เจ้าของสุดเสียดาย ควายเผือกแม่พันธุ์ตายปริศนาทั้งกลม

วันที่ 20 ธ.ค. 2567
ข่าวการประกวด
วันนี้ (20 ธ.ค .67) นายสัตว์แพทย์สุริยะ กาวงษ์กลาง หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายสวัสดิ์ บุตรพรม ปศุสัตว์อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุ กรณีที่ควายเผือกแม่พันธุ์ของ นายสงวน คชราช อายุ 63 ปี เกษตรกรบ้านตะโกสิงห์ ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ตายทั้งกลมโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา   

จากการสอบถาม นายสงวน ข้อมูลว่า มีอาชีพทำนาและเลี้ยงควาย โดยควายเผือกตัวดังกล่าวซื้อมาตอนอายุประมาณ 2 ปีเศษ เลี้ยงมาอีก 5 ปีกว่า ที่ผ่านมาได้ตั้งท้องให้ลูก 2 ตัวแล้ว ตัวนี้เป็นท้องที่ 3 อายุครรภ์ราว 5 เดือน ก่อนจะพบควายนอนตาย ก็เอาไปกินหญ้าที่ทุ่งนาตามปกติ พอช่วงเที่ยงไปดูพบเดินเซผิดปกติ ตอนแรกคิดว่าควายอาจจะตากแดดนานแล้วร้อน จึงนำขอนไม้มาวางแล้วใช้ฟางรองแล้วราดน้ำให้ชุ่ม เพื่อให้ควายนอน 

กระทั่งตอนเย็นไปดูอีกทีพบว่าควายนอนตายทั้งกลมแล้ว ทั้งสงสาร ทั้งเสียใจ และเสียดาย ซึ่งแปลกใจว่า จู่ ๆ ควายตายได้อย่างไร แต่พอตรวจดูตามตัวก็พบมีร่องรอยเขี้ยวคล้ายถูกงูกัดที่ขาหลัง แต่ก็คาดว่าน่าจะเป็นงูรัดเขียดที่แอบมากินกบกินเขียดในน้ำ แต่เป็นงูที่ไม่มีพิษ ไม่รู้ว่าจะทำให้ควายเผือกตายได้หรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบหาสาเหตุ เพราะควายดังกล่าวมีการแจ้งขึ้นทะเบียนเอาไว้ ที่ผ่านมาเคยมีคนมาขอซื้อให้ราคา 150,000 บาท แต่ตัดสินใจไม่ขาย เนื่องจากตั้งใจเอาไว้ทำแม่พันธุ์ด้วย หากเป็นไปได้ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือด้วย เพราะมีต้นทุนในการเลี้ยงดู แต่มาล้มตายพร้อมกับลูกในท้อง

ด้าน นายสัตว์แพทย์สุริยะ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นและสอบถามรายละเอียดจากเจ้าของควาย ก็ทราบว่าเจ้าของมีการใช้ยาในกลุ่มยาโซดาแกรม ซึ่งใช้ฉีดพ่นใส่ตัวโค กระบือ สุนัข หมู ไก่ เพื่อกำจัดแมลงดูดเลือด ปรสิต ที่กัดดูดเลือดที่ผิวหนังสัตว์เลี้ยงกับควายตัวดังกล่าว ต่อมาในตอนเช้าก็พบว่ามีอาการท้องอืดร่วมด้วย คาดว่าควายอาจไปเลียกินยาดังกล่าวที่ฉีดพ่นกำจัดแมลงที่ตัวของควายเองหรือไม่ ส่วนที่เจ้าของบอกว่าพบรอยคล้ายถูกงูฉกที่บริเวณขา แต่คาดว่าน่าจะเป็นงูรัดเขียดซึ่งไม่มีพิษ ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะทำให้ควายตายได้หรือไม่ 

อย่างไรก็ตามกรณีที่ควายเผือกตายไม่ทราบสาเหตุครั้งนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็อยากฝากให้คำแนะนำกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค หรือกระบือ ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีในลักษณะนี้อีก เพราะจะสร้างความเสียหายแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงได้ ส่วนกรณีนี้จะมีแนวทางดูแลช่วยเหลือหรือไม่อย่างไรนั้น ก็ต้องดูระเบียบหลักเกณฑ์อีกครั้ง

Gallery