ปักหมุดของดีทั่วไทย : แปรรูปเปลือกมะพร้าวเหลือทิ้ง เป็นปุ๋ยและเส้นใย สู่สินค้าส่งออกชายแดนใต้ จ.ปัตตานี
สนามข่าว 7 สี - มีการนำเปลือกมะพร้าวที่เป็นขยะ นำไปแปรรูปทำขุยมะพร้าวไปเป็นส่วนผสมของปุ๋ยใส่ต้นไม้ ส่วนกาบใยก็ถูกแยกไปใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ จนถึงขั้นส่งออกไปต่างประเทศ ชนิดที่ว่าช่วยสร้างเงินให้คนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ปีละหลายร้อยล้านบาทกันเลย ติดตามเรื่องนี้ในช่วง 'ปักหมุดของดีทั่วไทย" กับ "คุณอรรถพล ดวงจินดา"
แทบจะไม่เชื่อสายตากันเลยว่า กาบ หรือ เปลือกมะพร้าว ที่ถูกมองว่าเป็นวัสดุเหลือใช้ และถูกทิ้งกองกันเกลื่อน จนกลายเป็นขยะ กลับมีการนำมาแปรรูปเป็นวัสดุสร้างเงิน ให้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างที่ กลุ่มเกษตรกรบ้านท่าด่าน ตำบลดอนรัก อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี หลังจากรวมกลุ่มกันนำเปลือกมะพร้าวมาทำปุ๋ยอินทรีย์ และกาบมะพร้าวสับส่งขาย ทำเป็นดินรองก้นหลุม และปุ๋ยจากส่วนผสมของขุยมะพร้าว จนสร้างชื่อให้ชุมชน ด้วยคุณสมบัติช่วยให้หน้าดินร่วนซุย และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน จนเป็นที่ต้องการของเกษตรกรสั่งจองและเข้ามาซื้อกันถึงที่
ดินจากขุยมะพร้าวที่ขาย ถูกแพ็กใส่ถุง น้ำหนัก 5 กิโลกรัม ขายในราคา 15-20 บาท ซึ่งสะดวกซื้อ-ขาย และขนย้าย จึงมียอดออร์เดอร์สั่งจอง ส่งขายไปทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5,000-20,000 บาท กันเลย
ส่วนวัสดุก็หาได้จากชุมชน อีกทั้งแรงงานส่วนใหญ่ ก็เป็นคนในพื้นที่ ทั้งไทยพุทธ-มุสลิม ที่ใช้เวลาว่างจากไร่ จากนา มาทำงานเป็นกะ ซึ่งชาวบ้านบอกกับเราว่าทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ง่าย ๆ จนกลายเป็นชุมชนต้นแบบ วิถีเศรษฐกิจพอเพียงของจังหวัดปัตตานี
นี่แค่ภาคครัวเรือนซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนเล็ก ๆ ก็ยังสร้างเงิน ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 200,000-300,000 ได้จริง เราก้าวขยับไปสู่ภาคอุตสาหกรรมกันบ้าง ว่าเปลือกมะพร้าวก็นำไปสู่การส่งออกได้จริง อย่างที่โรงงานผลิตเส้นใยจากเปลือกมะพร้าว ในอำเภอปะนาเระ ที่เดินสายผลิตด้วยเครื่องจักรเต็มกำลัง เพื่อแยกขุยไปทำปุ๋ยแล้ว ส่วนใยจากกาบมะพร้าวก็นำไปตากแดดในลานกว้าง ก่อนถูกนำมาอัดก้อน เป็นก้อนละ 100 กิโลกรัม ที่ขายกันในราคากิโลกรัมละ 4-7 บาท เฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 100-150 ตัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะใยมะพร้าวอัดก้อนทั้งหมดที่เห็น ล้วนเป็นออร์เดอร์จากต่างประเทศ ทั้งมาเลเซีย ไต้หวัน และประเทศจีน ที่นำไปทำเป็นโซฟาและเฟอร์นิเจอร์ จนผลิตกันแทบไม่ทันกันเลย
เปลือกมะพร้าวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกกองทิ้ง จึงถูกรับซื้อเข้ามา แม้จะไม่ได้ราคาสูงอะไรมาก ตกที่คันรถสิบล้อ 100 บาท รวมถึงแรงงานขน-ย้าย และไปรับถึงที่ แต่ก็ช่วยลดมลภาวะ ช่วยลดการเผา และยังช่วยสร้างเงิน สร้างงานให้คนในพื้นที่ได้อีกในหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
แทบจะไม่เชื่อสายตากันเลยว่า กาบ หรือ เปลือกมะพร้าว ที่ถูกมองว่าเป็นวัสดุเหลือใช้ และถูกทิ้งกองกันเกลื่อน จนกลายเป็นขยะ กลับมีการนำมาแปรรูปเป็นวัสดุสร้างเงิน ให้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างที่ กลุ่มเกษตรกรบ้านท่าด่าน ตำบลดอนรัก อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี หลังจากรวมกลุ่มกันนำเปลือกมะพร้าวมาทำปุ๋ยอินทรีย์ และกาบมะพร้าวสับส่งขาย ทำเป็นดินรองก้นหลุม และปุ๋ยจากส่วนผสมของขุยมะพร้าว จนสร้างชื่อให้ชุมชน ด้วยคุณสมบัติช่วยให้หน้าดินร่วนซุย และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน จนเป็นที่ต้องการของเกษตรกรสั่งจองและเข้ามาซื้อกันถึงที่
ดินจากขุยมะพร้าวที่ขาย ถูกแพ็กใส่ถุง น้ำหนัก 5 กิโลกรัม ขายในราคา 15-20 บาท ซึ่งสะดวกซื้อ-ขาย และขนย้าย จึงมียอดออร์เดอร์สั่งจอง ส่งขายไปทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5,000-20,000 บาท กันเลย
ส่วนวัสดุก็หาได้จากชุมชน อีกทั้งแรงงานส่วนใหญ่ ก็เป็นคนในพื้นที่ ทั้งไทยพุทธ-มุสลิม ที่ใช้เวลาว่างจากไร่ จากนา มาทำงานเป็นกะ ซึ่งชาวบ้านบอกกับเราว่าทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ง่าย ๆ จนกลายเป็นชุมชนต้นแบบ วิถีเศรษฐกิจพอเพียงของจังหวัดปัตตานี
นี่แค่ภาคครัวเรือนซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนเล็ก ๆ ก็ยังสร้างเงิน ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 200,000-300,000 ได้จริง เราก้าวขยับไปสู่ภาคอุตสาหกรรมกันบ้าง ว่าเปลือกมะพร้าวก็นำไปสู่การส่งออกได้จริง อย่างที่โรงงานผลิตเส้นใยจากเปลือกมะพร้าว ในอำเภอปะนาเระ ที่เดินสายผลิตด้วยเครื่องจักรเต็มกำลัง เพื่อแยกขุยไปทำปุ๋ยแล้ว ส่วนใยจากกาบมะพร้าวก็นำไปตากแดดในลานกว้าง ก่อนถูกนำมาอัดก้อน เป็นก้อนละ 100 กิโลกรัม ที่ขายกันในราคากิโลกรัมละ 4-7 บาท เฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 100-150 ตัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะใยมะพร้าวอัดก้อนทั้งหมดที่เห็น ล้วนเป็นออร์เดอร์จากต่างประเทศ ทั้งมาเลเซีย ไต้หวัน และประเทศจีน ที่นำไปทำเป็นโซฟาและเฟอร์นิเจอร์ จนผลิตกันแทบไม่ทันกันเลย
เปลือกมะพร้าวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกกองทิ้ง จึงถูกรับซื้อเข้ามา แม้จะไม่ได้ราคาสูงอะไรมาก ตกที่คันรถสิบล้อ 100 บาท รวมถึงแรงงานขน-ย้าย และไปรับถึงที่ แต่ก็ช่วยลดมลภาวะ ช่วยลดการเผา และยังช่วยสร้างเงิน สร้างงานให้คนในพื้นที่ได้อีกในหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
Gallery
