เอกภพ พร้อมสู้คดีหลังDSI แจ้งความหมิ่นประมาท
“เอกภพ” พร้อมสู้คดีหลัง DSI แจ้งความหมิ่นประมาท ปมมีเทวดาคุ้มครองดิไอคอนกรุ๊ป ยัน ปชช.มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบการงานของหน่วยงานรัฐได้
วันนี้ ( 15 ม.ค. 68 ) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูก DSI แจ้งความ ว่าทราบเรื่องแล้ว รู้สึกประหลาดใจ ยอมรับว่ามีบ้างที่เสียความรู้สึก แต่ตนพูดในทางสุจริต สิ่งที่พูดก็เอามาจากความคิดของชาวบ้าน เวลาเห็นข่าว ว่ามีคนทุจริตหรือมีผู้เสียหาย คนที่เจ็บช้ำก็คือตน เพราะตนเป็นประชาชนผู้เสียภาษี รวมถึงคนไทยทุกคนก็เป็นประชาชนผู้เสียภาษี ซึ่งดีเอสไอเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามและมีสิทธิ์ตรวจสอบ
ส่วนตอนนี้ไม่ได้ตัดพ้ออะไร แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หรืออาจจะไปแตะเทวดา แต่ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ และตอนที่เข้ามาทำเรื่องนี้มีผู้ใหญ่หลายคนไม่อยากให้ตนเข้าไปยุ่ง แต่ในเมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนตนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ วันนี้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานรัฐได้
และตนก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนประชาชน และไม่มีทางพูดให้หน่วยงานรัฐเสียหาย ส่วนหน่วยงานรัฐไม่ใช่เป็นของคนไทยทุกคน ท่านมีหน้าที่ไปบริหารงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาทำให้ใครเสียหาย เราติเพื่อก่อ พูดเพื่อให้ดีขึ้น และสิ่งที่พูดก็เป็นสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน และไม่มีใครทำให้ตัวเราตกต่ำหรือสูงขึ้นได้นอกจากเราทำตัวเราเอง ซึ่งวันนี้ดีเอสไอไอต้องพิสูจน์ตัวเอง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ออกมาชี้แจง ไม่ต้องไปไล่ฟ้องใคร
นายเอกภพบอกอีกว่า สังคมเราต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าไปคิดว่าตนมี Hidden Agenda อะไร ไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว และที่ผ่านมาก็เคยให้ความร่วมมือกับดีเอสไออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าไปเป็นพยานในคดีค้ามนุษย์ให้ด้วย ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด อย่าให้ภาพบรรยากาศการทำงานร่วมกันต้องกลายเป็นเรื่องการจับผิดกัน ตนไม่ใช่คนจับผิดใครและไม่ใช่คนแบบนั้น
ส่วนเรื่องคดีตอนนี้ได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายแล้ว ถ้าตำรวจส่งหมายเรียกมาก็พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา และยืนยันว่าจะยังทำหน้าที่ต่อไป ถึงแม้จะมีใครอยากให้หยุดช่วยเหลือประชาชน ตนก็จะทำหน้าที่นี้ต่อไป เพราะทุกวันมีชาวบ้านเข้ามาขอให้ช่วยเหลือเยอะ
วันนี้ ( 15 ม.ค. 68 ) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูก DSI แจ้งความ ว่าทราบเรื่องแล้ว รู้สึกประหลาดใจ ยอมรับว่ามีบ้างที่เสียความรู้สึก แต่ตนพูดในทางสุจริต สิ่งที่พูดก็เอามาจากความคิดของชาวบ้าน เวลาเห็นข่าว ว่ามีคนทุจริตหรือมีผู้เสียหาย คนที่เจ็บช้ำก็คือตน เพราะตนเป็นประชาชนผู้เสียภาษี รวมถึงคนไทยทุกคนก็เป็นประชาชนผู้เสียภาษี ซึ่งดีเอสไอเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามและมีสิทธิ์ตรวจสอบ
ส่วนตอนนี้ไม่ได้ตัดพ้ออะไร แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หรืออาจจะไปแตะเทวดา แต่ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ และตอนที่เข้ามาทำเรื่องนี้มีผู้ใหญ่หลายคนไม่อยากให้ตนเข้าไปยุ่ง แต่ในเมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนตนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ วันนี้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานรัฐได้
และตนก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนประชาชน และไม่มีทางพูดให้หน่วยงานรัฐเสียหาย ส่วนหน่วยงานรัฐไม่ใช่เป็นของคนไทยทุกคน ท่านมีหน้าที่ไปบริหารงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาทำให้ใครเสียหาย เราติเพื่อก่อ พูดเพื่อให้ดีขึ้น และสิ่งที่พูดก็เป็นสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน และไม่มีใครทำให้ตัวเราตกต่ำหรือสูงขึ้นได้นอกจากเราทำตัวเราเอง ซึ่งวันนี้ดีเอสไอไอต้องพิสูจน์ตัวเอง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ออกมาชี้แจง ไม่ต้องไปไล่ฟ้องใคร
นายเอกภพบอกอีกว่า สังคมเราต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าไปคิดว่าตนมี Hidden Agenda อะไร ไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว และที่ผ่านมาก็เคยให้ความร่วมมือกับดีเอสไออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าไปเป็นพยานในคดีค้ามนุษย์ให้ด้วย ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด อย่าให้ภาพบรรยากาศการทำงานร่วมกันต้องกลายเป็นเรื่องการจับผิดกัน ตนไม่ใช่คนจับผิดใครและไม่ใช่คนแบบนั้น
ส่วนเรื่องคดีตอนนี้ได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายแล้ว ถ้าตำรวจส่งหมายเรียกมาก็พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา และยืนยันว่าจะยังทำหน้าที่ต่อไป ถึงแม้จะมีใครอยากให้หยุดช่วยเหลือประชาชน ตนก็จะทำหน้าที่นี้ต่อไป เพราะทุกวันมีชาวบ้านเข้ามาขอให้ช่วยเหลือเยอะ