่าง อย่างดีที่สุดทุกครั้ง ที่บอกว่า ซื้อเวลา ไม่เคยซื้อเวลาเลย ทุกครั้งที่พูดว่า เดี๋ยวจะได้แล้วนะ เพราะมีคนบอกว่าจะมาช่วยแล้วนะ ดิวเองมีความหวังทุกครั้งที่มีคนพูดว่าจะมาช่วย แต่สุดท้ายมันไม่ได้เป็นแบบนั้น พอไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็กลายเป็นว่า ตัวดิวแถไปวันๆ ซื้อเวลาไปวันๆ ซึ่งตัวดิวก็ไม่มีเจตนาใดๆเลยที่จะทำแบบนั้น
ส่วนกรณีของ ซุงดิวเคลียร์จบไปแล้ว ในส่วนที่เขาพูดว่าที่ยังค้างอยู่ คือ ส่วนดอกเบี้ย ของซุงเป็นเงินทั้งหมด 12 ล้าน 5 แสน ของรุ่นพี่เป็นเงินอีกประมาณ 7 ล้าน โดยรวมทั้งหมดประมาณ 20 กว่าล้านของตัวซุงที่จ่ายไปทั้งหมด มีสลิปโอนเงินทั้งหมดจ่ายครบแล้ว ที่ซุงมาตาม คือ ดอกเบี้ย ตอนแรกที่คุยกันคือขอยืม 7 วันก่อน เพราะดิวรู้ว่าเงินกำลังจะมา แต่พอ 7 วันเงินไม่มา เลยให้รุ่นพี่ไปคุยให้กลายเป็น 1 เดือน จาก 12 ล้าน 5 แสน ดอก 10%
"ชีวิตคนเรา มันต้องมีครั้งหนึ่ง ที่มันเป็นแบบนี้ มันมีปัญหา มันไม่มีทางออกในเรื่องเงิน "
ดิวลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง บางอันก็ไม่ได้ใช้เงินตัวเอง บางอันก็เป็นการทำด้วยกัน แต่เอาเป็นว่า ธุรกิจทั้งหมดที่ดิวทำ ไม่ได้มีอะไรประสบความสำเร็จเลย ดิวยอมรับตรงๆเลยว่า ตัวเองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับสังคม ที่ใช้เงินเกินตัว ไม่ประมาณตัวเอง จนทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ มันถึงจุดที่จะต้องยอมรับแล้วว่า มันเป็นแบบนั้น เรื่องการใช้เงินเกินตัว ตนเองใช้เงินเกินตัว และไม่ประมาณตัวเอง บวกกับสิ่งต่างๆที่ทำในชีวิตและพยายามทำ มันไม่ประสบความสำเร็จ มันไม่ได้ตังค์ ในเมื่อมันไม่ได้ตังค์ มันก็เลยทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ซึ่งทุกๆคน ช่วยดิวหมด
เรื่องทั้งหมด ตัวดิวไม่ได้ปรึกษาสามี เพราะเขาไม่ได้มานั่งรับรู้เรื่องนี้ด้วย และในมุมของตนเองก็รู้สึกว่า มันเป็นความรู้สึกว่า ตนเองก็มีแค่ตัวหนู แล้วหนูเป็นคนก่อปัญหานี้ขึ้น ก็ต้องจัดการปัญหานี้ สำหรับสามีเขาก็ไม่รู้ส่วนตอนนี้เขารับรู้แล้ว เขาก็มีครอบครัวเขาที่มันเป็นระบบของครอบครัวเขา ส่วนตัวเองก็ต้องดิ้นรนต่อไปเอง สิ่งที่คาดหวังอย่างเดียวเลยจากสามีขอให้รักและดูแลลูกอย่างดี
ส่วนของชิ้นหนึ่ง คือ สร้อยที่มีเส้นเดียว ที่ เมย์ วาสนา ให้ตนเอง ยืม ตนเองได้ฝากผ่านผู้ใหญ่คนหนึ่งไป แล้วผู้ใหญ่คนนั้น น่าจะเอาไปฝากไว้ที่รัฐมนตรีคนหนึ่ง
สุดท้ายนี้ ดิว อริสรา เผยว่า สำหรับคนที่รักดิว ดิวต้องขอโทษที่อาจจะทำอะไร โดยที่ไม่ได้คิดถี่ถ้วนอย่างดี จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนคนที่ซ้ำเติม สิ่งหนึ่งที่อยากจะขอคืออย่าไปพาดพิงถึง ครอบครัว ลูก หรือ สามี เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเขา อย่าไปอะไรกับลูกๆของดิว เพราะเด็กๆไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย จนตอนนี้ เขาต้องมาอยู่ต่างประเทศ ตนเองขอจริงๆว่า ถ้าจะทำอะไรหรือพูดอะไร ให้มาลงที่ดิวคนเดียว ดิวไม่ได้ปิดคอมเมนต์ สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไง ดิวก็ต้องต่อสู้ในมุมของดิวให้ดีที่สุด แต่ต้องพูดย้ำอีกครั้งว่า ไม่เคยอยากจะสู้กับ เมย์ วาสนา เพราะ เมย์ วาสนา เป็นคนช่วยดิว แต่ถ้ามันไปถึงกระบวนการนั้น ดิวก็จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ดังนั้น สำหรับสังคมต้องขอโทษ และขอให้ดูดิวเป็นแบบอย่างแล้วกัน
19 มีนาคม 2568 ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ เปิดใจในรายการโหนกระแส ถึงประเด็นดราม่าที่กำลังเป็นกระแสข่าว เรื่องของการยืมกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู สร้อยหรู ของ เมย์ วาสนา นักธุรกิจดัง ไฮโซพันล้าน เจ้าของโรงงานผลิตสินค้าขนาดใหญ่ ก่อนจะมีประเด็นว่า ไม่ยอมนำของไปคืน และมีข้อมูลอีกว่า ดิว อริสรานำของเหล่านั้นไปจำนำ
โดย ล่าสุด ดิว อริสรา เปิดใจโดยระบุว่า สิ่งแรกที่จะพูดคือ ขอโทษที่ทำให้ เมย์ วาสนา ต้องมานั่งออกรายการอะไรแบบนี้ ขอบคุณโหนกระแสที่ทำให้ได้มีโอกาสออกมาชี้แจงทั้งหมด สิ่งที่เมย์ วาสนาพูด ตนเองไม่ขอตอบโต้อะไร และขอยอมรับว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะตัวดิวเอง และขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เดือดร้อนแบบนี้ ยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงอะไรเลย เมย์ วาสนา เป็นคนเดียวที่ช่วยดิวในเวลานั้น รายละเอียดหลายๆอย่างที่เมย์ วาสนา พูดก็เป็นเรื่องจริง ที่ตัวดิวเองเป็นคนไปขอความช่วยเหลือ แต่ขอชี้แจงว่า ตอนแรกที่ตนเองขอความช่วยเหลือไป ทางหุ้นส่วนรู้ดี หุ้นส่วนเป็นคนออกความคิดเห็นให้ตัวดิวมาคุยแบบนั้น หุ้นส่วนเป็นคนบอก และตนเองก็รู้ว่า หลังจากที่คุยแบบนั้น เมย์ วาสนา ก็พยายามช่วยจริงๆ
ดิว ขอยืนยันว่า ของเหล่านั้นยังอยู่ครบ และจริงๆแล้วทนายน่าจะเข้าใจความหมายของตนเองผิด ตนเองไม่เคยมีเจตนาที่จะไม่บอกว่าของอยู่ไหน และที่ก่อนหน้านี้ ตัวดิวไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย เพราะคุยกับเมย์ วาสนา ตลอด แล้วเมย์ วาสนา ก็บอกว่าเดี๋ยวเรามาหาทางลงร่วมกัน ซึ่งตอนนั้นตัวดิวยังขอบคุณอยู่ในใจตลอด ตนเองไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง
ขณะที่ เมย์ วาสนา ได้ถามดิว อริสรา ว่า ดิวทำได้ยังไงตั้งแต่เอาของไป และดิสเครดิตพี่ (เมย์ วาสนา) ว่า พี่ไม่มีตังค์ พี่ออกมาอยู่คนเดียว ดิสเครดิตทุกอย่างว่าไม่มีเงินจ่าย supplier ดิวทำได้ยังไง
ซึ่ง ดิวอริสรา เผยว่า คนเดียวที่พูดว่าเป็นของที่นำไปจำนำ คือ ของเมย์ วาสนา คือ ร้านนาฬิกา แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นยังไง ตัวดิวต้องยอมรับกับมันอยู่แล้ว ในสิ่งที่เป็น แต่ตัวดิวพยายามแก้ไขปัญหา พยายามทำทุกอย่าง อย่างดีที่สุดทุกครั้ง ที่บอกว่า ซื้อเวลา ไม่เคยซื้อเวลาเลย ทุกครั้งที่พูดว่า เดี๋ยวจะได้แล้วนะ เพราะมีคนบอกว่าจะมาช่วยแล้วนะ ดิวเองมีความหวังทุกครั้งที่มีคนพูดว่าจะมาช่วย แต่สุดท้ายมันไม่ได้เป็นแบบนั้น พอไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็กลายเป็นว่า ตัวดิวแถไปวันๆ ซื้อเวลาไปวันๆ ซึ่งตัวดิวก็ไม่มีเจตนาใดๆเลยที่จะทำแบบนั้น
ส่วนกรณีของ ซุงดิวเคลียร์จบไปแล้ว ในส่วนที่เขาพูดว่าที่ยังค้างอยู่ คือ ส่วนดอกเบี้ย ของซุงเป็นเงินทั้งหมด 12 ล้าน 5 แสน ของรุ่นพี่เป็นเงินอีกประมาณ 7 ล้าน โดยรวมทั้งหมดประมาณ 20 กว่าล้านของตัวซุงที่จ่ายไปทั้งหมด มีสลิปโอนเงินทั้งหมดจ่ายครบแล้ว ที่ซุงมาตาม คือ ดอกเบี้ย ตอนแรกที่คุยกันคือขอยืม 7 วันก่อน เพราะดิวรู้ว่าเงินกำลังจะมา แต่พอ 7 วันเงินไม่มา เลยให้รุ่นพี่ไปคุยให้กลายเป็น 1 เดือน จาก 12 ล้าน 5 แสน ดอก 10%
"ชีวิตคนเรา มันต้องมีครั้งหนึ่ง ที่มันเป็นแบบนี้ มันมีปัญหา มันไม่มีทางออกในเรื่องเงิน "
ดิวลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง บางอันก็ไม่ได้ใช้เงินตัวเอง บางอันก็เป็นการทำด้วยกัน แต่เอาเป็นว่า ธุรกิจทั้งหมดที่ดิวทำ ไม่ได้มีอะไรประสบความสำเร็จเลย ดิวยอมรับตรงๆเลยว่า ตัวเองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับสังคม ที่ใช้เงินเกินตัว ไม่ประมาณตัวเอง จนทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ มันถึงจุดที่จะต้องยอมรับแล้วว่า มันเป็นแบบนั้น เรื่องการใช้เงินเกินตัว ตนเองใช้เงินเกินตัว และไม่ประมาณตัวเอง บวกกับสิ่งต่างๆที่ทำในชีวิตและพยายามทำ มันไม่ประสบความสำเร็จ มันไม่ได้ตังค์ ในเมื่อมันไม่ได้ตังค์ มันก็เลยทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ซึ่งทุกๆคน ช่วยดิวหมด
เรื่องทั้งหมด ตัวดิวไม่ได้ปรึกษาสามี เพราะเขาไม่ได้มานั่งรับรู้เรื่องนี้ด้วย และในมุมของตนเองก็รู้สึกว่า มันเป็นความรู้สึกว่า ตนเองก็มีแค่ตัวหนู แล้วหนูเป็นคนก่อปัญหานี้ขึ้น ก็ต้องจัดการปัญหานี้ สำหรับสามีเขาก็ไม่รู้ส่วนตอนนี้เขารับรู้แล้ว เขาก็มีครอบครัวเขาที่มันเป็นระบบของครอบครัวเขา ส่วนตัวเองก็ต้องดิ้นรนต่อไปเอง สิ่งที่คาดหวังอย่างเดียวเลยจากสามีขอให้รักและดูแลลูกอย่างดี
ส่วนของชิ้นหนึ่ง คือ สร้อยที่มีเส้นเดียว ที่ เมย์ วาสนา ให้ตนเอง ยืม ตนเองได้ฝากผ่านผู้ใหญ่คนหนึ่งไป แล้วผู้ใหญ่คนนั้น น่าจะเอาไปฝากไว้ที่รัฐมนตรีคนหนึ่ง
สุดท้ายนี้ ดิว อริสรา เผยว่า สำหรับคนที่รักดิว ดิวต้องขอโทษที่อาจจะทำอะไร โดยที่ไม่ได้คิดถี่ถ้วนอย่างดี จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนคนที่ซ้ำเติม สิ่งหนึ่งที่อยากจะขอคืออย่าไปพาดพิงถึง ครอบครัว ลูก หรือ สามี เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเขา อย่าไปอะไรกับลูกๆของดิว เพราะเด็กๆไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย จนตอนนี้ เขาต้องมาอยู่ต่างประเทศ ตนเองขอจริงๆว่า ถ้าจะทำอะไรหรือพูดอะไร ให้มาลงที่ดิวคนเดียว ดิวไม่ได้ปิดคอมเมนต์ สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไง ดิวก็ต้องต่อสู้ในมุมของดิวให้ดีที่สุด แต่ต้องพูดย้ำอีกครั้งว่า ไม่เคยอยากจะสู้กับ เมย์ วาสนา เพราะ เมย์ วาสนา เป็นคนช่วยดิว แต่ถ้ามันไปถึงกระบวนการนั้น ดิวก็จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ดังนั้น สำหรับสังคมต้องขอโทษ และขอให้ดูดิวเป็นแบบอย่างแล้วกัน
Gallery
