ณัฐวุฒิ ยัน ทักษิณ ไม่มีเจตนาหยียดใคร อาจมีบางมุมเป็นดรามา
เวทีเชียงราย "เต้น ณัฐวุฒิ" ยัน "ทักษิณ" ไม่มีเจตนาหยียดใคร อาจมีบางมุมเป็นดรามา แต่ทุกประเด็นที่ปราศรัยเป็นประโยชน์กับประชาชน เชื่อคนจำนวนไม่น้อยฟังแล้วคาดหวังให้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
วันนี้ (6 ม.ค.68) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับการปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ.เชียงราย ว่า “บางมุมจากเชียงราย แต่ละนโยบายบนเวที คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ปราบยาเสพติด คอลเซนเตอร์ ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ยกเลิกการผูกขาด บ้านเพื่อคนไทย หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน SML และอีกหลายวาระล้วนตอบโจทย์ เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยฟังแล้วคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ส่วนที่ไม่เชื่อ ไม่หวัง ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ก็คงไม่ถึงขั้นยืนยันฟันธงว่าจะไม่สำเร็จ
นายณัฐวุฒิ ระบุอีกว่า สถานะ คนไทยทุกคนมีสิทธิ์พูด เสนอ เรียกร้อง กระทั่งกดดัน ให้รัฐบาลทำในสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งเราเห็นผู้รู้ทั้งหลายทำกันทั่วไป ผู้ไม่รู้แต่ทำเหมือนโคตรรู้ก็เห็นมี นายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับการยอมรับเรื่องความรู้ ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน ทั้งในประเทศและนานาชาติ เป็นพ่อของนายกฯ คนปัจจุบัน การให้คำปรึกษา ชี้แนะ ด้วยโลกทัศน์และประสบการณ์เป็นเรื่องปกติ
“ผมไม่เคยและไม่คิดจะเอาเรื่องครอบงำมาเล่นงานพรรคไหน หรือจะใช้วิจารณ์ก็ไม่ เพราะกติกานี้เพิ่งมีในรัฐธรรมนูญ 60 ถึงขั้นยุบพรรค เพราะเคยแพ้ภายใต้สโลแกน ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ร่างขึ้นมาเพื่อเจาะจงเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ตามเจตนารมณ์และเป้าประสงค์ในการบังคับใช้ โดยหลักการสิ่งนี้ไม่น่าเรียกว่ากฎหมาย”
นายณัฐวุฒิ ระบุด้วยว่า พรรคการเมือง 3 ลำดับแรกในสภาฯ ถูกมองว่ามีผู้นำจิตวิญญาณอยู่เบื้องหลัง เพื่อไทยกับพรรคประชาชน ตนเข้าใจและเห็นใจ เพราะต่างถูกกระทำทางการเมือง ผู้นำที่ถูกตัดสิทธิ์ผูกพันกับพรรคในฐานะผู้ก่อตั้ง อย่างไรก็แยกกันไม่ออก ส่วนภูมิใจไทยก็มีแนวทางอีกแบบของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองควรเลือกทำได้ต่อหน้าประชาชน ไม่ต้องปิดบัง ไม่มีข้อหาครอบงำ ให้ประชาชนได้คิดและตัดสินใจเลือกแต่ละพรรคเอง
“สีสัน ดรามา การปราศรัยทางการเมืองย่อมมีกระทบกระทั่ง ส่วนใหญ่ผู้พูดใช้เป็นสีสัน ไม่ได้คิดแค้นส่วนตัว นักการเมืองกระแทกกันไปมา แต่เวลาเจอหน้าไม่เคยเห็นใครกระโดดชกกัน อาจมีบางมุมเป็นดรามา แต่เนื้อในไม่มีเจตนาเหยียดใคร เพียงอธิบายสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องต้องรับฟัง และทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ธรรมชาติเวทีการเมืองเป็นแบบนี้ และธรรมดาของการเมือง จะให้คนเห็นด้วยกันทั้งหมด ไม่มี”
วันนี้ (6 ม.ค.68) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับการปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ.เชียงราย ว่า “บางมุมจากเชียงราย แต่ละนโยบายบนเวที คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ปราบยาเสพติด คอลเซนเตอร์ ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ยกเลิกการผูกขาด บ้านเพื่อคนไทย หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน SML และอีกหลายวาระล้วนตอบโจทย์ เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยฟังแล้วคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ส่วนที่ไม่เชื่อ ไม่หวัง ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ก็คงไม่ถึงขั้นยืนยันฟันธงว่าจะไม่สำเร็จ
นายณัฐวุฒิ ระบุอีกว่า สถานะ คนไทยทุกคนมีสิทธิ์พูด เสนอ เรียกร้อง กระทั่งกดดัน ให้รัฐบาลทำในสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งเราเห็นผู้รู้ทั้งหลายทำกันทั่วไป ผู้ไม่รู้แต่ทำเหมือนโคตรรู้ก็เห็นมี นายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับการยอมรับเรื่องความรู้ ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน ทั้งในประเทศและนานาชาติ เป็นพ่อของนายกฯ คนปัจจุบัน การให้คำปรึกษา ชี้แนะ ด้วยโลกทัศน์และประสบการณ์เป็นเรื่องปกติ
“ผมไม่เคยและไม่คิดจะเอาเรื่องครอบงำมาเล่นงานพรรคไหน หรือจะใช้วิจารณ์ก็ไม่ เพราะกติกานี้เพิ่งมีในรัฐธรรมนูญ 60 ถึงขั้นยุบพรรค เพราะเคยแพ้ภายใต้สโลแกน ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ร่างขึ้นมาเพื่อเจาะจงเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ตามเจตนารมณ์และเป้าประสงค์ในการบังคับใช้ โดยหลักการสิ่งนี้ไม่น่าเรียกว่ากฎหมาย”
นายณัฐวุฒิ ระบุด้วยว่า พรรคการเมือง 3 ลำดับแรกในสภาฯ ถูกมองว่ามีผู้นำจิตวิญญาณอยู่เบื้องหลัง เพื่อไทยกับพรรคประชาชน ตนเข้าใจและเห็นใจ เพราะต่างถูกกระทำทางการเมือง ผู้นำที่ถูกตัดสิทธิ์ผูกพันกับพรรคในฐานะผู้ก่อตั้ง อย่างไรก็แยกกันไม่ออก ส่วนภูมิใจไทยก็มีแนวทางอีกแบบของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองควรเลือกทำได้ต่อหน้าประชาชน ไม่ต้องปิดบัง ไม่มีข้อหาครอบงำ ให้ประชาชนได้คิดและตัดสินใจเลือกแต่ละพรรคเอง
“สีสัน ดรามา การปราศรัยทางการเมืองย่อมมีกระทบกระทั่ง ส่วนใหญ่ผู้พูดใช้เป็นสีสัน ไม่ได้คิดแค้นส่วนตัว นักการเมืองกระแทกกันไปมา แต่เวลาเจอหน้าไม่เคยเห็นใครกระโดดชกกัน อาจมีบางมุมเป็นดรามา แต่เนื้อในไม่มีเจตนาเหยียดใคร เพียงอธิบายสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องต้องรับฟัง และทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ธรรมชาติเวทีการเมืองเป็นแบบนี้ และธรรมดาของการเมือง จะให้คนเห็นด้วยกันทั้งหมด ไม่มี”