แกะรอยคดี อดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตในเรือนจำ-ครอบครัวยันยังไม่เผา
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คดีอดีตผู้กำกับโจ้ เสียชีวิตในเรือนจำ ตำรวจสั่งสอบหมด ทั้งหมอราชทัณฑ์ และนักโทษข้างห้อง ส่วนผู้คุมแดน 7 คู่กรณีคนตายถูกสั่งย้ายออกนอกแดนแล้ว
แกะรอยคดี อดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตในเรือนจำ
ตอนนี้ประเด็นของ พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังจากเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว เจ้าตัวตกเป็นประเด็นในสังคม เมื่อร่วมกับลูกน้องใช้ถุงพลาสติกสีดำคลุมศีรษะผู้ต้องหายาเสพติดรายหนึ่ง จนเสียชีวิตในที่สุด ก่อนที่ทั้งหมดจะทยอยมอบตัว และถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต แล้วลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตแทนนั้น
จนมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา อดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งทางผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยผลชันสูตรศพว่า เบื้องต้นให้น้ำหนักไปที่เรื่องขาดอากาศหายใจ จากการจบชีวิตตัวเอง โดยใช้ผ้า เนื่องจากบาดแผลมีรอยกว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร จึงอาจไม่ใช่การใช้เชือก
อีกทั้งลักษณะของแรงที่เกิดขึ้น ไม่พบรอยช้ำบริเวณเนื้อเยื่อใต้ลำคอ หรือบริเวณใต้รอยรัด และไม่พบการช้ำของกล้ามเนื้อลำคอ หรือบาดเจ็บของกระดูก จึงให้เหตุผลว่าแรงที่มากระทำไม่ได้เยอะมาก นอกจากนี้ยังไม่พบร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำร้าย จะมีแค่รอยแผลฟกช้ำบริเวณสะโพก เป็นรอยช้ำเก่า
เปิดวงจรปิดหน้าห้องขัง ก่อนพบร่างพิงประตู
หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน ทางกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดเผยคลิปจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้องขังเดี่ยวของ อดีต ผกก.โจ้ ในวันที่ 7 มีนาคม ระบุว่า ผู้ต้องขังเข้าห้องเวลา 15.04 น. จากนั้นเวลา 17.28 น. เจ้าหน้าที่เดินตรวจ และส่องดูผู้ต้องขัง ก่อนเดินตรวจห้องอื่น ๆ
ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินตรวจอีก 3 ครั้ง เวลา 18.45 น., เวลา 19.26 น. และเวลา 20.04 น. กระทั่งเวลา 20.32 น. เจ้าหน้าที่นำยามาให้ผู้ต้องขัง เมื่อส่องเข้าไปในช่องประตู พบร่างผู้ต้องขังพิงอยู่ที่ประตู
“อดีต ผกก.โจ้” ปรึกษาหมอ-เครียดใช้ชีวิตในคุก
ขณะที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงเพิ่มเติม ประกอบด้วย
1. ประเด็นเกี่ยวกับการรักษาของอดีตผู้กำกับโจ้ นอกจากมีโรคประจำตัว ที่รักษาโดยการรับประทานยาแล้ว พบว่าเคยปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เรื่องปัญหาการนอน วิตกกังวลคดีความ และการดำเนินชีวิตในเรือนจำฯ
2. ประเด็นปัญหาการกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานเรือนจำ เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้นำกล้องถ่ายรูปของเรือนจำ ไปถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการยึดคืน แต่ผู้ต้องขังไม่ยอม มีการพูดจาโต้เถียง ไม่มีเหตุทำร้ายร่างกาย เรือนจำตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ต้องขังถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัย ข้อหาแสดงกิริยาและวาจาไม่เหมาะสมต่อเจ้าพนักงาน เรื่องอยู่ระหว่างสอบ จึงต้องดำเนินการย้ายผู้ต้องขังจากแดน 7 ไปยังแดน 5 เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา
3. ประเด็นห้องคุมขัง ปกติเป็นห้องที่ให้ผู้ต้องขังอยู่ 4-5 คน แต่ให้อดีตผู้กำกับโจ้อยู่เพียงคนเดียว ไม่ต้องแออัดกับผู้ต้องขังอื่น และเป็นห้องที่ใช้คุมขังช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น ส่วนเวลากลางวัน ผู้ต้องขังออกไปทำกิจกรรมได้
4. ประเด็นแฟนสาวและน้องสาว ยื่นคำร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีผู้ต้องขังถูกกลั่นแกล้ง และใช้ความรุนแรง ถูกทำร้ายร่างกายจากเจ้าพนักงานเรือนจำ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม เรือนจำได้ส่งผู้ต้องขังเข้ารับการตรวจจากแพทย์ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 มกราคม และวันที่ 16 มกราคม แพทย์ไม่ได้ระบุว่า รอยฟกช้ำเกิดจากการทำร้าย มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ต่อมาอดีตผู้กำกับโจ้ ไม่ประสงค์ให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และขอให้ยุติเรื่อง พร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการบังคับ
5. ประเด็นเรื่องอาหาร ที่อ้างว่าไม่ถูกสุขลักษณะ กรมราชทัณฑ์ จะกำหนดเมนูอาหาร และแสดงป้ายรายการอาหารทุกวัน ให้ผู้ต้องขังและญาติรับทราบ
ไปดูข้อมูลทางกายภาพอาคารฝ่ายควบคุมแดน 5 อาคารมีลักษณะ 2 ชั้น มีห้องในการควบคุมผู้ต้องขัง 217 ห้อง แต่ละห้องสามารถควบคุมผู้ต้องขังได้ 1-5 คน แต่ละห้องกว้าง 2 เมตร ยาว 4.6 เมตร พื้นที่ประมาณ 9.2 ตารางเมตร มีห้องน้ำในตัว จำนวนผู้ต้องขังฝ่ายควบคุมแดน 5 มี 863 คน เจ้าหน้าที่กลางวัน 6 คน กลางคืน 4 คน สำหรับรูปแบบอาคาร เป็นแบบเรือนจำตะวันตก ไม่นิยมสร้างห้องขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ต้องขังมีพื้นที่ส่วนบุคคล และไม่ปะปนกับผู้ต้องขังอื่น
ทั้งนี้ห้องควบคุมผู้ต้องขังไม่ใช่ห้องขังเดี่ยวตามการลงโทษทางวินัย ผู้ต้องขังยังสามารถออกจากห้อง เยี่ยมญาติ และพบทนายความได้ตามปกติ ส่วนแนวทางการจำแนกผู้ต้องขังที่ฝ่ายควบคุมแดน 5 คือ 1.เป็นผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ หรืออยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีทำผิดระเบียบวินัยของเรือนจำ และ 2.การกำหนดห้อง และจำนวนผู้ต้องขังในห้อง ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขัง ประกอบกับการพิจารณาถึงความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่
ขณะที่ ผังห้องขังหมายเลข 50 ที่ใช้ควบคุมอดีตผู้กำกับโจ้ แสดงให้เห็นว่า ความกว้างหน้าห้อง 1.9 เมตร ความยาวห้อง 4.6 เมตร ความสูงห้อง 3.25 เมตร มีห้องน้ำในตัว ความยาวห้องน้ำคือ 1.1 เมตร สำหรับประตูห้องขัง กว้าง 07.8 เมตร และสูง 1.9 เมตร
6. ประเด็นของผ้าขนหนู ที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีข้อสงสัยในเรื่องของความยาวนั้น ถ้าเป็นของผู้ชาย มีขนาดความกว้าง 23 นิ้ว (59 เซนติเมตร) ความยาว 44 นิ้ว (112 เซนติเมตร) สีน้ำตาลเข้ม ถ้าเป็นของผู้หญิง มีขนาดความกว้าง 22 นิ้ว (56 เซนติเมตร) ความยาว 47 นิ้ว (120 เซนติเมตร) สีฟ้า
สั่งเร่งทำคดี แจ้งทุกระยะ - เน้นหลักฐาน
พลตำรวจตรีเจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 สั่งการเร่งรัดให้รีบดำเนินการโดยเร็ว และกำชับให้มีการรายงานผลให้ทราบทุกระยะ หากมีความคืบหน้าอะไรจะมีการประชุมที่ สน.ประชาชื่น
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ถือหนังสือไปขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อสอบสวนคนที่มีรายชื่อจำนวน 5-6 คน ที่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ ประกอบด้วย ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ และผู้ต้องขังที่อยู่ห้องรอบข้าง รวมทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิต
ส่วนผ้าขนหนู และวัตถุพยานต่าง ๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ ต้องรอผลจากทางกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม ทนายความของทางครอบครัวผู้กำกับโจ้ ได้ประสานขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนจากเดิมในวันนี้ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ยันไม่ได้ขังเดี่ยว แต่เป็นห้องนอนแยก
ด้าน นางสาวธนัญญา น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ ยื่นหนังสือต่อ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะการเสียชีวิตของพี่ชายภายในเรือนจำ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวภายหลังจากพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตว่า อดีตผู้กำกับโจ้ ขอขังเดี่ยว เพราะกลัวถูกบุคคลอื่นทำร้ายว่า ห้องคุมขังดังกล่าวไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว แต่เป็นห้องนอนปกติสามารถรองรับผู้ต้องขังได้ 4-5 คน แต่อดีตผู้กำกับโจ้นอนคนเดียว และตอนกลางวันก็ยังไปร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ได้เหมือนผู้ต้องขังคนอื่น และก่อนเกิดเหตุก็ยังได้เข้าเยี่ยมญาติด้วย
ปกติแล้วสิ่งที่ผู้ต้องขังในเรือนจำเรียกร้องมากที่สุด คือพื้นที่การนอน แต่ประเด็นเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือล่าช้า เนื่องจากเรือนจำมีที่ประมาณ 100 ไร่ ต้องไปเอากุญแจที่อาคารด้านนอก กว่าจะมาถึงห้องขังจึงล่าช้า
จ่อสอบผู้คุมทั้งเรือนจำ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า อดีตผู้กำกับโจ้ มีอาการป่วยทางจิตเวชนั้น เนื่องจากเอกสารที่ออกมาทำให้เข้าใจผิด เพราะเมื่อไปพูดคุยกับแพทย์ จึงพบว่าเป็นแค่อาการวิตกกังวล
ประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ติดต่อไปหาครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ เพื่อให้ถอนแจ้งความในคดีทำร้ายร่างกายในเรือนจำนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะถ้ามีผู้เสียชีวิตก็ถือว่าเป็นโทษวินัยร้ายแรง ต้องสอบปากคำผู้คุม และเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานในขณะนั้นทั้งเรือนจำ พร้อมย้ำว่ากรมราชทัณฑ์ควรนำกล้องวงจรปิดตัวเต็มที่ไม่ผ่านการตัดต่อมาเผยแพร่ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ควรจะอนุญาตให้เผยแพร่ด้วย
สั่งย้าย “ผู้คุม” คู่กรณี “อดีต ผกก.โจ้”
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่หนังสือร้องเรียน ที่เขียนโดยแม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ ส่งถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ใจความระบุว่า ผู้คุมกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรง ขอร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ควบคุมที่ชื่อว่า นายสิทธิพร (สงวนนามสกุล)
ล่าสุด ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม มีคำสั่งให้ นายสิทธิพร พ้นจากการปฏิบัติรองหัวหน้างานควบคุมแดน 7 ไปประจำที่ส่วนบริหารทั่วไป โดยให้ย้ายจากในแดนออกนอกแดน จนกว่าจะข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้จะปรากฏ
ส่งร่าง “อดีต ผกก.โจ้” ชันสูตรรอบ 2
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ตึกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมทนายความ เดินทางมาติดตามผลการชันสูตรพลิกศพร่างรอบ 2 หลังจากเมื่อวานนี้ทางครอบครัวได้นำร่างไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จังหวัดปทุมธานีแล้ว
ทนายความบอกว่าผลชันสูตรเบื้องต้นของที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่แรก พบว่า “เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ และคาดว่าจะกระทำด้วยตัวเอง” ทางครอบครัวจึงได้นำร่างมาชันสูตรซ้ำ เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ
ผลชันสูตรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่มีรายงานข่าวระบุว่า ผลชันสูตรของนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีความเห็นการเสียชีวิตไปในทิศทางเดียวกันกับทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หากญาติและครอบครัวยังมีข้อสงสัยหรือมีความเห็นแย้ง ก็สามารถแจ้งให้ผ่าชันสูตรพลิกศพเพิ่มเติมได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ ทางครอบครัวและทนายความ ยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เช่นเดียวกับกำหนดการรดน้ำศพ ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ไม่มีการเลื่อน
แฟนสาวนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนให้
จากนั้นช่วงบ่าย ตัวแทนครอบครัวอดีตผู้กำกับโจ้ เดินทางมาที่อาคารนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้อดีตผู้กำกับโจ้ เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแลกสีดำ
ส่วนกรณีการชันสูตรพลิกศพ ตัวแทนครอบครัวบอกว่าไม่ทราบ เป็นเพียงแค่ผู้รับผิดชอบในเรื่องของการนำศพออกจากนิติเวช เพื่อนำไปยังวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
ยังไม่เผาจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม
สำหรับกำหนดการรดน้ำศพและสวดอภิธรรมของ ผู้กำกับโจ้ ครอบครัวจะนำร่างไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร (ศาลา จีรวัสส์ รัชนิบูล) โดยไม่มีการฌาปนกิจ
โดยมีพิธีรดน้ำศพในช่วงเวลา 16.30 น. วันนี้ และจะมีพิธีสวดอภิธรรมในช่วงเวลา 18.30 น. ซึ่งการสวดพระอภิธรรมจะมีตลอด 7 คืน ไปจนถึงวันที่ 16 มีนาคม โดยวันที่ 16 มีนาคม จะสวดพระอภิธรรม เวลา 17.30 น.
เบื้องต้นทางครอบครัวยืนยันจะเก็บศพเอาไว้ และยังไม่ทำพิธีเผาจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม
รองอธิบดีราชทัณฑ์ลั่น “โจ้” ต้องไม่ตายฟรี
มีความคืบหน้าจากทางกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจโทเชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ พูดถึงคำสั่งย้ายนายสิทธิพร จากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ไปประจำฝ่ายบริหาร ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง หากนายสิทธิพร ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ก็จะไม่สะดวกในการสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ส่วนระยะเวลาตรวจสอบประมาณ 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นรายงานอื่นว่าผู้คุมรายนี้ เคยถูกผู้ต้องขังรายอื่นร้องเรียนมาก่อนหรือไม่ ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าผู้คุมรายนี้ อาจจะมีแบ็กเป็นระดับผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ ทำให้ผู้คุมคนนี้มีพฤติกรรมต่าง ๆ แก่ผู้ต้องขังนั้น คณะทำงานต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด
ส่วนกรณีทางครอบครัวของผู้กำกับโจ้ติดใจในสาเหตุการผูกคอตายนั้น รู้สึกเห็นใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะเท่าที่ได้พูดคุยทราบว่าผู้กำกับโจ้มีญาติมาเยี่ยมและพูดคุยทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เยี่ยมมาตลอด 3 ปี
ในฐานะรุ่นพี่ของผู้กำกับโจ้ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนจะโอนมาอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าจะไม่ให้อดีตผู้กำกับโจ้เสียชีวิตฟรีอย่างแน่นอน จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 7 รายที่มีการแต่งตั้งขึ้นมา
แกะรอยคดี อดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตในเรือนจำ
ตอนนี้ประเด็นของ พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังจากเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว เจ้าตัวตกเป็นประเด็นในสังคม เมื่อร่วมกับลูกน้องใช้ถุงพลาสติกสีดำคลุมศีรษะผู้ต้องหายาเสพติดรายหนึ่ง จนเสียชีวิตในที่สุด ก่อนที่ทั้งหมดจะทยอยมอบตัว และถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต แล้วลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตแทนนั้น
จนมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา อดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งทางผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยผลชันสูตรศพว่า เบื้องต้นให้น้ำหนักไปที่เรื่องขาดอากาศหายใจ จากการจบชีวิตตัวเอง โดยใช้ผ้า เนื่องจากบาดแผลมีรอยกว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร จึงอาจไม่ใช่การใช้เชือก
อีกทั้งลักษณะของแรงที่เกิดขึ้น ไม่พบรอยช้ำบริเวณเนื้อเยื่อใต้ลำคอ หรือบริเวณใต้รอยรัด และไม่พบการช้ำของกล้ามเนื้อลำคอ หรือบาดเจ็บของกระดูก จึงให้เหตุผลว่าแรงที่มากระทำไม่ได้เยอะมาก นอกจากนี้ยังไม่พบร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำร้าย จะมีแค่รอยแผลฟกช้ำบริเวณสะโพก เป็นรอยช้ำเก่า
เปิดวงจรปิดหน้าห้องขัง ก่อนพบร่างพิงประตู
หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน ทางกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดเผยคลิปจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้องขังเดี่ยวของ อดีต ผกก.โจ้ ในวันที่ 7 มีนาคม ระบุว่า ผู้ต้องขังเข้าห้องเวลา 15.04 น. จากนั้นเวลา 17.28 น. เจ้าหน้าที่เดินตรวจ และส่องดูผู้ต้องขัง ก่อนเดินตรวจห้องอื่น ๆ
ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินตรวจอีก 3 ครั้ง เวลา 18.45 น., เวลา 19.26 น. และเวลา 20.04 น. กระทั่งเวลา 20.32 น. เจ้าหน้าที่นำยามาให้ผู้ต้องขัง เมื่อส่องเข้าไปในช่องประตู พบร่างผู้ต้องขังพิงอยู่ที่ประตู
“อดีต ผกก.โจ้” ปรึกษาหมอ-เครียดใช้ชีวิตในคุก
ขณะที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงเพิ่มเติม ประกอบด้วย
1. ประเด็นเกี่ยวกับการรักษาของอดีตผู้กำกับโจ้ นอกจากมีโรคประจำตัว ที่รักษาโดยการรับประทานยาแล้ว พบว่าเคยปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เรื่องปัญหาการนอน วิตกกังวลคดีความ และการดำเนินชีวิตในเรือนจำฯ
2. ประเด็นปัญหาการกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานเรือนจำ เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้นำกล้องถ่ายรูปของเรือนจำ ไปถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการยึดคืน แต่ผู้ต้องขังไม่ยอม มีการพูดจาโต้เถียง ไม่มีเหตุทำร้ายร่างกาย เรือนจำตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ต้องขังถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัย ข้อหาแสดงกิริยาและวาจาไม่เหมาะสมต่อเจ้าพนักงาน เรื่องอยู่ระหว่างสอบ จึงต้องดำเนินการย้ายผู้ต้องขังจากแดน 7 ไปยังแดน 5 เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา
3. ประเด็นห้องคุมขัง ปกติเป็นห้องที่ให้ผู้ต้องขังอยู่ 4-5 คน แต่ให้อดีตผู้กำกับโจ้อยู่เพียงคนเดียว ไม่ต้องแออัดกับผู้ต้องขังอื่น และเป็นห้องที่ใช้คุมขังช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น ส่วนเวลากลางวัน ผู้ต้องขังออกไปทำกิจกรรมได้
4. ประเด็นแฟนสาวและน้องสาว ยื่นคำร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีผู้ต้องขังถูกกลั่นแกล้ง และใช้ความรุนแรง ถูกทำร้ายร่างกายจากเจ้าพนักงานเรือนจำ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม เรือนจำได้ส่งผู้ต้องขังเข้ารับการตรวจจากแพทย์ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 มกราคม และวันที่ 16 มกราคม แพทย์ไม่ได้ระบุว่า รอยฟกช้ำเกิดจากการทำร้าย มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ต่อมาอดีตผู้กำกับโจ้ ไม่ประสงค์ให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และขอให้ยุติเรื่อง พร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการบังคับ
5. ประเด็นเรื่องอาหาร ที่อ้างว่าไม่ถูกสุขลักษณะ กรมราชทัณฑ์ จะกำหนดเมนูอาหาร และแสดงป้ายรายการอาหารทุกวัน ให้ผู้ต้องขังและญาติรับทราบ
ไปดูข้อมูลทางกายภาพอาคารฝ่ายควบคุมแดน 5 อาคารมีลักษณะ 2 ชั้น มีห้องในการควบคุมผู้ต้องขัง 217 ห้อง แต่ละห้องสามารถควบคุมผู้ต้องขังได้ 1-5 คน แต่ละห้องกว้าง 2 เมตร ยาว 4.6 เมตร พื้นที่ประมาณ 9.2 ตารางเมตร มีห้องน้ำในตัว จำนวนผู้ต้องขังฝ่ายควบคุมแดน 5 มี 863 คน เจ้าหน้าที่กลางวัน 6 คน กลางคืน 4 คน สำหรับรูปแบบอาคาร เป็นแบบเรือนจำตะวันตก ไม่นิยมสร้างห้องขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ต้องขังมีพื้นที่ส่วนบุคคล และไม่ปะปนกับผู้ต้องขังอื่น
ทั้งนี้ห้องควบคุมผู้ต้องขังไม่ใช่ห้องขังเดี่ยวตามการลงโทษทางวินัย ผู้ต้องขังยังสามารถออกจากห้อง เยี่ยมญาติ และพบทนายความได้ตามปกติ ส่วนแนวทางการจำแนกผู้ต้องขังที่ฝ่ายควบคุมแดน 5 คือ 1.เป็นผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ หรืออยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีทำผิดระเบียบวินัยของเรือนจำ และ 2.การกำหนดห้อง และจำนวนผู้ต้องขังในห้อง ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขัง ประกอบกับการพิจารณาถึงความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่
ขณะที่ ผังห้องขังหมายเลข 50 ที่ใช้ควบคุมอดีตผู้กำกับโจ้ แสดงให้เห็นว่า ความกว้างหน้าห้อง 1.9 เมตร ความยาวห้อง 4.6 เมตร ความสูงห้อง 3.25 เมตร มีห้องน้ำในตัว ความยาวห้องน้ำคือ 1.1 เมตร สำหรับประตูห้องขัง กว้าง 07.8 เมตร และสูง 1.9 เมตร
6. ประเด็นของผ้าขนหนู ที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีข้อสงสัยในเรื่องของความยาวนั้น ถ้าเป็นของผู้ชาย มีขนาดความกว้าง 23 นิ้ว (59 เซนติเมตร) ความยาว 44 นิ้ว (112 เซนติเมตร) สีน้ำตาลเข้ม ถ้าเป็นของผู้หญิง มีขนาดความกว้าง 22 นิ้ว (56 เซนติเมตร) ความยาว 47 นิ้ว (120 เซนติเมตร) สีฟ้า
สั่งเร่งทำคดี แจ้งทุกระยะ - เน้นหลักฐาน
พลตำรวจตรีเจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 สั่งการเร่งรัดให้รีบดำเนินการโดยเร็ว และกำชับให้มีการรายงานผลให้ทราบทุกระยะ หากมีความคืบหน้าอะไรจะมีการประชุมที่ สน.ประชาชื่น
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ถือหนังสือไปขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อสอบสวนคนที่มีรายชื่อจำนวน 5-6 คน ที่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ ประกอบด้วย ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ และผู้ต้องขังที่อยู่ห้องรอบข้าง รวมทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิต
ส่วนผ้าขนหนู และวัตถุพยานต่าง ๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ ต้องรอผลจากทางกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม ทนายความของทางครอบครัวผู้กำกับโจ้ ได้ประสานขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนจากเดิมในวันนี้ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ยันไม่ได้ขังเดี่ยว แต่เป็นห้องนอนแยก
ด้าน นางสาวธนัญญา น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ ยื่นหนังสือต่อ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะการเสียชีวิตของพี่ชายภายในเรือนจำ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวภายหลังจากพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตว่า อดีตผู้กำกับโจ้ ขอขังเดี่ยว เพราะกลัวถูกบุคคลอื่นทำร้ายว่า ห้องคุมขังดังกล่าวไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว แต่เป็นห้องนอนปกติสามารถรองรับผู้ต้องขังได้ 4-5 คน แต่อดีตผู้กำกับโจ้นอนคนเดียว และตอนกลางวันก็ยังไปร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ได้เหมือนผู้ต้องขังคนอื่น และก่อนเกิดเหตุก็ยังได้เข้าเยี่ยมญาติด้วย
ปกติแล้วสิ่งที่ผู้ต้องขังในเรือนจำเรียกร้องมากที่สุด คือพื้นที่การนอน แต่ประเด็นเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือล่าช้า เนื่องจากเรือนจำมีที่ประมาณ 100 ไร่ ต้องไปเอากุญแจที่อาคารด้านนอก กว่าจะมาถึงห้องขังจึงล่าช้า
จ่อสอบผู้คุมทั้งเรือนจำ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า อดีตผู้กำกับโจ้ มีอาการป่วยทางจิตเวชนั้น เนื่องจากเอกสารที่ออกมาทำให้เข้าใจผิด เพราะเมื่อไปพูดคุยกับแพทย์ จึงพบว่าเป็นแค่อาการวิตกกังวล
ประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ติดต่อไปหาครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ เพื่อให้ถอนแจ้งความในคดีทำร้ายร่างกายในเรือนจำนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะถ้ามีผู้เสียชีวิตก็ถือว่าเป็นโทษวินัยร้ายแรง ต้องสอบปากคำผู้คุม และเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานในขณะนั้นทั้งเรือนจำ พร้อมย้ำว่ากรมราชทัณฑ์ควรนำกล้องวงจรปิดตัวเต็มที่ไม่ผ่านการตัดต่อมาเผยแพร่ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ควรจะอนุญาตให้เผยแพร่ด้วย
สั่งย้าย “ผู้คุม” คู่กรณี “อดีต ผกก.โจ้”
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่หนังสือร้องเรียน ที่เขียนโดยแม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ ส่งถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ใจความระบุว่า ผู้คุมกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรง ขอร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ควบคุมที่ชื่อว่า นายสิทธิพร (สงวนนามสกุล)
ล่าสุด ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม มีคำสั่งให้ นายสิทธิพร พ้นจากการปฏิบัติรองหัวหน้างานควบคุมแดน 7 ไปประจำที่ส่วนบริหารทั่วไป โดยให้ย้ายจากในแดนออกนอกแดน จนกว่าจะข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้จะปรากฏ
ส่งร่าง “อดีต ผกก.โจ้” ชันสูตรรอบ 2
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ตึกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมทนายความ เดินทางมาติดตามผลการชันสูตรพลิกศพร่างรอบ 2 หลังจากเมื่อวานนี้ทางครอบครัวได้นำร่างไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จังหวัดปทุมธานีแล้ว
ทนายความบอกว่าผลชันสูตรเบื้องต้นของที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่แรก พบว่า “เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ และคาดว่าจะกระทำด้วยตัวเอง” ทางครอบครัวจึงได้นำร่างมาชันสูตรซ้ำ เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ
ผลชันสูตรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่มีรายงานข่าวระบุว่า ผลชันสูตรของนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีความเห็นการเสียชีวิตไปในทิศทางเดียวกันกับทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หากญาติและครอบครัวยังมีข้อสงสัยหรือมีความเห็นแย้ง ก็สามารถแจ้งให้ผ่าชันสูตรพลิกศพเพิ่มเติมได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ ทางครอบครัวและทนายความ ยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เช่นเดียวกับกำหนดการรดน้ำศพ ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ไม่มีการเลื่อน
แฟนสาวนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนให้
จากนั้นช่วงบ่าย ตัวแทนครอบครัวอดีตผู้กำกับโจ้ เดินทางมาที่อาคารนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้อดีตผู้กำกับโจ้ เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแลกสีดำ
ส่วนกรณีการชันสูตรพลิกศพ ตัวแทนครอบครัวบอกว่าไม่ทราบ เป็นเพียงแค่ผู้รับผิดชอบในเรื่องของการนำศพออกจากนิติเวช เพื่อนำไปยังวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
ยังไม่เผาจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม
สำหรับกำหนดการรดน้ำศพและสวดอภิธรรมของ ผู้กำกับโจ้ ครอบครัวจะนำร่างไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร (ศาลา จีรวัสส์ รัชนิบูล) โดยไม่มีการฌาปนกิจ
โดยมีพิธีรดน้ำศพในช่วงเวลา 16.30 น. วันนี้ และจะมีพิธีสวดอภิธรรมในช่วงเวลา 18.30 น. ซึ่งการสวดพระอภิธรรมจะมีตลอด 7 คืน ไปจนถึงวันที่ 16 มีนาคม โดยวันที่ 16 มีนาคม จะสวดพระอภิธรรม เวลา 17.30 น.
เบื้องต้นทางครอบครัวยืนยันจะเก็บศพเอาไว้ และยังไม่ทำพิธีเผาจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม
รองอธิบดีราชทัณฑ์ลั่น “โจ้” ต้องไม่ตายฟรี
มีความคืบหน้าจากทางกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจโทเชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ พูดถึงคำสั่งย้ายนายสิทธิพร จากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ไปประจำฝ่ายบริหาร ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง หากนายสิทธิพร ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ก็จะไม่สะดวกในการสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ส่วนระยะเวลาตรวจสอบประมาณ 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นรายงานอื่นว่าผู้คุมรายนี้ เคยถูกผู้ต้องขังรายอื่นร้องเรียนมาก่อนหรือไม่ ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าผู้คุมรายนี้ อาจจะมีแบ็กเป็นระดับผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ ทำให้ผู้คุมคนนี้มีพฤติกรรมต่าง ๆ แก่ผู้ต้องขังนั้น คณะทำงานต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด
ส่วนกรณีทางครอบครัวของผู้กำกับโจ้ติดใจในสาเหตุการผูกคอตายนั้น รู้สึกเห็นใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะเท่าที่ได้พูดคุยทราบว่าผู้กำกับโจ้มีญาติมาเยี่ยมและพูดคุยทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เยี่ยมมาตลอด 3 ปี
ในฐานะรุ่นพี่ของผู้กำกับโจ้ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนจะโอนมาอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าจะไม่ให้อดีตผู้กำกับโจ้เสียชีวิตฟรีอย่างแน่นอน จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 7 รายที่มีการแต่งตั้งขึ้นมา
Gallery

