พลิกวิถีทำกิน! จากชาวนาปลูกข้าวจมทุน หันมาทำไร่องุ่น ขายได้กำไรงาม

พลิกวิถีทำกิน! จากชาวนาปลูกข้าว จมทุน น้ำท่วม ดิ้นหาทางรอศึกษาข้อมูลจากโลกออนไลน์ ทำไร่องุ่นมากกว่า 50 สายพันธุ์ ขายได้กำไรงาม
วันนี้ (4 ม.ค. 68) ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่บ้านบางแก้ว ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบกับนายบุญส่ง ด้วงนุช อายุ 56 ปี เจ้าของไร่องุ่นบางแก้ว ที่เปลี่ยนพื้นที่จากการทำนามาเป็นไร่องุ่น
คุณบุญส่ง เผยว่า เปลี่ยนจากการทำนาปลูกข้าวมาเป็นไร่องุ่นมา 9 ปี แล้ว ซึ่งปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี จำนวนมากกว่า 50 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่คือ อิสลาเอล กลุ่มไร้เมล็ด และญี่ปุ่น ยูแครน และรัสเซีย
และตนเองมีมุมมองว่าอนาคตของการทำนาปลูกข้าว เริ่มจะเดินหน้าต่อไม่ไหว รายได้ไม่เพียงพอต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จึงมองหาอาชีพใหม่ ประกอบกับพื้นที่ตรงนี้เป็นจุดที่น้ำท่วมถึง จึงมองหาพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น จนลองศึกษาข้อมูลการปลูกองุ่นในหนังสือ และเฟซบุ๊ก เพื่อศึกษาความเหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศในพื้นที่
โดยช่วงนี้ใกล้ถึงเวลาเก็บผลผลิตจำหน่าย เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นจะยังคงเฝ้าระวังความเสียหายจากนก และองุ่นแตก จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ปัจจุบันยังคงมีอากาศหนาวในตอนเช้า และอากาศร้อนในตอนกลางวัน
ทั้งนี้ได้ติดตาขยายพันธุ์องุ่นยูเครนเป็นหลัก โดยใช้ต้นองุ่นเดิมอายุ 5 ถึง 6 ปี พบว่าสามารถออกผลผลิตดี มีกลิ่นหอม มีเนื้อแน่น โดยในช่วงนี้ได้เปิดสวนขายองุ่น 3 สายพันธุ์ คือ ลิลลี่ องุ่นสีเขียว และ แรมโบ ขายกิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนไซมัสคัส ขายกิโลกรัมละ 150 บาท
วันนี้ (4 ม.ค. 68) ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่บ้านบางแก้ว ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบกับนายบุญส่ง ด้วงนุช อายุ 56 ปี เจ้าของไร่องุ่นบางแก้ว ที่เปลี่ยนพื้นที่จากการทำนามาเป็นไร่องุ่น
คุณบุญส่ง เผยว่า เปลี่ยนจากการทำนาปลูกข้าวมาเป็นไร่องุ่นมา 9 ปี แล้ว ซึ่งปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี จำนวนมากกว่า 50 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่คือ อิสลาเอล กลุ่มไร้เมล็ด และญี่ปุ่น ยูแครน และรัสเซีย
และตนเองมีมุมมองว่าอนาคตของการทำนาปลูกข้าว เริ่มจะเดินหน้าต่อไม่ไหว รายได้ไม่เพียงพอต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จึงมองหาอาชีพใหม่ ประกอบกับพื้นที่ตรงนี้เป็นจุดที่น้ำท่วมถึง จึงมองหาพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น จนลองศึกษาข้อมูลการปลูกองุ่นในหนังสือ และเฟซบุ๊ก เพื่อศึกษาความเหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศในพื้นที่
โดยช่วงนี้ใกล้ถึงเวลาเก็บผลผลิตจำหน่าย เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นจะยังคงเฝ้าระวังความเสียหายจากนก และองุ่นแตก จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ปัจจุบันยังคงมีอากาศหนาวในตอนเช้า และอากาศร้อนในตอนกลางวัน
ทั้งนี้ได้ติดตาขยายพันธุ์องุ่นยูเครนเป็นหลัก โดยใช้ต้นองุ่นเดิมอายุ 5 ถึง 6 ปี พบว่าสามารถออกผลผลิตดี มีกลิ่นหอม มีเนื้อแน่น โดยในช่วงนี้ได้เปิดสวนขายองุ่น 3 สายพันธุ์ คือ ลิลลี่ องุ่นสีเขียว และ แรมโบ ขายกิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนไซมัสคัส ขายกิโลกรัมละ 150 บาท
Gallery
