ผู้การสุพรรณบุรี ยังไม่อนุมัติใบลาออก ส.ต.อ. หมดศรัทธาวิชาชีพ
เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณี สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ บุญทิม ผบ.หมู่ ปราบปราม สภ.เมืองสุพรรณบุรี ทำบันทึกข้อความเรื่อง ขอลาออกจากราชการ สาเหตุเพราะหมดหวังสูญสิ้นศรัทธาในระบบข้าราชการตำรวจ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ล่าสุด ใบลาออกดังกล่าวยังถูกระงับยับยั้งไว้ แต่ถึงขณะนี้ยังติดต่อเจ้าตัวไม่ได้
มีการเผยแพร่ค่ำสั่งให้ตรวจสอบ กรณี สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ ลาออกจากราชการ ลงนามโดย พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงมา โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกนำเสนอเกี่ยวกับปัญหาของการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ของ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ที่สงสัยว่ามีการทุจริตยักยอกยาเสพติดของกลางไปขาย จนมีการแฉเรื่องปกป้องช่วยเหลือผู้กระทำผิด ให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายทุจริตหรือไม่ ตำรวจนายใดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ และให้ตรวจสอบความเป็นอยู่ของตำรวจในสังกัด สภ.เมืองสุพรรณบุรี รวมถึงปัญหาในที่ทำงาน โดยต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทราบภายในวันพรุ่งนี้ (21 ก.พ.)
ล่าสุด พลตำรวจตรี เกรียงไกร วุฒิพานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เรื่องที่ สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ ยื่นใบลาออกมาเมื่อตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ต้นสังกัดคือ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ผู้บังคับบัญชาได้ระงับ ยับยั้งไว้ ไม่ได้อนุมัติอะไร กำลังดำเนินการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุว่าที่ลาออกเกิดจากอะไรกันแน่ โดยส่วนตัวตนเองไม่อยากให้ออก เนื่องจาก สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ ทำงานดี แต่เป็นคนไม่ค่อยพูด อยากดำเนินการแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งล่าสุด ได้เชิญพ่อแม่มาพูดคุย ซึ่งก็ไม่อยากให้ลูกชายลาออกจากตำรวจ ลูกชายยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีหนี้สินใด ๆ
พันตำรวจเอก ธัชชัย ทิพเนตร ผู้กำกับ สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ เข้ามา เป็นตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เมื่อปี 2560 ในตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม และไปทำงานในหน้าที่ฝ่ายสืบสวน โดยที่ผ่านมาได้รับรายงานเบื้องต้นจากผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสืบสวนว่า ทำงานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อย แต่บุคลิกส่วนตัวมีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่คนเดียว เคยยื่นลาออกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2562 ก็ได้มีการถอนเรื่องออกไป ซึ่งจะเรียกเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาในฝ่ายที่ดูแลอีกครั้ง
ทาง ผู้กำกับ สภ.เมืองสุพรรณบุรี บอกว่า เรื่องนี้ไม่โทษใครทั้งสิ้น ขอให้ สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ เข้ามาพบเพื่อพูดคุยกันหาทางออกที่ดีที่สุด ตนในฐานะผู้บังคับบัญชา พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ขอให้เข้ามาพูดคุยกันจะได้รู้ปัญหาที่แท้จริงและแก้ไขถูก
มีการเผยแพร่ค่ำสั่งให้ตรวจสอบ กรณี สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ ลาออกจากราชการ ลงนามโดย พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงมา โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกนำเสนอเกี่ยวกับปัญหาของการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ของ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ที่สงสัยว่ามีการทุจริตยักยอกยาเสพติดของกลางไปขาย จนมีการแฉเรื่องปกป้องช่วยเหลือผู้กระทำผิด ให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายทุจริตหรือไม่ ตำรวจนายใดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ และให้ตรวจสอบความเป็นอยู่ของตำรวจในสังกัด สภ.เมืองสุพรรณบุรี รวมถึงปัญหาในที่ทำงาน โดยต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทราบภายในวันพรุ่งนี้ (21 ก.พ.)
ล่าสุด พลตำรวจตรี เกรียงไกร วุฒิพานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เรื่องที่ สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ ยื่นใบลาออกมาเมื่อตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ต้นสังกัดคือ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ผู้บังคับบัญชาได้ระงับ ยับยั้งไว้ ไม่ได้อนุมัติอะไร กำลังดำเนินการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุว่าที่ลาออกเกิดจากอะไรกันแน่ โดยส่วนตัวตนเองไม่อยากให้ออก เนื่องจาก สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ ทำงานดี แต่เป็นคนไม่ค่อยพูด อยากดำเนินการแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งล่าสุด ได้เชิญพ่อแม่มาพูดคุย ซึ่งก็ไม่อยากให้ลูกชายลาออกจากตำรวจ ลูกชายยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีหนี้สินใด ๆ
พันตำรวจเอก ธัชชัย ทิพเนตร ผู้กำกับ สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ เข้ามา เป็นตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เมื่อปี 2560 ในตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม และไปทำงานในหน้าที่ฝ่ายสืบสวน โดยที่ผ่านมาได้รับรายงานเบื้องต้นจากผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสืบสวนว่า ทำงานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อย แต่บุคลิกส่วนตัวมีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่คนเดียว เคยยื่นลาออกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2562 ก็ได้มีการถอนเรื่องออกไป ซึ่งจะเรียกเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาในฝ่ายที่ดูแลอีกครั้ง
ทาง ผู้กำกับ สภ.เมืองสุพรรณบุรี บอกว่า เรื่องนี้ไม่โทษใครทั้งสิ้น ขอให้ สิบตำรวจเอก ชัยพัฒน์ เข้ามาพบเพื่อพูดคุยกันหาทางออกที่ดีที่สุด ตนในฐานะผู้บังคับบัญชา พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ขอให้เข้ามาพูดคุยกันจะได้รู้ปัญหาที่แท้จริงและแก้ไขถูก