สว.ทรงเอ โต้กลับ สส.ก้าวไกล หลั่งน้ำตาสาบาน ไม่เคยทำผิด กม.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - หลัง นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล เดินหน้าเปิดโปงว่าสมาชิกวุฒสภาเข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และฟอกเงิน โดยเรียก สว. คนนี้ว่า สว.ทรงเอ แม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ก็ชัดเจนว่าคือ นายอุปกิต ปาจรียางกูร โดยเมื่อวานนี้ นายอุปกิต ออกมาปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมสาบาน และขอความเป็นธรรมจากสังคม
สว.ทรงเอ โต้กลับ สส.ก้าวไกล
โดย นายอุปกิต ยืนยันว่าไม่ได้ถือหุ้นในบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ตามที่ถูกกล่าวหา และก็ไม่มีอำนาจที่จะไปสั่งย้ายตำรวจที่ทำคดี แต่จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นการโยกย้ายตามวงรอบ ไม่เกี่ยวกับคดีความของตนเอง และหากตนเองเป็นผู้มีอิทธิพลสามารถสั่งย้ายตำรวจได้จริงก็คงสั่งย้ายไปให้ไกลกว่านี้ พร้อมย้ำว่าตำรวจกลุ่มนี้ไม่ได้ทำคดีของตนเองตั้งแต่ต้น
ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ พยายามโจมตีทำให้ตนเองเสียหายอย่างหนักจากการอภิปรายในสภาฯ ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้กลับไปตรวจสอบข้อมูล จนพบว่าบทสนทนาในแอปพลิเคชัน Viber ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแช็ต ที่ใช้ในประเทศเมียนมา พบว่ามีการตกแต่งข้อความเพื่อดำเนินคดีกับตนเอง จึงเป็นที่มาของการถอนหมายจับในวันเดียวกันกับที่ถูกออกหมายจับ
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีนายตำรวจระดับ พันตำรวจโท สื่อมวลชนบางสำนัก รวมถึงนักวิชาการ มีความใกล้ชิดกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะข้อมูลที่พรรคก้าวไกลนำมาเสนอ เป็นข้อมูลเชิงลึกในรูปคดี และมักจะถูกส่งต่อด้วยความรวดเร็ว ด้วยความชำนาญในการใช้สื่อโซเชียล โดยขอความเป็นธรรมให้ตนเองและครอบครัวด้วย เพราะกำลังตกเป็นเหยื่อทางการเมือง โดยได้ฟ้องเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เสื่อมเสีย หากชนะคดีจะนำเงินไปบริจาคให้การกุศล นายอุปกิตพนมมือยกขึ้นท่วมหัว สาบานทั้งน้ำตาว่าไม่เคยทำผิดกฎหมาย หากใครที่ใส่ร้ายตนเองและครอบครัวขอให้ประสบพบเจอแต่ความวิบัติ
ส่วนที่พรรครวมไทยสร้างชาติมาเช่าอาคารในซอยอารีย์ เป็นที่ทำการพรรค ก็มีสัญญาเช่าชัดเจน ยินดีให้ตรวจสอบสัญญา และยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าตนเองไม่ได้เป็นนายทุนให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน
ยืนยัน ตำรวจออกหมายจับ สว.อุปกิต ถูกต้องตามกฎหมาย
3 สมาคมประสานเสียงออกแถลงการณ์ ยืนยันพนักงานสอบสวนทำถูกต้องในการยื่นขอออกหมายจับ สว.อุปกิต และการออกหมายจับอยู่นอกห้วงเวลาเปิดสมัยประชุม จึงถือว่าเป็นการออกหมายจับบุคคลธรรมดา ส่วนการเพิกถอนหมายจับถือเป็นอำนาจของศาล
แถลงการณ์ออกโดย 3 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมตํารวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตํารวจ และสมาคมพนักงานสอบสวน มีเนื้อหา 6 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน
โดย พลตำรวจตรี ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน บอกว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุนและยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำการออกหมายจับ สว. อุปกิต ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อบังคับ ส่วนการถอนหมายจับก็เป็นอำนาจของศาลไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ
ในอดีตเคยมีการยื่นคําร้องขอเพิกถอนหมายจับอดีตอธิบดีดีเอสไอ แต่ศาลยกคําร้องโดยให้เหตุผลว่าเป็นอํานาจเฉพาะของผู้พิพากษา ที่เมื่อสั่งคําร้องโดยชอบแล้วย่อมมิอาจเพิกถอนได้ เมื่อศาลพิจารณาออกหมายจับสมาชิกวุฒิสภาไปโดยชอบแล้ว การจะสั่งเพิกถอนในภายหลังจะต้องมีเหตุตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบ เป็นหลักในการพิจารณา
ดังนั้น สมาคมฯ ขอเป็นกําลังใจให้ข้าราชการตํารวจที่ประพฤติปฏิบัติชอบ และจะยืนหยัดตามหลักการของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนโดยเสมอภาคต่อไป
สว.ทรงเอ โต้กลับ สส.ก้าวไกล
โดย นายอุปกิต ยืนยันว่าไม่ได้ถือหุ้นในบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ตามที่ถูกกล่าวหา และก็ไม่มีอำนาจที่จะไปสั่งย้ายตำรวจที่ทำคดี แต่จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นการโยกย้ายตามวงรอบ ไม่เกี่ยวกับคดีความของตนเอง และหากตนเองเป็นผู้มีอิทธิพลสามารถสั่งย้ายตำรวจได้จริงก็คงสั่งย้ายไปให้ไกลกว่านี้ พร้อมย้ำว่าตำรวจกลุ่มนี้ไม่ได้ทำคดีของตนเองตั้งแต่ต้น
ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ พยายามโจมตีทำให้ตนเองเสียหายอย่างหนักจากการอภิปรายในสภาฯ ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้กลับไปตรวจสอบข้อมูล จนพบว่าบทสนทนาในแอปพลิเคชัน Viber ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแช็ต ที่ใช้ในประเทศเมียนมา พบว่ามีการตกแต่งข้อความเพื่อดำเนินคดีกับตนเอง จึงเป็นที่มาของการถอนหมายจับในวันเดียวกันกับที่ถูกออกหมายจับ
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีนายตำรวจระดับ พันตำรวจโท สื่อมวลชนบางสำนัก รวมถึงนักวิชาการ มีความใกล้ชิดกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะข้อมูลที่พรรคก้าวไกลนำมาเสนอ เป็นข้อมูลเชิงลึกในรูปคดี และมักจะถูกส่งต่อด้วยความรวดเร็ว ด้วยความชำนาญในการใช้สื่อโซเชียล โดยขอความเป็นธรรมให้ตนเองและครอบครัวด้วย เพราะกำลังตกเป็นเหยื่อทางการเมือง โดยได้ฟ้องเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เสื่อมเสีย หากชนะคดีจะนำเงินไปบริจาคให้การกุศล นายอุปกิตพนมมือยกขึ้นท่วมหัว สาบานทั้งน้ำตาว่าไม่เคยทำผิดกฎหมาย หากใครที่ใส่ร้ายตนเองและครอบครัวขอให้ประสบพบเจอแต่ความวิบัติ
ส่วนที่พรรครวมไทยสร้างชาติมาเช่าอาคารในซอยอารีย์ เป็นที่ทำการพรรค ก็มีสัญญาเช่าชัดเจน ยินดีให้ตรวจสอบสัญญา และยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าตนเองไม่ได้เป็นนายทุนให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน
ยืนยัน ตำรวจออกหมายจับ สว.อุปกิต ถูกต้องตามกฎหมาย
3 สมาคมประสานเสียงออกแถลงการณ์ ยืนยันพนักงานสอบสวนทำถูกต้องในการยื่นขอออกหมายจับ สว.อุปกิต และการออกหมายจับอยู่นอกห้วงเวลาเปิดสมัยประชุม จึงถือว่าเป็นการออกหมายจับบุคคลธรรมดา ส่วนการเพิกถอนหมายจับถือเป็นอำนาจของศาล
แถลงการณ์ออกโดย 3 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมตํารวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตํารวจ และสมาคมพนักงานสอบสวน มีเนื้อหา 6 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน
โดย พลตำรวจตรี ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน บอกว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุนและยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำการออกหมายจับ สว. อุปกิต ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อบังคับ ส่วนการถอนหมายจับก็เป็นอำนาจของศาลไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ
ในอดีตเคยมีการยื่นคําร้องขอเพิกถอนหมายจับอดีตอธิบดีดีเอสไอ แต่ศาลยกคําร้องโดยให้เหตุผลว่าเป็นอํานาจเฉพาะของผู้พิพากษา ที่เมื่อสั่งคําร้องโดยชอบแล้วย่อมมิอาจเพิกถอนได้ เมื่อศาลพิจารณาออกหมายจับสมาชิกวุฒิสภาไปโดยชอบแล้ว การจะสั่งเพิกถอนในภายหลังจะต้องมีเหตุตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบ เป็นหลักในการพิจารณา
ดังนั้น สมาคมฯ ขอเป็นกําลังใจให้ข้าราชการตํารวจที่ประพฤติปฏิบัติชอบ และจะยืนหยัดตามหลักการของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนโดยเสมอภาคต่อไป