รวบตัวการส่งพัสดุไม่ตรงปก หลอกเก็บเงินปลายทาง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กวาดล้างจับกุมแก๊งตีเนียนส่งพัสดุ หลอกเก็บเงินปลายทาง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก
วันที่ 15 ธ.ค.66 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมผู้เกี่ยวข้อง แถลงข่าว “OPERATION:UNBOX SCAM แกะกล่องพัสดุลวง รวบตัวการส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง” ตรวจค้นจับกุมตัวการ กรณีมิจฉาชีพตีเนียนส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทางโดยที่ไม่ได้สั่งซื้อ และส่งสินค้าที่ไม่ตรงปกเพื่อหลอกเก็บเงินปลายทาง
สืบเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC 1441 ได้รับร้องเรียนจากการประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บเงินค่าพัสดุปลายทางโดยที่ไม่ได้สั่งซื้อ หรือเคยสั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มบนโซเชียล แต่ไม่ได้รับสินค้าตรงตามที่ได้สั่งซื้อ ต่อมา พล.ต.ท. วรวัฒน์ ได้สั่งการให้ตำรวจในสังกัด เร่งสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง โดยได้วิเคราะห์ฐานข้อมูลที่ได้จากศูนย์ AOC จนทราบว่าขบวนการนี้ได้สร้างความเสียหายรวมเกือบ 10 ล้านบาทต่อปี
จากการสืบสวนพบว่า ต้นทางของพัสดุดังกล่าวมีบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ โดยมีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียน ชื่อนายอนุศาสน์ อายุ 25 ปี ใช้แพลตฟอร์ม TikTok จำนวน 4 บัญชี ในการขายสินค้า ส่งพัสดุในรอบ 1 เดือน ประมาณ 8,000 ชิ้น และมีพัสดุตีกลับประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมียอดระงับการเก็บเงินปลายทางกว่า 8 แสนบาท นอกจากนี้ยังพบว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายอนุศาสน์ ได้โพสต์รูปกล่องพัสดุพร้อมส่งเป็นจำนวนมากอยู่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน จนสามารถขอศาลศาลออกหมายค้นเป้าหมายได้
กระทั่งช่วงเช้ามืดวันนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ สนธิกำลังร่วมกับตำรวจไซเบอร์ นำหมายค้นศาลแขวงสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.9 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบนายอนุศาสน์ เป็นผู้ดูแลบ้าน ภายในบ้านพบสินค้าจำนวนมาก ทั้งหมดถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน ซึ่งพบว่าไม่มีฉลากการค้า และไม่มีสัญลักษณ์ มอก. แต่อย่างใด จึงควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลางหลายรายการ โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก และสินค้าที่ใช้บรรจุพัสดุสำหรับหลอกเก็บเงินปลายทาง ได้แก่ ครีมบำรุงผิว ไม่มียี่ห้อ จำนวน 42 ขวด เคราตินบำรุงผม จำนวน 24 กระปุก รองเท้า จำนวน 60 คู่ กระดาษชำระ 1 แพ็ก จำนวน 5 ห่อ แก้วน้ำเก็บความเย็นจำนวน 1 ชิ้น
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ”
วันที่ 15 ธ.ค.66 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมผู้เกี่ยวข้อง แถลงข่าว “OPERATION:UNBOX SCAM แกะกล่องพัสดุลวง รวบตัวการส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง” ตรวจค้นจับกุมตัวการ กรณีมิจฉาชีพตีเนียนส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทางโดยที่ไม่ได้สั่งซื้อ และส่งสินค้าที่ไม่ตรงปกเพื่อหลอกเก็บเงินปลายทาง
สืบเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC 1441 ได้รับร้องเรียนจากการประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บเงินค่าพัสดุปลายทางโดยที่ไม่ได้สั่งซื้อ หรือเคยสั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มบนโซเชียล แต่ไม่ได้รับสินค้าตรงตามที่ได้สั่งซื้อ ต่อมา พล.ต.ท. วรวัฒน์ ได้สั่งการให้ตำรวจในสังกัด เร่งสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง โดยได้วิเคราะห์ฐานข้อมูลที่ได้จากศูนย์ AOC จนทราบว่าขบวนการนี้ได้สร้างความเสียหายรวมเกือบ 10 ล้านบาทต่อปี
จากการสืบสวนพบว่า ต้นทางของพัสดุดังกล่าวมีบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ โดยมีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียน ชื่อนายอนุศาสน์ อายุ 25 ปี ใช้แพลตฟอร์ม TikTok จำนวน 4 บัญชี ในการขายสินค้า ส่งพัสดุในรอบ 1 เดือน ประมาณ 8,000 ชิ้น และมีพัสดุตีกลับประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมียอดระงับการเก็บเงินปลายทางกว่า 8 แสนบาท นอกจากนี้ยังพบว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายอนุศาสน์ ได้โพสต์รูปกล่องพัสดุพร้อมส่งเป็นจำนวนมากอยู่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน จนสามารถขอศาลศาลออกหมายค้นเป้าหมายได้
กระทั่งช่วงเช้ามืดวันนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ สนธิกำลังร่วมกับตำรวจไซเบอร์ นำหมายค้นศาลแขวงสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.9 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบนายอนุศาสน์ เป็นผู้ดูแลบ้าน ภายในบ้านพบสินค้าจำนวนมาก ทั้งหมดถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน ซึ่งพบว่าไม่มีฉลากการค้า และไม่มีสัญลักษณ์ มอก. แต่อย่างใด จึงควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลางหลายรายการ โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก และสินค้าที่ใช้บรรจุพัสดุสำหรับหลอกเก็บเงินปลายทาง ได้แก่ ครีมบำรุงผิว ไม่มียี่ห้อ จำนวน 42 ขวด เคราตินบำรุงผม จำนวน 24 กระปุก รองเท้า จำนวน 60 คู่ กระดาษชำระ 1 แพ็ก จำนวน 5 ห่อ แก้วน้ำเก็บความเย็นจำนวน 1 ชิ้น
จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ”
Gallery
