ล่ามือปืนสังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุสุดอุกอาจเมื่อช่วงเย็นวานนี้ เมื่ออดีตนาวิกโยธิน ชักปืนจ่อยิง 3 นัดใส่ อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต ย่านบางลำภู งานนี้ตำรวจเชื่อว่าเป็นว่าจ้างลอบสังหาร และมีคนชี้เป้า ย้อนไปดูนาทีก่อเหตุเมื่อวานที่ผ่านมา
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ขณะที่คนร้ายเดินตามหลังนายลิม กิมยา อายุ 74 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ก่อนชักปืนจ่อยิงระยะเผาขน 3 นัด กระสุนปืนเข้าที่ด้านหลังขวา 2 นัดเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุมือปืนเดินข้ามถนนไปสตาร์ตรถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อกแล้วขี่รถหลบหนี เหตุอุกอาจนี้เกิดบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลา 17.45 น.เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.)
ย้อนดูนาทีก่อนก่อเหตุ สังเกตจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่า คนร้ายเป็นชายตัดผมเกรียนขี่รถจักรยานยนต์ เวฟ 125 สีแดง มาจอดหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ฝั่งไปรษณีย์ไทย ตั้งแต่เวลา 17.26 น. ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกออก และนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์นานกว่า 10 นาที จนเวลา 17.39 น. คนร้ายลุกขึ้น เดินข้ามถนนไปนั่งที่เกาะกลางถนน และเล่นโทรศัพท์มือถือต่ออีก 6 นาที จนสบโอกาสลงมือก่อเหตุเวลา 17.45 น. ก่อนข้ามถนนกลับมาที่รถจักรยานยนต์แล้วขี่รถหลบหนีมุ่งหน้าไปทางแยกวันชาติ
สอบถามภรรยาของผู้เสียชีวิตเป็นชาวฝรั่งเศส ทราบว่าเดินทางมาจากจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยซื้อตั๋วนั่งรถบัสมาเที่ยวในไทยกันทั้งหมด 3 คน ตามกำหนดการช่วง 17.00 น. รถบัสจอดให้นักท่องเที่ยวไปไหว้พระ เที่ยวชมในวัดบวรนิเวศวิหาร คาดว่าหลังเที่ยวชมเสร็จ ผู้เสียชีวิตน่าจะเดินมารอรถบัส ก่อนถูกยิงเสียชีวิต
ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้ยื่นคำร้องขอศาลอาญาอนุมัติ หมายจับ นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหายิง นายลิม กิมยา ฐานกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้
สำหรับ นายเอกลักษณ์ เคยรับราชการเป็นทหารเรือ สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กบิ๊กเกรียน เผยข้อมูลว่า นายเอกลักษณ์ เคยกระทำความผิดและถูกลงทัณฑ์ทางวินัยขัง 2 ครั้ง นอกจากนี้จากข้อมูลของสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย พบว่า นายเอกลักษณ์ ยังเป็นนักกีฬาสนุกเกอร์ ฉายา "เอ็ม กองเรือ" มีผลงานเคยเข้าร่วมการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพเก็บสะสมคะแนน ดิวิชัน 2 จำนวน 4 รายการ ในปี 2556 มีรายงานว่า ที่ผ่านมามีประวัติชอบเที่ยวเตร่ ติดสุรา เล่นการพนัน จนมีหนี้สิน สุดท้ายกองทัพเรือจึงให้ออกจากราชการไป
ทีมข่าวสอบถามกองทัพเรือ ชี้แจงว่า นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ก่อเหตุเคยเป็นข้าราชการของกองทัพเรือ ชั้นยศ พันจ่าเอก แต่ถูกให้ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดวินัย ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2566
ความคืบหน้าทางคดี พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดียิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน กัมพูชา ที่ สน.ชนะสงคราม โดย พลตำรวจโท สยาม เปิดเผยว่า หลังศาลอนุมัติออกหมายจับตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว จากการสืบสวนเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุถูกว่าจ้างมา และน่าจะมีคนชี้เป้า เพราะมือปืนจะไม่รู้จักเป้าหมาย ตอนนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควรเกี่ยวกับคนชี้เป้า แต่ยังขอไม่เปิดเผยรายละเอียด
ส่วนมูลเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ ตำรวจตั้งไว้ทุกประเด็นที่เกี่ยวเนื่อง ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง กำลังพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ส่วนรายละเอียดของผู้ก่อเหตุนั้นเป็นอดีตทหารหรือไม่ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดก่อน แต่ปัจจุบันผู้ก่อเหตุประกอบอาชีพขี่จักรยานยนต์รับจ้าง โดยจะติดตามตัวคนร้ายมาให้เร็วที่สุด แต่รายละเอียดของการติดตามตัวนั้น ขอไม่เปิดเผยเพราะเชื่อว่าผู้ก่อเหตุก็ฟังข่าวอยู่เหมือนกัน
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก เผยข้อมูลว่า ผู้ต้องสงสัยทำหน้าที่ชี้เป้า ไม่ใช่คนไทย เป็นชายอายุ 23 ปี ชาวกัมพูชา เดินทางประกบนั่งรถบัสคันเดียวกับ นายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต จากนั้นโทรศัพท์แจ้งเอ็ม กองเรือ ว่าเป้าหมายลงรถทัวร์แล้วหลังจากก่อเหตุ ผู้ต้องสงสัยคนชี้เป้ารีบเดินทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดินทางออกจากประเทศไทยกลับไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เมื่อวาน ในเวลา 21.05 น.
ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ม.ค.68) พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผบช.น. และชุดสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 845 ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิง อดีต สส.กัมพูชา ที่ถูกนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณสถานีบริการน้ำมัน บริเวณเลียบถนนมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีชายใส่เสื้อวินจักรยานยนต์คาดว่า เป็นผู้ก่อเหตุ ขี่จักรยานยนต์คันดังกล่าวขี่เข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน เมื่อเวลา 18.21 น.เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) โดยภายในปั๊ม มีแท็กซี่สีเขียวเหลืองจอดรออยู่ ก่อนจะมีชายเสื้อแดง เดินลงจากรถ ตามชายใส่เสื้อวินจักรยานยนต์เข้าไปด้านใน จากนั้นไม่นานชายเสื้อแดงเดินออกมาพร้อมชายใส่เสื้อวิน ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ แล้วขับหลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยสุขุมวิท 22 วินสายน้ำทิพย์ 1 ซึ่งเป็นวินที่นายเอ็ม ขับอยู่ โดยทราบจากคนในพื้นที่ว่า ผู้ก่อเหตุรับงานมานานแล้ว โดยมีเหตุผลจำใจที่ต้องลงมือครั้งนี้เพราะว่านายสั่งมา ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณกับเขา
ทีมข่าวพูดคุยกับวินจักรยานยนต์สายน้ำทิพย์ 1 รายหนึ่ง เปิดเผยว่า นายเอ็ม หรือ จ่าเอ็ม ขับวินเบอร์ 55 โดยจะวิ่งช่วงกลางวัน ซึ่งมาขับยังไม่ถึงปี พอมาทราบข่าวก็รู้สึกช็อก ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นคนลงมือเพราะนายเอ็มเป็นคนนิสัยดี ไม่มีทีท่าที่จะไปทำร้ายใคร ทราบว่าผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ในย่านคลองเตย โดยก่อนหน้านี้คาดว่าน่าจะอยู่ระยอง เพราะเคยสั่งลิ้นจี่จากแม่มาให้กิน
นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดว่า ในช่วงเช้านายเอ็ม ผู้ก่อเหตุ ยังขี่วินจักรยานยนต์วิ่งให้บริการลูกค้าอยู่ ก่อนที่ช่วงเย็นจะไปก่อเหตุ
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ขณะที่คนร้ายเดินตามหลังนายลิม กิมยา อายุ 74 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ก่อนชักปืนจ่อยิงระยะเผาขน 3 นัด กระสุนปืนเข้าที่ด้านหลังขวา 2 นัดเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุมือปืนเดินข้ามถนนไปสตาร์ตรถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อกแล้วขี่รถหลบหนี เหตุอุกอาจนี้เกิดบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลา 17.45 น.เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.)
ย้อนดูนาทีก่อนก่อเหตุ สังเกตจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่า คนร้ายเป็นชายตัดผมเกรียนขี่รถจักรยานยนต์ เวฟ 125 สีแดง มาจอดหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ฝั่งไปรษณีย์ไทย ตั้งแต่เวลา 17.26 น. ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกออก และนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์นานกว่า 10 นาที จนเวลา 17.39 น. คนร้ายลุกขึ้น เดินข้ามถนนไปนั่งที่เกาะกลางถนน และเล่นโทรศัพท์มือถือต่ออีก 6 นาที จนสบโอกาสลงมือก่อเหตุเวลา 17.45 น. ก่อนข้ามถนนกลับมาที่รถจักรยานยนต์แล้วขี่รถหลบหนีมุ่งหน้าไปทางแยกวันชาติ
สอบถามภรรยาของผู้เสียชีวิตเป็นชาวฝรั่งเศส ทราบว่าเดินทางมาจากจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยซื้อตั๋วนั่งรถบัสมาเที่ยวในไทยกันทั้งหมด 3 คน ตามกำหนดการช่วง 17.00 น. รถบัสจอดให้นักท่องเที่ยวไปไหว้พระ เที่ยวชมในวัดบวรนิเวศวิหาร คาดว่าหลังเที่ยวชมเสร็จ ผู้เสียชีวิตน่าจะเดินมารอรถบัส ก่อนถูกยิงเสียชีวิต
ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้ยื่นคำร้องขอศาลอาญาอนุมัติ หมายจับ นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหายิง นายลิม กิมยา ฐานกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้
สำหรับ นายเอกลักษณ์ เคยรับราชการเป็นทหารเรือ สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กบิ๊กเกรียน เผยข้อมูลว่า นายเอกลักษณ์ เคยกระทำความผิดและถูกลงทัณฑ์ทางวินัยขัง 2 ครั้ง นอกจากนี้จากข้อมูลของสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย พบว่า นายเอกลักษณ์ ยังเป็นนักกีฬาสนุกเกอร์ ฉายา "เอ็ม กองเรือ" มีผลงานเคยเข้าร่วมการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพเก็บสะสมคะแนน ดิวิชัน 2 จำนวน 4 รายการ ในปี 2556 มีรายงานว่า ที่ผ่านมามีประวัติชอบเที่ยวเตร่ ติดสุรา เล่นการพนัน จนมีหนี้สิน สุดท้ายกองทัพเรือจึงให้ออกจากราชการไป
ทีมข่าวสอบถามกองทัพเรือ ชี้แจงว่า นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ก่อเหตุเคยเป็นข้าราชการของกองทัพเรือ ชั้นยศ พันจ่าเอก แต่ถูกให้ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดวินัย ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2566
ความคืบหน้าทางคดี พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดียิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน กัมพูชา ที่ สน.ชนะสงคราม โดย พลตำรวจโท สยาม เปิดเผยว่า หลังศาลอนุมัติออกหมายจับตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว จากการสืบสวนเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุถูกว่าจ้างมา และน่าจะมีคนชี้เป้า เพราะมือปืนจะไม่รู้จักเป้าหมาย ตอนนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควรเกี่ยวกับคนชี้เป้า แต่ยังขอไม่เปิดเผยรายละเอียด
ส่วนมูลเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ ตำรวจตั้งไว้ทุกประเด็นที่เกี่ยวเนื่อง ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง กำลังพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ส่วนรายละเอียดของผู้ก่อเหตุนั้นเป็นอดีตทหารหรือไม่ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดก่อน แต่ปัจจุบันผู้ก่อเหตุประกอบอาชีพขี่จักรยานยนต์รับจ้าง โดยจะติดตามตัวคนร้ายมาให้เร็วที่สุด แต่รายละเอียดของการติดตามตัวนั้น ขอไม่เปิดเผยเพราะเชื่อว่าผู้ก่อเหตุก็ฟังข่าวอยู่เหมือนกัน
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก เผยข้อมูลว่า ผู้ต้องสงสัยทำหน้าที่ชี้เป้า ไม่ใช่คนไทย เป็นชายอายุ 23 ปี ชาวกัมพูชา เดินทางประกบนั่งรถบัสคันเดียวกับ นายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต จากนั้นโทรศัพท์แจ้งเอ็ม กองเรือ ว่าเป้าหมายลงรถทัวร์แล้วหลังจากก่อเหตุ ผู้ต้องสงสัยคนชี้เป้ารีบเดินทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดินทางออกจากประเทศไทยกลับไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เมื่อวาน ในเวลา 21.05 น.
ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ม.ค.68) พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผบช.น. และชุดสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 845 ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิง อดีต สส.กัมพูชา ที่ถูกนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณสถานีบริการน้ำมัน บริเวณเลียบถนนมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีชายใส่เสื้อวินจักรยานยนต์คาดว่า เป็นผู้ก่อเหตุ ขี่จักรยานยนต์คันดังกล่าวขี่เข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน เมื่อเวลา 18.21 น.เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) โดยภายในปั๊ม มีแท็กซี่สีเขียวเหลืองจอดรออยู่ ก่อนจะมีชายเสื้อแดง เดินลงจากรถ ตามชายใส่เสื้อวินจักรยานยนต์เข้าไปด้านใน จากนั้นไม่นานชายเสื้อแดงเดินออกมาพร้อมชายใส่เสื้อวิน ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ แล้วขับหลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยสุขุมวิท 22 วินสายน้ำทิพย์ 1 ซึ่งเป็นวินที่นายเอ็ม ขับอยู่ โดยทราบจากคนในพื้นที่ว่า ผู้ก่อเหตุรับงานมานานแล้ว โดยมีเหตุผลจำใจที่ต้องลงมือครั้งนี้เพราะว่านายสั่งมา ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณกับเขา
ทีมข่าวพูดคุยกับวินจักรยานยนต์สายน้ำทิพย์ 1 รายหนึ่ง เปิดเผยว่า นายเอ็ม หรือ จ่าเอ็ม ขับวินเบอร์ 55 โดยจะวิ่งช่วงกลางวัน ซึ่งมาขับยังไม่ถึงปี พอมาทราบข่าวก็รู้สึกช็อก ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นคนลงมือเพราะนายเอ็มเป็นคนนิสัยดี ไม่มีทีท่าที่จะไปทำร้ายใคร ทราบว่าผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ในย่านคลองเตย โดยก่อนหน้านี้คาดว่าน่าจะอยู่ระยอง เพราะเคยสั่งลิ้นจี่จากแม่มาให้กิน
นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดว่า ในช่วงเช้านายเอ็ม ผู้ก่อเหตุ ยังขี่วินจักรยานยนต์วิ่งให้บริการลูกค้าอยู่ ก่อนที่ช่วงเย็นจะไปก่อเหตุ