ไฟป่าแม่ฮ่องสอนขึ้นเบอร์ 1 รุนแรงสุด ออส.ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์

อรรถพล ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หลังทะยานขึ้นอันดับ 1 รุนแรงกว่ากาญจนบุรี คุมเข้มพื้นที่ปิดห้ามหาของป่า มอบนโยบายปราบกลุ่มค้าไม้-ล่าสัตว์
ไฟป่า วันนี้(28 มีนาคม 2567) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ออส.) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจสถานการณ์ไฟป่า และติดตามกรณีชาวบ้านบุกชิงตัวผู้ต้องหาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย โดยมีนายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย
นายอรรถพล ได้ตรวจกำลังพลผสมและมอบเครื่องเป่าลมและอุปกรณ์ดับไฟป่าให้แก่เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง พร้อมได้นำข้อห่วงใยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ โดยได้เน้นย้ำให้ดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จากนั้นร่วมรับฟังผลการปฏิบัติงานภาพรวมจากนายพรเทพ ผอ.สบอ.16 สาขาแม่สะเรียง ผลการปฏิบัติงานของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย และร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์ไฟป่า ตามมาตรการเคาะประตูบ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และการบริหารจัดการเชื้อเพลิงซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะห้ามเผาทั้งหมดไม่ได้ ให้ปรับทัศนคติเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่า อย่าคิดว่าไฟป่านั้นเป็นเรื่องปกติเพราะจุดความร้อน เป็นตัวชี้วัดผลงานของรัฐบาลและหน่วยงาน ขอให้ควบคุมการเก็บหาของป่าซึ่งเป็นสาเหตุหลักของไฟป่า และการขึ้นบัญชีดำผู้กระทำผิดกฎหมายเพื่อส่งข้อมูลให้ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจดำเนินการทันที
2. การบังคับใช้กฎหมายการลักลอบตัดไม้มีค่าและการบุกรุกพื้นที่
3. การขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ให้เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้
จากนั้น นายอรรถพล ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินตรวจสอบหมู่บ้านเกิดเหตุกรณีชาวบ้านบุกชิงตัวผู้ต้องหา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย และตรวจสภาพป่า ก่อนเดินทางต่อไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าปางมะผ้า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ชาวบ้านบุกชิงตัวผู้ต้องหาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย
นายอรรถพล กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ถึงแม้ว่าไฟป่าจะลดน้อยลงกว่าเดิม 30-35% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้คือ 50% ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอน ตอนนี้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 แทนที่ จ.กาญจนบุรี ประกอบกับการดำเนินคดีบุกรุกล่าสัตว์ ทำไม้ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ แย่งตัวผู้ต้องหา จึงเดินทางมาเป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ล่าสุดทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามอบตัวแล้ว 5 คน โดยมีแกนนำเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดได้สั่งให้ออกจากตำแหน่งเอาไว้ก่อนเพื่อสืบสวนสอบสวน ส่วนทางอาญา ตำรวจดำเนินคดีฐานปล้นผู้ต้องหา ยาเสพติด คดีตัดไม้ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนที่เกิดผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องหมอกควันข้ามแดนด้วย
นอกจากนี้ เรื่องของการควบคุมพื้นที่ โดยเฉพาะการอนุญาตเข้าไปเก็บหาของป่า เข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งได้มีการประกาศปิดแล้ว ก็ต้องมีการควบคุมจริงจัง ในช่วงฤดูที่มีการเก็บหาของป่า ก็จะอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพราะว่าไม่อยากให้เกิดปัญหาในเรื่องของการเข้าไปเก็บหาของป่าแล้วทำให้ระบบนิเวศเสียหาย เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟป่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ นายกรัฐมนตรี อนุมัติงบกลางในการจัดจ้างประชาชน โดยกรมฯ จ้างประชาชน ที่อยู่ในชุมชน ที่อยู่ในเขตป่า เพื่อที่จะมาเป็นกำลังสำคัญ ในการประจำจุดเฝ้าระวังในการดูแลไฟป่า ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการเฝ้าระวังและสามารถควบคุมไฟได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
ไฟป่า วันนี้(28 มีนาคม 2567) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ออส.) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจสถานการณ์ไฟป่า และติดตามกรณีชาวบ้านบุกชิงตัวผู้ต้องหาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย โดยมีนายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย
นายอรรถพล ได้ตรวจกำลังพลผสมและมอบเครื่องเป่าลมและอุปกรณ์ดับไฟป่าให้แก่เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง พร้อมได้นำข้อห่วงใยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ โดยได้เน้นย้ำให้ดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จากนั้นร่วมรับฟังผลการปฏิบัติงานภาพรวมจากนายพรเทพ ผอ.สบอ.16 สาขาแม่สะเรียง ผลการปฏิบัติงานของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย และร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์ไฟป่า ตามมาตรการเคาะประตูบ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และการบริหารจัดการเชื้อเพลิงซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะห้ามเผาทั้งหมดไม่ได้ ให้ปรับทัศนคติเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่า อย่าคิดว่าไฟป่านั้นเป็นเรื่องปกติเพราะจุดความร้อน เป็นตัวชี้วัดผลงานของรัฐบาลและหน่วยงาน ขอให้ควบคุมการเก็บหาของป่าซึ่งเป็นสาเหตุหลักของไฟป่า และการขึ้นบัญชีดำผู้กระทำผิดกฎหมายเพื่อส่งข้อมูลให้ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจดำเนินการทันที
2. การบังคับใช้กฎหมายการลักลอบตัดไม้มีค่าและการบุกรุกพื้นที่
3. การขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเพื่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ให้เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้
จากนั้น นายอรรถพล ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินตรวจสอบหมู่บ้านเกิดเหตุกรณีชาวบ้านบุกชิงตัวผู้ต้องหา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย และตรวจสภาพป่า ก่อนเดินทางต่อไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าปางมะผ้า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ชาวบ้านบุกชิงตัวผู้ต้องหาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย
นายอรรถพล กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ถึงแม้ว่าไฟป่าจะลดน้อยลงกว่าเดิม 30-35% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้คือ 50% ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอน ตอนนี้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 แทนที่ จ.กาญจนบุรี ประกอบกับการดำเนินคดีบุกรุกล่าสัตว์ ทำไม้ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ แย่งตัวผู้ต้องหา จึงเดินทางมาเป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ล่าสุดทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามอบตัวแล้ว 5 คน โดยมีแกนนำเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดได้สั่งให้ออกจากตำแหน่งเอาไว้ก่อนเพื่อสืบสวนสอบสวน ส่วนทางอาญา ตำรวจดำเนินคดีฐานปล้นผู้ต้องหา ยาเสพติด คดีตัดไม้ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนที่เกิดผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องหมอกควันข้ามแดนด้วย
นอกจากนี้ เรื่องของการควบคุมพื้นที่ โดยเฉพาะการอนุญาตเข้าไปเก็บหาของป่า เข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งได้มีการประกาศปิดแล้ว ก็ต้องมีการควบคุมจริงจัง ในช่วงฤดูที่มีการเก็บหาของป่า ก็จะอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพราะว่าไม่อยากให้เกิดปัญหาในเรื่องของการเข้าไปเก็บหาของป่าแล้วทำให้ระบบนิเวศเสียหาย เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟป่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ นายกรัฐมนตรี อนุมัติงบกลางในการจัดจ้างประชาชน โดยกรมฯ จ้างประชาชน ที่อยู่ในชุมชน ที่อยู่ในเขตป่า เพื่อที่จะมาเป็นกำลังสำคัญ ในการประจำจุดเฝ้าระวังในการดูแลไฟป่า ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการเฝ้าระวังและสามารถควบคุมไฟได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
Gallery
