ช้างป่า บุกทำร้ายพระถึงในกุฏิจนซี่โครงหัก เชื่อเพราะคำพูดท้าทาย

ช้างป่า 2 ตัว บุกทำร้ายพระถึงในกุฏิจนซี่โครงหัก 2 ซี่ ด้านพระลูกวัดเชื่อเป็นเพราะคำพูดของพระที่ถูกทำร้ายท้าทาย หลังท้าทายว่า "มาเลย ช้างเข้ามาในวัดเลย จะจับช้างผูกให้กินหน่อไม้ในวัด ให้ชาวบ้านมาดู"
6 มิ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดป่าประชาชุมพร ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านสันติสุข ม.6 ต.หนองแดง อ.ชมพู จ.ขอนแก่น หลังจากมีชาวบ้าน แจ้งขอความช่วยเหลือ ให้สื่อมวลชนประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการเรื่องช้างที่เข้ามาทำลายพืชและทำร้ายชาวบ้าน บ้านอ่างทอง ต.ดงลาน อ.สีชมพู เสียชีวิต 1 คน ทำร้ายพระลูกวัด วัดป่าประชาชุมพร บาดเจ็บอีก 1 รูป
โดยจากการลงพื้นที่ พบกับพระวีระพันธ์ ถาวโร อายุ 31 ปี รักษาการเจ้าอาวาสวัด และพระคำไพร คุเณนะโน อายุ 64 ปี พระลูกวัด พาไปยังกุฏิของพระคำมูล อายุ 80 ปี พระที่ถูกช้างเข้าไปทำร้ายถึงในกุฏิ เหตุเกิดเวลา 04.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. 67
พระวีระพันธ์ เจ้าอาวาสวัด กล่าววว่า เหตุการณ์ที่ช้างเข้ามาในวัดนั้น ที่กุฏิมีกล้องวงจรปิด แต่จับภาพไม้ได้ หลังเกิดเหตุ จึงได้สำรวจบนถนนภายในวัด พบรอยเท้า ช้าง 2 ตัว เข้ามาในวัดป่า เข้ามาทางประตูทางเข้าวัด ตัวที่ 1 แยกไปยังกุฏิพระคำไพร แต่โชคดีที่ช้างเข้าไปไม่ถึงกุฏิ เพราะช้างเดินลงไปเล่นน้ำในสระน้ำข้างกุฏิ ส่วนตัวที่ 2 เดินไปยังกุฏิพระคำมูล ซึ่งเป็นกุฏิชั้นเดียว หลังคาต่ำ หลังเกิดเหตุ ได้สอบถามพระคำมูล ทราบว่า ช้างได้คลานเข้าไปในกุฏิและทำร้าย จนบาดเจ็บ ซี่โครงข้างซ้ายหัก 2 ซี่ ไหล่ซ้ายหลุด ซึ่งขณะเกิดเหตุ พระในวัดไม่เห็นเหตุการณ์ ทุกรูปทราบเรื่องตอนที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพมารับพระคำมูลไปโรงพยาบาลสีชมพู
ทางด้านพระคำไพร กล่าวว่า ได้ยินเรื่องช้างอาละวาดในพื้นที่ อ.สีชมพู มา 2 ปีแล้ว ทราบว่า มีช้างมาจากภูกระดึง ผานกเค้า จ.เลย เข้ามาในพื้นที่อ.สีชมพู ทำลายพืชในไร่สวน เจ้าหน้าที่ผลักดันออกไป แต่กลับมาเหมือนเดิม แต่แยกฝูง โดยช้าง 3 ตัวไปอีกทาง ช้าง 2 ตัวไปอีกทาง จนช้าง 2 ตัวมาถึงป่าประชาชุมพร และทำร้ายพระจนบาดเจ็บ เคยเตือนพระคำมูลแล้วว่าอย่าท้าทายช้าง เพราะพระคำมูล มักจะพูดว่า "มาเลย ช้างเข้ามาในวัดเลย จะจับช้างผูกให้กินหน่อไม้ในวัด ให้ชาวบ้านมาดู" จึงเตือนว่าอย่าท้าทาย เดี๋ยวช้างจะมาหา ปรากฏว่าช้างมาจริง ๆ และไปหาพระคำมูลที่กุฏิจริง ๆ แต่พระไม่สามารถจับช้างไว้ได้ ซ้ำยังถูกช้างทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
สาเหตุที่เตือนพระคำมูล เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านอ่างทอง ต.ดงลาน อ.สีชมพู ท้าทายว่า จะจับช้างป่าโขลงนี้ล่ามไว้แล้วจะตัดหูมาทำส้มหูช้าง จากนั้นไม่นานช้างมาหาและทำร้ายจนเสียชีวิต จึงตักเตือนพระคำมูล ว่า อย่าท้าทายช้าง เพราะเชื่อโดยส่วนตัวว่า คนที่ท้าทาย ช้างจะมาหาจริง และไม่มีใครสามารถจับช้างป่าได้และจะถูกทำร้ายทุกคน
พระคำไพร ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเกิดเหตุ เช้ามืดวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น ขณะจำวัดอยู่ก็สะดุ้งตื่น เพราะเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้หลายตัวเห่า แต่เห่าแบบผิดปกติ จึงลุกขึ้นมาดู พบช้างตัวใหญ่ มีงา ยืนใช้งวงพันแสลนสีเขียวที่ล้อมบริเวณกุฏิไว้ จึงหลบและมองมาจากในกุฏิ เห็นว่า หลังจากช้างม้วนแสลนแล้ว ช้างก็เดินเลี่ยงจากกุฏิลงไปยังหนองน้ำและเล่นน้ำ จึงตะโกนบอกว่า ไม่มีอะไร และไม่ใช่คนท้าทาย ช้างจึงขึ้นจากน้ำและเดินหายไปในความมืด จนกระทั่งบิณฑบาตเสร็จ กลับมาที่วัดจึงได้ทราบว่าพระคำมูล พระที่ท้าทายช้างป่า ถูกช้างรุกเข้าในกุฏิ ทำร้ายขนบาดเจ็บดังกล่าว
6 มิ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดป่าประชาชุมพร ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านสันติสุข ม.6 ต.หนองแดง อ.ชมพู จ.ขอนแก่น หลังจากมีชาวบ้าน แจ้งขอความช่วยเหลือ ให้สื่อมวลชนประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการเรื่องช้างที่เข้ามาทำลายพืชและทำร้ายชาวบ้าน บ้านอ่างทอง ต.ดงลาน อ.สีชมพู เสียชีวิต 1 คน ทำร้ายพระลูกวัด วัดป่าประชาชุมพร บาดเจ็บอีก 1 รูป
โดยจากการลงพื้นที่ พบกับพระวีระพันธ์ ถาวโร อายุ 31 ปี รักษาการเจ้าอาวาสวัด และพระคำไพร คุเณนะโน อายุ 64 ปี พระลูกวัด พาไปยังกุฏิของพระคำมูล อายุ 80 ปี พระที่ถูกช้างเข้าไปทำร้ายถึงในกุฏิ เหตุเกิดเวลา 04.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. 67
พระวีระพันธ์ เจ้าอาวาสวัด กล่าววว่า เหตุการณ์ที่ช้างเข้ามาในวัดนั้น ที่กุฏิมีกล้องวงจรปิด แต่จับภาพไม้ได้ หลังเกิดเหตุ จึงได้สำรวจบนถนนภายในวัด พบรอยเท้า ช้าง 2 ตัว เข้ามาในวัดป่า เข้ามาทางประตูทางเข้าวัด ตัวที่ 1 แยกไปยังกุฏิพระคำไพร แต่โชคดีที่ช้างเข้าไปไม่ถึงกุฏิ เพราะช้างเดินลงไปเล่นน้ำในสระน้ำข้างกุฏิ ส่วนตัวที่ 2 เดินไปยังกุฏิพระคำมูล ซึ่งเป็นกุฏิชั้นเดียว หลังคาต่ำ หลังเกิดเหตุ ได้สอบถามพระคำมูล ทราบว่า ช้างได้คลานเข้าไปในกุฏิและทำร้าย จนบาดเจ็บ ซี่โครงข้างซ้ายหัก 2 ซี่ ไหล่ซ้ายหลุด ซึ่งขณะเกิดเหตุ พระในวัดไม่เห็นเหตุการณ์ ทุกรูปทราบเรื่องตอนที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพมารับพระคำมูลไปโรงพยาบาลสีชมพู
ทางด้านพระคำไพร กล่าวว่า ได้ยินเรื่องช้างอาละวาดในพื้นที่ อ.สีชมพู มา 2 ปีแล้ว ทราบว่า มีช้างมาจากภูกระดึง ผานกเค้า จ.เลย เข้ามาในพื้นที่อ.สีชมพู ทำลายพืชในไร่สวน เจ้าหน้าที่ผลักดันออกไป แต่กลับมาเหมือนเดิม แต่แยกฝูง โดยช้าง 3 ตัวไปอีกทาง ช้าง 2 ตัวไปอีกทาง จนช้าง 2 ตัวมาถึงป่าประชาชุมพร และทำร้ายพระจนบาดเจ็บ เคยเตือนพระคำมูลแล้วว่าอย่าท้าทายช้าง เพราะพระคำมูล มักจะพูดว่า "มาเลย ช้างเข้ามาในวัดเลย จะจับช้างผูกให้กินหน่อไม้ในวัด ให้ชาวบ้านมาดู" จึงเตือนว่าอย่าท้าทาย เดี๋ยวช้างจะมาหา ปรากฏว่าช้างมาจริง ๆ และไปหาพระคำมูลที่กุฏิจริง ๆ แต่พระไม่สามารถจับช้างไว้ได้ ซ้ำยังถูกช้างทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
สาเหตุที่เตือนพระคำมูล เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านอ่างทอง ต.ดงลาน อ.สีชมพู ท้าทายว่า จะจับช้างป่าโขลงนี้ล่ามไว้แล้วจะตัดหูมาทำส้มหูช้าง จากนั้นไม่นานช้างมาหาและทำร้ายจนเสียชีวิต จึงตักเตือนพระคำมูล ว่า อย่าท้าทายช้าง เพราะเชื่อโดยส่วนตัวว่า คนที่ท้าทาย ช้างจะมาหาจริง และไม่มีใครสามารถจับช้างป่าได้และจะถูกทำร้ายทุกคน
พระคำไพร ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเกิดเหตุ เช้ามืดวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น ขณะจำวัดอยู่ก็สะดุ้งตื่น เพราะเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้หลายตัวเห่า แต่เห่าแบบผิดปกติ จึงลุกขึ้นมาดู พบช้างตัวใหญ่ มีงา ยืนใช้งวงพันแสลนสีเขียวที่ล้อมบริเวณกุฏิไว้ จึงหลบและมองมาจากในกุฏิ เห็นว่า หลังจากช้างม้วนแสลนแล้ว ช้างก็เดินเลี่ยงจากกุฏิลงไปยังหนองน้ำและเล่นน้ำ จึงตะโกนบอกว่า ไม่มีอะไร และไม่ใช่คนท้าทาย ช้างจึงขึ้นจากน้ำและเดินหายไปในความมืด จนกระทั่งบิณฑบาตเสร็จ กลับมาที่วัดจึงได้ทราบว่าพระคำมูล พระที่ท้าทายช้างป่า ถูกช้างรุกเข้าในกุฏิ ทำร้ายขนบาดเจ็บดังกล่าว
Gallery
