ไฟไหม้บ้านปล่อยเงินกู้วอดทั้งหลัง เพื่อนบ้านเห็น คนสาดน้ำมันใส่ จยย. ที่จอดในบ้าน จุดไฟเผา
วอดทั้งหลัง ไฟไหม้บ้านคนปล่อยเงินกู้ คาดเสียหายเบื้องต้น 1 ล้านบาท เพื่อนบ้านเผย เห็นคนสาดน้ำมันใส่รถ จยย. ที่จอดในบ้าน ก่อนจุดไฟเผา
วันนี้ (12 ม.ค.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์วิทยุ 191 ลพบุรีได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ ในตำบลงิ้วราย อ.เมืองลพบุรี จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านกุ่มให้ตรวจสอบ พร้อมประสานขอรถน้ำและรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน เพื่อควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด รวมถึงประสานเจ้าหน้าที่ไฟฟ้ามาตัดกระแสไฟฟ้า
จากนั้น ร.ต.อ. ยุทธนกานต์ วังสาร รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านกุ่ม ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้วรีบเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ซึ่งมาอำนวยการดับเพลิง, พ.ต.ท.สำราญ ดำคำ นายก อบต.งิ้วราย, นายเสณ่ห์ ปวร กล่อมกูล นายก อบต.ดอนโพธิ์, น.ส.ยุภา ผลเกตุ นายก อบต.โพธิ์เก้าต้น กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง เข้าพื้นที่ พบว่าทางเข้าไปยังจุดที่เกิดเพลิงไหม้เป็นทางแคบและเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับมีลมด้วย เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำดับเพลิง รวมทั้งฉีดน้ำเลี้ยงบ้านข้างเคียงที่อยู่ติดกันไม่ให้ความร้อนและสะเก็ดไฟปลิวไปติด โดยใช้เวลาฉีดน้ำประมาณ 30 นาที ก็สามารถคุมเพลิงไว้ในวงจำกัด และเพลิงเริ่มสงบลงในเวลาต่อมา
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า ทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหายหมด และมีรถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านถูกไฟไหม้ไปจำนวน 3 คัน ขณะเกิดเหตุทราบว่ามีผู้อยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว
จากการสอบถาม เจ้าของบ้าน อายุ 62 ปี เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ตนกับสามีขับรถกระบะออกจากบ้านจะไปโรงพยาบาล โดยมีน้องสาวอยู่ที่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ส่วนลูกชายที่ปล่อยเงินกู้ก็ออกไปข้างนอก ผ่านไปประมาณ 10 นาทีก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าที่บ้านไฟไหม้ ก็เลี้ยวรถกลับมาพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปเก็บของมีค่าที่อยู่ภายในบ้านออกมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว แต่ทราบจากเพื่อนบ้านว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์มาแล้วเอาน้ำมันสาดใส่รถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านและจุดไฟเผา ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายดังกล่าว ซึ่งจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของข้างบ้านด้วย
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เก็บหลักฐาน สอบปากคำ และรอให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป ส่วนค่าเสียหายในเบื้องต้นประมาณ 1 ล้านบาท
วันนี้ (12 ม.ค.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์วิทยุ 191 ลพบุรีได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ ในตำบลงิ้วราย อ.เมืองลพบุรี จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านกุ่มให้ตรวจสอบ พร้อมประสานขอรถน้ำและรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน เพื่อควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด รวมถึงประสานเจ้าหน้าที่ไฟฟ้ามาตัดกระแสไฟฟ้า
จากนั้น ร.ต.อ. ยุทธนกานต์ วังสาร รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านกุ่ม ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้วรีบเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ซึ่งมาอำนวยการดับเพลิง, พ.ต.ท.สำราญ ดำคำ นายก อบต.งิ้วราย, นายเสณ่ห์ ปวร กล่อมกูล นายก อบต.ดอนโพธิ์, น.ส.ยุภา ผลเกตุ นายก อบต.โพธิ์เก้าต้น กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง เข้าพื้นที่ พบว่าทางเข้าไปยังจุดที่เกิดเพลิงไหม้เป็นทางแคบและเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับมีลมด้วย เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำดับเพลิง รวมทั้งฉีดน้ำเลี้ยงบ้านข้างเคียงที่อยู่ติดกันไม่ให้ความร้อนและสะเก็ดไฟปลิวไปติด โดยใช้เวลาฉีดน้ำประมาณ 30 นาที ก็สามารถคุมเพลิงไว้ในวงจำกัด และเพลิงเริ่มสงบลงในเวลาต่อมา
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า ทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหายหมด และมีรถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านถูกไฟไหม้ไปจำนวน 3 คัน ขณะเกิดเหตุทราบว่ามีผู้อยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว
จากการสอบถาม เจ้าของบ้าน อายุ 62 ปี เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ตนกับสามีขับรถกระบะออกจากบ้านจะไปโรงพยาบาล โดยมีน้องสาวอยู่ที่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ส่วนลูกชายที่ปล่อยเงินกู้ก็ออกไปข้างนอก ผ่านไปประมาณ 10 นาทีก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าที่บ้านไฟไหม้ ก็เลี้ยวรถกลับมาพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปเก็บของมีค่าที่อยู่ภายในบ้านออกมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว แต่ทราบจากเพื่อนบ้านว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์มาแล้วเอาน้ำมันสาดใส่รถจักรยานยนต์ที่จอดในบ้านและจุดไฟเผา ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายดังกล่าว ซึ่งจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของข้างบ้านด้วย
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เก็บหลักฐาน สอบปากคำ และรอให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป ส่วนค่าเสียหายในเบื้องต้นประมาณ 1 ล้านบาท
