ผู้ว่าฯ ตราด ควง นายอำเภอเกาะกูด ล่องเรือตรวจที่ทับซ้อน สร้างความมั่นใจ รับปากดูแลเต็มที่
ผู้ว่าฯ ตราด ควง นายอำเภอเกาะกูด นั่งเรือตรวจที่ทับซ้อน สร้างความมั่นใจ รับปากดูแลเต็มที่ ยันมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตามฤดูกาล ขณะที่ชาวบ้านเผย อยู่มา 92 ปี บรรพบุรุยืนยันเกาะกูดเป็นของไทย
วันนี้ (10 พ.ย.67) นายณัฐพงศ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วย นายอำเภอเกาะกูด นั่งเรือสำรวจพื้นที่เกาะกูด ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่มีการขีดเส้นไหล่ทวีปทับซ้อนกับพื้นที่ของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ว่าพื้นที่บนเกาะกูดและทรัพยากรทั้งหมดยังคงเป็นของไทย โดยเฉพาะพื้นที่โซนใต้ของเกาะที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน ม.1 อ.เกาะกูด จ.ตราด หลังจากมีกระแสข่าวว่านักท่องเที่ยวลดลง 30% จากกรณีการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกาะกูดระหว่างไทย-กัมพูชา
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่าตนเองในฐานะผู้ปฏิบัติ จะดูแลและพัฒนาพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนบนเกาะกูด เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดลงมาก อย่างที่หลายฝ่ายเป็นกังวล ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไม่
ด้านนายสวงค์ รำไพ ชาวบ้านเกาะกูด อายุ 92 ปี ผู้ที่อาวุโสที่สุดบนเกาะกูด เล่าให้ฟังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวปริมาณไม่ได้ลดลงมาก หากคลื่นลมสงบ คนก็จะมาเที่ยวเรื่อย ๆ ช่วงฤดูฝนคลื่นลมแรง นักท่องเที่ยวก็น้อยเป็นปกติ พร้อมยืนยันว่า นักท่องเที่ยวยังมีจำนวนมาก แต่แบ่งไปตามอ่าวต่าง ๆ ของเกาะ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาที่เกาะกูด เพราะเป็นที่สงบ ไม่มีนักเลง ไม่มีขโมย นอนเปิดประตูทิ้งไว้ได้
นายสวงค์ ยืนยันว่า ตนอยู่บนเกาะกูดมาตั้งตั้งแต่เกิด จนครบอายุ 92 ปี การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนไม่มี บรรพบุรุษก็ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย
ด้านนายสุธี ศิราชนิยม ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 อ.เกาะกูด รับว่า นักท่องเที่ยวน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ภาคเหนือ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะออกทำประมงได้มาปริมาณไม่มากจะใช้กันในเกาะกูด ชาวบ้านจะจ่ายใช้สอยกันเองขายให้กันเอง
วันนี้ (10 พ.ย.67) นายณัฐพงศ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วย นายอำเภอเกาะกูด นั่งเรือสำรวจพื้นที่เกาะกูด ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่มีการขีดเส้นไหล่ทวีปทับซ้อนกับพื้นที่ของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ว่าพื้นที่บนเกาะกูดและทรัพยากรทั้งหมดยังคงเป็นของไทย โดยเฉพาะพื้นที่โซนใต้ของเกาะที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน ม.1 อ.เกาะกูด จ.ตราด หลังจากมีกระแสข่าวว่านักท่องเที่ยวลดลง 30% จากกรณีการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกาะกูดระหว่างไทย-กัมพูชา
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่าตนเองในฐานะผู้ปฏิบัติ จะดูแลและพัฒนาพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนบนเกาะกูด เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดลงมาก อย่างที่หลายฝ่ายเป็นกังวล ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไม่
ด้านนายสวงค์ รำไพ ชาวบ้านเกาะกูด อายุ 92 ปี ผู้ที่อาวุโสที่สุดบนเกาะกูด เล่าให้ฟังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวปริมาณไม่ได้ลดลงมาก หากคลื่นลมสงบ คนก็จะมาเที่ยวเรื่อย ๆ ช่วงฤดูฝนคลื่นลมแรง นักท่องเที่ยวก็น้อยเป็นปกติ พร้อมยืนยันว่า นักท่องเที่ยวยังมีจำนวนมาก แต่แบ่งไปตามอ่าวต่าง ๆ ของเกาะ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาที่เกาะกูด เพราะเป็นที่สงบ ไม่มีนักเลง ไม่มีขโมย นอนเปิดประตูทิ้งไว้ได้
นายสวงค์ ยืนยันว่า ตนอยู่บนเกาะกูดมาตั้งตั้งแต่เกิด จนครบอายุ 92 ปี การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนไม่มี บรรพบุรุษก็ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย
ด้านนายสุธี ศิราชนิยม ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 อ.เกาะกูด รับว่า นักท่องเที่ยวน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ภาคเหนือ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะออกทำประมงได้มาปริมาณไม่มากจะใช้กันในเกาะกูด ชาวบ้านจะจ่ายใช้สอยกันเองขายให้กันเอง
