ตำรวจสยบหนุ่มคลั่ง เสพยาบ้าอาละวาดหวังข่มขืนพี่สาว
ตั้งกรรมการสอบ ตร.สยบหนุ่งคลั่ง เสพยาบ้า 18 เม็ดจนหลอน อาละวาดปาก้อนหินใส่ชาวบ้าน หวังข่มขืนพี่สาวแท้ ๆ สุดท้ายถูกตำรวจยิงปืนสกัด เพราะคว้ามีดไล่ฟันตำรวจ
วันที่ 17 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางประครอง อายุ 57 ปี หลังเกิดเหตุนายกฤษณะ อายุ 28 ปี ลูกชาย เสพยาบ้าคุ้มคลั่งอาละวาด พยายามจะบุกเข้าไปข่มขืนพี่สาว จึงไปแจ้งตำรวจ สภ.วังสามหมอ ให้มาช่วยระงับเหตุ แต่นายกฤษณะไม่ยอมวางอาวุธมีดและมอบตัว แต่กลับใช้มีดฟันสู้ ตำรวจใช้กระสุนยางยิงแต่นายกฤษณะไม่หยุด ตำรวจจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสกัด 1 นัด กระสุนลูกปราย 6 นัดเข้าทรวงอก ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุเกิด วันที่ 15 กันยายน 2567
นางประครอง เล่าว่า ตนแยกทางกับสามี ตั้งแต่ลูกทั้ง 3 คนยังเด็ก เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกคนโต และคนกลางเป็นผู้หญิง ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชาย คือ นายกฤษณะ มีนิสัยเกเร เสพติดยาบ้าตั้งแต่อายุ 18 ปี ต่อมาได้ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกจับติดคุก 8 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมา 2-3 เดือน แต่ไม่ยอมทำงาน และเสพยาบ้าหนักกว่าเดิม เมื่อเมาจะอาละวาด จนพี่สาวคนกลางหนีไปเช่าบ้านอยู่ตามลำพัง และเคยพานายกฤษณะไปอยู่ด้วย แต่น้องจะข่มขืน จึงไล่กลับมา แต่ลูกชายจะถือมีดติดตัวตลอด โดยเย็นวันเกิดเหตุลูกชาย ได้เสพยาบ้า 18 เม็ด ถือมีดอาละวาด ใช้ก้อนหินขว้างปาใส่บ้านพี่สาว และจะเข้าไปข่มขืนพี่สาวในบ้าน ตนกลัวลูกสาวจะได้รับอันตราย จึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ
ตำรวจเจรจาให้วางอาวุธและมอบตัว แต่นายกฤษณะกลับสู้ตำรวจ จึงถูกตำรวจยิงเสียชีวิต จนได้รับบาดเจ็บ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และตั้งแต่ลูกชายพ้นโทษออกมา ตนไม่ได้นอนบ้านเพราะกลัวลูก แต่ยอมรับว่าเสียใจที่ลูกชายเสียชีวิต แต่ตนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่คิดว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ และไม่ติดใจการเสียชีวิต
ส่วนนายไพร๊อต วงศ์สำแดง ผญบ.บ้านโนนผักหอม เปิดเผยว่า นายกฤษณะ มีพฤติกรรมเสพยาบ้า เคยก่อคดีข่มขืนเด็ก ติดคุก 8 ปี พ้นโทษออกมาก็จะไม่สุงสิงกับใคร แต่หันมาเสพยาบ้า และเคยนำตัวไปบำบัดแต่ก็หวนกลับมาเสพอีก วันเกิดเหตุนายกฤษณะอาละวาดขว้างปาก้อนหินใส่บ้านพี่สาว พอตำรวจมาก็ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงถูกตำรวจยิงจนเสียชีวิต ซึ่งนายกฤษณะถือว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตำรวจได้นำกำลังสายตรวจ และสืบสวนกว่า 10 นาย และไม้ง่ามออกไประงับเหตุ เมื่อไปถึงก็ใช้ยุทธวิธีตำรวจตามขั้นตอน โดยเจรจาก่อน แต่ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงใช้สเปรย์พริกไทยฉีดเข้าไปในห้อง จึงตัดสินใจปีนบันไดขึ้นไป แต่ถูกใช้มีดฟัน ตำรวจจึงใช้ไม้ง่ามรับเอาไว้ ครั้งแรกตำรวจใช้กระสุนยางยิงสกัด แต่นายกฤษณะวิ่งใส่ตำรวจ จึงได้ยิงด้วยกระสุนจริง โดนหน้าอกล้มลง ตำรวจรีบนำตัวส่ง รพ.และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ชันการสูตรพบกระสุนลูกปรายทะลุหัวใจ 1 นัด ส่วนแม่ และญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต แต่จะมีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
วันที่ 17 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางประครอง อายุ 57 ปี หลังเกิดเหตุนายกฤษณะ อายุ 28 ปี ลูกชาย เสพยาบ้าคุ้มคลั่งอาละวาด พยายามจะบุกเข้าไปข่มขืนพี่สาว จึงไปแจ้งตำรวจ สภ.วังสามหมอ ให้มาช่วยระงับเหตุ แต่นายกฤษณะไม่ยอมวางอาวุธมีดและมอบตัว แต่กลับใช้มีดฟันสู้ ตำรวจใช้กระสุนยางยิงแต่นายกฤษณะไม่หยุด ตำรวจจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสกัด 1 นัด กระสุนลูกปราย 6 นัดเข้าทรวงอก ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุเกิด วันที่ 15 กันยายน 2567
นางประครอง เล่าว่า ตนแยกทางกับสามี ตั้งแต่ลูกทั้ง 3 คนยังเด็ก เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกคนโต และคนกลางเป็นผู้หญิง ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชาย คือ นายกฤษณะ มีนิสัยเกเร เสพติดยาบ้าตั้งแต่อายุ 18 ปี ต่อมาได้ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกจับติดคุก 8 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมา 2-3 เดือน แต่ไม่ยอมทำงาน และเสพยาบ้าหนักกว่าเดิม เมื่อเมาจะอาละวาด จนพี่สาวคนกลางหนีไปเช่าบ้านอยู่ตามลำพัง และเคยพานายกฤษณะไปอยู่ด้วย แต่น้องจะข่มขืน จึงไล่กลับมา แต่ลูกชายจะถือมีดติดตัวตลอด โดยเย็นวันเกิดเหตุลูกชาย ได้เสพยาบ้า 18 เม็ด ถือมีดอาละวาด ใช้ก้อนหินขว้างปาใส่บ้านพี่สาว และจะเข้าไปข่มขืนพี่สาวในบ้าน ตนกลัวลูกสาวจะได้รับอันตราย จึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ
ตำรวจเจรจาให้วางอาวุธและมอบตัว แต่นายกฤษณะกลับสู้ตำรวจ จึงถูกตำรวจยิงเสียชีวิต จนได้รับบาดเจ็บ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และตั้งแต่ลูกชายพ้นโทษออกมา ตนไม่ได้นอนบ้านเพราะกลัวลูก แต่ยอมรับว่าเสียใจที่ลูกชายเสียชีวิต แต่ตนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่คิดว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ และไม่ติดใจการเสียชีวิต
ส่วนนายไพร๊อต วงศ์สำแดง ผญบ.บ้านโนนผักหอม เปิดเผยว่า นายกฤษณะ มีพฤติกรรมเสพยาบ้า เคยก่อคดีข่มขืนเด็ก ติดคุก 8 ปี พ้นโทษออกมาก็จะไม่สุงสิงกับใคร แต่หันมาเสพยาบ้า และเคยนำตัวไปบำบัดแต่ก็หวนกลับมาเสพอีก วันเกิดเหตุนายกฤษณะอาละวาดขว้างปาก้อนหินใส่บ้านพี่สาว พอตำรวจมาก็ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงถูกตำรวจยิงจนเสียชีวิต ซึ่งนายกฤษณะถือว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตำรวจได้นำกำลังสายตรวจ และสืบสวนกว่า 10 นาย และไม้ง่ามออกไประงับเหตุ เมื่อไปถึงก็ใช้ยุทธวิธีตำรวจตามขั้นตอน โดยเจรจาก่อน แต่ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงใช้สเปรย์พริกไทยฉีดเข้าไปในห้อง จึงตัดสินใจปีนบันไดขึ้นไป แต่ถูกใช้มีดฟัน ตำรวจจึงใช้ไม้ง่ามรับเอาไว้ ครั้งแรกตำรวจใช้กระสุนยางยิงสกัด แต่นายกฤษณะวิ่งใส่ตำรวจ จึงได้ยิงด้วยกระสุนจริง โดนหน้าอกล้มลง ตำรวจรีบนำตัวส่ง รพ.และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ชันการสูตรพบกระสุนลูกปรายทะลุหัวใจ 1 นัด ส่วนแม่ และญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต แต่จะมีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
