สลด! เด็กชาย 7 ขวบ วิ่งว่าวเพลิน วิ่งตัดถนนถูกรถไถชนทับดับคาที่
เด็กชายวัย 7 ขวบ เล่นวิ่งว่าวอยู่ริมถนน แต่เกิดพลาดคาดวิ่งตัดถนน โดนรถไถพ่วงเพื่อบรรทุกรถเกี่ยวข้าวทับร่างเสียชีวิตคาถนน ด้านยายเผยหลานชอบเล่นว่าวเป็นชีวิตจิตใจ เพิ่งซื้อตัวใหม่ให้ได้แค่วันเดียว
วันนี้ (15 ธ.ค. 67) พ.ต.ต.สักกะพงษ์ ผลเกิด สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองกี่ ได้รับแจ้งเหตุรถไถพ่วงเพื่อบรรทุกรถเกี่ยวข้าวทับเด็กเสียชีวิต บนถนนกลางหมู่บ้านเขื่อนด่าน ต.โคกสว่าง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ จึงประสานอาสากู้ภัยหนองกี่ร่วมตรวจสอบ
ณ ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน พบรถไถนาลากจูงพ่วงเพื่อบรรทุกรถเกี่ยวข้าวจอดอยู่กลางถนน บริเวณล้อด้านขวาหลังของตัวพ่วงพบร่าง ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 7 ขอบ นอนหงายถูกล้อตัวพ่วงดัดแปลงทับบริเวณสะโพกและอีก 1 ล้อทับศีรษะทำให้กะโหลกแตก เสียชีวิตคาที่ ซึ่งการกู้ร่างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากลูกพ่วงบรรทุกรถเกี่ยวหนักและลูกพ่วงไม่น้อยร่วม 10 ตัน ต้องใช้แม่แรง 2 ตัว ช่วยยกตัวรถก่อนจะนำร่างเด็กชายออกมาได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
จากการสอบถาม นายมนัส อายุ 65 ปี คนขับรถพ่วง เล่าว่า ตนขับรถพ่วงที่บรรทุกรถเกี่ยวข้าวหลังจากการเกี่ยวข้าวกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ระหว่างที่ตนขับรถมาตามปกติและไม่ได้ขัยด้วยความเร็ว เนื่องจากรถมีน้ำหนักมาก ซึ่งตนยอมรับว่าเห็นเด็กวิ่งเล่นว่าวกันอยู่ในไร่อ้อยที่เผาแล้วข้างถนน 2 คน โดยมีเด็กคนหนึ่งปล่อยว่าว ส่วนอีกคนเป็นคนวิ่ง จู่ ๆ เด็กหนึ่งในนั้นวิ่งมาทางรถที่ตนขับมา ซึ่งตนคิดว่าเด็กเห็นรถ หลังจากนั้นตนก็ได้ยินเสียดังอยู่ท้ายรถ จึงจอดดูก็พบว่ารถทับเด็กแล้ว
ทาง นางม้วน อายุ 67 ปี ยายของน้องเอ เล่าว่า หลานชอบเล่นว่าวเป็นชีวิตจิตใจ ก่อนหน้านี้ ว่าวตัวเก่าของหลานไปติดอยู่กับสายไฟฟ้าในหมู่บ้าน หลานให้ยายซื้อตัวใหม่ให้ ยายจึงบอกให้พ่อกับแม่ซื้อมาให้ใหม่ เพิ่งซื้อมาได้วันเดียว หลานก็เสียชีวิต
ด้าน นางสาวศิราณี อายุ 26 ปี แม่ของน้องเอ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนและสามีไปทำงาน กระทั่งแม่ของตนได้โทรศัพท์มาบอกว่าลูกเสียชีวิต ซึ่งลูกชายชอบเล่นว่าวมาก แต่ไม่อยากให้ลูกไปเล่นไกลเพราะกลัวอันตราย ลูกชายจึงเล่นกับเพื่อนอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นไร่อ้อยที่ถูกตัดออกแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกชายทั้งที่เตือนและให้ระวังแล้ว
วันนี้ (15 ธ.ค. 67) พ.ต.ต.สักกะพงษ์ ผลเกิด สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองกี่ ได้รับแจ้งเหตุรถไถพ่วงเพื่อบรรทุกรถเกี่ยวข้าวทับเด็กเสียชีวิต บนถนนกลางหมู่บ้านเขื่อนด่าน ต.โคกสว่าง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ จึงประสานอาสากู้ภัยหนองกี่ร่วมตรวจสอบ
ณ ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน พบรถไถนาลากจูงพ่วงเพื่อบรรทุกรถเกี่ยวข้าวจอดอยู่กลางถนน บริเวณล้อด้านขวาหลังของตัวพ่วงพบร่าง ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 7 ขอบ นอนหงายถูกล้อตัวพ่วงดัดแปลงทับบริเวณสะโพกและอีก 1 ล้อทับศีรษะทำให้กะโหลกแตก เสียชีวิตคาที่ ซึ่งการกู้ร่างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากลูกพ่วงบรรทุกรถเกี่ยวหนักและลูกพ่วงไม่น้อยร่วม 10 ตัน ต้องใช้แม่แรง 2 ตัว ช่วยยกตัวรถก่อนจะนำร่างเด็กชายออกมาได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
จากการสอบถาม นายมนัส อายุ 65 ปี คนขับรถพ่วง เล่าว่า ตนขับรถพ่วงที่บรรทุกรถเกี่ยวข้าวหลังจากการเกี่ยวข้าวกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ระหว่างที่ตนขับรถมาตามปกติและไม่ได้ขัยด้วยความเร็ว เนื่องจากรถมีน้ำหนักมาก ซึ่งตนยอมรับว่าเห็นเด็กวิ่งเล่นว่าวกันอยู่ในไร่อ้อยที่เผาแล้วข้างถนน 2 คน โดยมีเด็กคนหนึ่งปล่อยว่าว ส่วนอีกคนเป็นคนวิ่ง จู่ ๆ เด็กหนึ่งในนั้นวิ่งมาทางรถที่ตนขับมา ซึ่งตนคิดว่าเด็กเห็นรถ หลังจากนั้นตนก็ได้ยินเสียดังอยู่ท้ายรถ จึงจอดดูก็พบว่ารถทับเด็กแล้ว
ทาง นางม้วน อายุ 67 ปี ยายของน้องเอ เล่าว่า หลานชอบเล่นว่าวเป็นชีวิตจิตใจ ก่อนหน้านี้ ว่าวตัวเก่าของหลานไปติดอยู่กับสายไฟฟ้าในหมู่บ้าน หลานให้ยายซื้อตัวใหม่ให้ ยายจึงบอกให้พ่อกับแม่ซื้อมาให้ใหม่ เพิ่งซื้อมาได้วันเดียว หลานก็เสียชีวิต
ด้าน นางสาวศิราณี อายุ 26 ปี แม่ของน้องเอ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนและสามีไปทำงาน กระทั่งแม่ของตนได้โทรศัพท์มาบอกว่าลูกเสียชีวิต ซึ่งลูกชายชอบเล่นว่าวมาก แต่ไม่อยากให้ลูกไปเล่นไกลเพราะกลัวอันตราย ลูกชายจึงเล่นกับเพื่อนอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นไร่อ้อยที่ถูกตัดออกแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกชายทั้งที่เตือนและให้ระวังแล้ว