ไฟหวน
ไฟหวน
 

ไฟหวน

ละครหลังข่าว ศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น.

บทประพันธ์ : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ บทโทรทัศน์ : ยฐา-นวดี สถิตยุทธการ

ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์,ธนพล นิ่มทัยสุข,ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์,แซมมี่ เคาวเวลล์,ภาณุ สุวรรณโณ,ธีร์ วณิชนันทธาดา,กรรณาภรณ์ พวงทอง,กิตตน์ก้อง ขำกฤษ,ธัญสินี พรมสุทธิ์

เรื่องย่อไฟหวน

เจ้าคุณเทพ (สุรวุฑ  ไหมกัน) และ คุณหญิงมณี (ปิยธิดา วรมุสิก) เจ้าของวัง  “เทพมณี” ต้องต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีที่คุณหญิงตั้งท้องลูกคนแรก  รวมทั้ง คุณชไม (ณัฎฐริณีย์  กรรณสูต) เพื่อนของคุณหญิงมณีที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ด้วย   คุณชไมมีความสามารถเรื่องดูดวง  ดังนั้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง  คุณชไมจึงดูดวงให้คุณหญิงมณี  แล้วบอกว่าลูกในท้องที่จะเกิดมาจะเป็นผู้หญิง  และคุณหญิงมณีจะมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น   แต่คุณหญิงไม่เชื่อคำทำนายของคุณชไม   คิดว่าเป็นเพียงการพูดไร้สาระ   เพราะเธอและเจ้าคุณเทพอายุยังไม่มากและสุขภาพแข็งแรง  จึงไม่มีเหตุอะไรเลยที่จะต้องมีลูกคนเดียว   คุณหญิงโกรธคุณชไมถึงขนาดต่อว่ากันอย่างรุนแรงทั้งๆ ที่ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานาน   พอเจ้าคุณเทพรู้เรื่องก็บอกว่าไม่ให้ใส่ใจกับคำทำนาย  เพราะเจ้าคุณเทพไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย   แต่เรื่องราวดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำทำนายของคุณชไม   เมื่อถึงกำหนดคลอดลูกคุณหญิงมณีปวดท้องทุรนทุรายอยู่หลายวัน   จนกระทั่งในที่สุดคุณหญิงก็คลอดลูกสาวออกมาแล้วเกิดอาการเลือดเป็นพิษ   หมอฝรั่งที่โรงพยาบาลบอกว่าคุณหญิงมณีจะไม่สามารถมีลูกได้อีก   ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต   ทำให้คุณหญิงเสียใจมากแล้วคิดถึงคุณชไมขึ้นมาจับใจ  เมื่อร่างกายหายป่วยเป็นปกติแล้ว  คุณหญิงมณีจึงพา  มัทนา (ธัญญะสุภางค์  จิรปรีชานนท์) ลูกสาวเดินทางไปขอโทษคุณชไมถึงเชียงใหม่  คุณชไมจึงดูดวงให้หนูน้อยมัทนา  แล้วถึงกับตกใจเมื่อคำทำนายออกมาว่าหนูน้อย มัทนาจะต้องตายเพราะพี่น้องร่วมสายเลือด  แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงมณีไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว  และเจ้าคุณเทพก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ด้วย  

แต่แล้วไม่นานนักขณะที่เจ้าคุณเทพไปทำงานที่หัวเมือง ก็มีหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งที่ชื่อ  อิ่ม (รัชยา  รักษ์กสิกรณ์) แอบมาตามหาเจ้าคุณเทพที่วัง   เมื่อคุณหญิงมณีรู้เรื่องก็สงสัย   จึงให้  สร้อย (น้ำทิพย์  เสียมทอง)  คนสนิทไปสืบข่าวจนรู้ความจริงว่าอิ่มจะมาส่งข่าวบอกเจ้าคุณเทพว่า  อุ่น (ธัญสินี  พรมวิสุทธิ์) หญิงสาวชาวบ้านซึ่งเป็นเมียน้อยของคุณเทพและกำลังท้องแก่ไม่สบายหนัก กลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกในท้อง  พอคุณหญิงมณีรู้เรื่องก็โกรธจนแทบคลั่ง เธอกลัวว่าลูกที่กำลังจะเกิดของเจ้าคุณเทพคนนี้จะมาทำร้ายมัทนาลูกสาวของเธอดั่งคำทำนายของคุณชไม  แล้วด้วยความรักลูก   คุณหญิงมณีเลยสั่งให้ใบไปเผาบ้าน ของอุ่นและอิ่มพี่สาว   ก่อนที่อุ่นจะคลอดลูกออกมา

ในคืนนั้นเองขณะที่อยู่ตามลำพัง   อุ่นก็เริ่มมีอาการปวดท้องจนคลอดก่อนกำหนดด้วยตัวเองที่บ้าน   เด็กน้อยออกมามีปานแดงขนาดใหญ่ที่ต้นขาขวา แต่เด็กไม่ร้องและตัวซีดจนน่ากลัว   อุ่นกลัวลูกสาวจะตายจึงบอกให้พี่สาวอุ้มลูกไปหาหมอ เพราะตัวเองเพิ่งคลอดเดินไม่ไหว   อิ่มอุ้มลูกของอุ่นออกไปไม่นานสร้อยก็พาคนร้ายเข้ามาเข้ามาวางเพลิงเผาบ้าน   อุ่นนอนจมในกองไฟ   อิ่มเห็นชไมไฟสว่างมาจากทางบ้านจึงวิ่งกลับไปดูแล้วพบว่าบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง  และพอเห็นว่าสร้อยยืนบงการอยู่   อิ่มจึงรู้ว่าเป็นคนของบ้านเจ้าคุณเทพที่คุณหญิงมณีสั่งมาฆ่าอุ่นและลูก   อิ่มกลัวมากจึงอุ้มหลานสาววิ่งหนีไป   แล้วก็ถูกรถเก๋งที่  ผกา (ภารดี  อยู่ผาสุข) เจ้าของซ่องชื่อดังหอโคมแดงนั่งมากับแขกชนเข้าอย่างจัง   อิ่มกับเด็กน้อยกระเด็นล้มไป   อิ่มหัวแตกเลือดแดงฉานแต่ก็ยังพยายามตะเกียกตะกายไปหาหลานที่ร้องไห้เสียงดังอยู่อีกฟากของถนน   ผกาลงจากรถมาดูอิ่ม   อิ่มจึงได้เห็นหน้าผกาเต็มๆ ก่อนจะสลบไป   ผกาจึงช่วยพาทั้งสองไปส่งโรงพยาบาล   ด้วยความกลัวและความตกใจสุดขีด   ทำให้เมื่ออิ่มฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหายสาบสูญไปเลย  

ส่วนผกามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลจึงพบว่าอิ่มเสียสติและหนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว   โดยทิ้งเด็กน้อยเอาไว้   ผกาจึงพาเด็กน้อยที่เธอตั้งชื่อว่า บุปผา (แซมมี่ ปัณฑิตา เคาวเวลล์)  ไปเลี้ยงในซ่อง

ด้านคุณหญิงมณีถึงจะคิดว่าได้กำจัดลูกอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพที่กลัวว่าจะเป็นคนฆ่ามัทนาในอนาคตตามคำทำนายไปเรียบร้อยแล้ว   แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังไม่วางใจเพราะกลัวว่าเจ้าคุณเทพที่ยังหนุ่มแน่นสามารถมีลูกกับหญิงอื่นได้อีก   คุณหญิงมณีจึงสั่งให้สร้อยไปหาตาเถา (ชรัส  เฟื่องอารมณ์) หมอชาวบ้านเพื่อขอยาที่ทำให้เจ้าคุณเทพกินแล้วเป็นหมันมาให้    พอเจ้าคุณเทพกลับมาก็รู้เรื่องว่าอุ่นและลูกในท้องตายเพราะไฟไหม้บ้าน  เจ้าคุณเทพเสียใจมากจนล้มป่วย คุณหญิงมณีจึงได้โอกาสวางยาเจ้าคุณเทพ  โดยโกหกว่าเป็นยาบำรุงจนเจ้าคุณเทพเป็นหมันสมใจ   และมั่นใจว่าต่อไปนี้จะไม่มีการให้กำเนิดสายเลือดมาทำร้ายลูกของเธอได้อีก 20 ปีต่อมา  

เด็กหญิงบุปผาเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง  เธอเป็นโสเภณีเบอร์หนึ่งของซ่องหอโคมแดง  แต่ด้วยนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง  เธอจะเลือกบริการเฉพาะแขกกระเป๋าหนักเท่านั้น เพื่อหวังว่าสักวันเธอจะไปเป็นคุณหญิงแทนการเป็นโสเภณีเช่นนี้   ดังนั้นพอ  สิน (ภาณุ   สุวรรณโณ) คนขับรถของบ้านเจ้าคุณเทพมาเที่ยวและอยากใช้บริการของเธอ   บุปผาก็ให้ผกาปฏิเสธไปทันที

วันหนึ่งบุปผาไปหาซื้อผ้าตัดชุดใหม่ในตลาด  เธอบังเอิญพบกับ  ไอศูรย์ (ธนพล  นิ่มทัยสุข)  หมอหนุ่มที่จบจากเมืองนอกและเป็นเจ้าของวังรัตนา   บุปผาตกหลุมรักชายหนุ่มขึ้นมาทันที   บุปผาเข้าไปทำความรู้จักและให้ท่าชายหนุ่มด้วยความมั่นใจ  เพราะคิดว่าเขาจะต้องศิโรราบต่อความสวยของเธอดังเช่นผู้ชายทุกคน   แต่ผิดคาดเพราะไอศูรย์ไม่มีท่าทีสนใจเธอเลย   ผิดกับคุณหนูมัทนาลูกสาวเจ้าคุณเทพที่เพิ่งมาถึงร้านโดยมีสินเป็นคนขับรถ   ไอศูรย์จะพูดจาหวานหูและดูแลอย่างดี   แต่มันยิ่งทำให้บุปผายิ่งสนใจชายหนุ่มและอยากจะเอาชนะใจเขาให้ได้ 

ดังนั้นพอสินกลับไปเที่ยวซ่องอีกครั้ง  บุปผาก็ต้อนรับสินอย่างดีและยอมให้เขาใช้บริการ  ทำให้สินหลงบุปผามาก  บุปผาสืบเรื่องของไอศูรย์กับมัทนาจึงรู้ว่าทั้งสองเป็นคู่หมายกัน  และไอศูรย์ก็ยังเป็นหมอประจำตัวของคุณหญิงมณีแม่ของมัทนาด้วย   ไอศูรย์จึงต้องไปที่บ้านของ   มัทนาบ่อยๆ  ดังนั้นบุปผาจึงคิดแผนให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับไอศูรย์ด้วยการออดอ้อนขอสินให้พาตนเข้าไปอยู่ในบ้านของมัทนา  แต่ขอให้บอกกับทุกคนว่าเธอเป็นน้องสาวของสิน  เพราะไม่อยากให้ใครมองตนไม่ดีว่าหนีตามผู้ชายมา  สินก็ยอมเชื่อเพราะรักบุปผามาก   แต่อุปสรรคที่สำคัญของบุปผาก็คือผกา   เพราะตอนแรกผกาจะไม่ยอมให้บุปผาไป  เพราะนั่นหมายความว่าถ้าที่ซ่องหอโคมแดงไม่มีบุปผา  ที่นี่จะขาดรายได้ไปมาก   แต่บุปผาก็สัญญากับผกาว่าถ้าวันหนึ่งตนได้ดี   ได้เป็นเจ้าของวังรัตนา  ตนจะพาผกาไปอยู่ด้วย  ผกาจะได้สบายไม่ต้องเป็นเจ้าของซ่องอีกต่อไป  ผกาคล้อยตามและยอมให้บุปผาไปแต่โดยดี 

สินพาบุปผาที่ไม่แต่งหน้าเลยจึงดูต่างจากบุปผาโสเภณีคนเก่าเข้าไปกราบและขออนุญาตคุณหญิงมณีให้น้องสาวอยู่ด้วย  สร้อยทักว่าไม่ยักรู้ว่าสินมีน้องสาว   แต่บุปผาก็แก้ตัวไปว่าตนเป็นญาติห่างๆ อยู่ที่พิษณุโลก   ตอนนี้พ่อแม่ตายหมดแล้วตนไม่มีที่พึ่งจึงมาขออยู่กับสิน   ทุกคนจึงเชื่อ   แต่ตอนแรกคุณหญิงมณีจะไม่อนุญาตให้บุปผาอยู่เพราะว่ามีคนอยู่ในบ้านจำนวนมากอยู่แล้ว  แต่มัทนาเห็นใจบุปผาที่ต้องเดินทางมาไกลและยังไม่มีที่อยู่อีกด้วย  มัทนาจึงขอร้องให้มารดายอมให้น้องสาวของสินอยู่ด้วย  คุณหญิงก็เลยยอมตามใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้บุปผา อยู่ด้วย   สร้อยพาบุปผามาอยู่ในเรือนคนใช้ร่วมกับคนใช้คนอื่นๆ  จึงได้พบกับ  นายแสง (ปิยพันธ์ ขำกฤษ) ลูกชายของสร้อยที่รู้สึกคุ้นหน้าบุปผามากแต่ก็นึกไม่ออกเลยว่าเคยพบที่ไหน 

พอบุปผาอยู่ในบ้านของมัทนาในฐานะคนใช้   แต่เธอก็แทบจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากเฝ้ารอให้ไอศูรย์มาที่นี่   แล้วพอเขามาบุปผาก็จะรีบเสนอหน้าเข้าไปรับใช้   แล้วด้วยความที่บุปผาไม่ได้แต่งหน้าจัดเหมือนเมื่อก่อนทำให้ไอศูรย์จำบุปผาไม่ได้  

วันหนึ่งคุณหญิงมณีและเจ้าคุณเทพจัดงานวันเกิดให้มัทนา  มีแขกเหรื่อแต่งตัวโก้หรูมาร่วมงานมากมาย   รวมทั้ง  คุณพลอย (กรรณาภรณ์ พวงทอง) เพื่อนสนิทของมัทนาที่มาพร้อม  คุณเพชร (ธีร์ วณิชนันทธาดา)  พี่ชายซึ่งเป็นนายตำรวจหนุ่มและเป็นเพื่อนกับไอศูรย์อีกด้วย   วันนี้มัทนาสวมชุดสวยจนทุกคนตกตะลึงโดยเฉพาะไอศูรย์   แล้วเหล่าแขกเหรื่อต่างเอ่ยปากชมความสวยน่ารักของมัทนากันไม่ขาดสาย    และนั่นก็สร้างความหมั่นไส้ให้บุปผาเพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ซ่องหอโคมแดง  เธอจะต้องได้รับความสนใจมากกว่าคนอื่นเสมอ   ดังนั้นบุปผาจึงคิดแกล้งมัทนาด้วยการเอาน้ำมันไปราดตรงบริเวณที่มัทนาจะเดินผ่าน   ทำให้มัทนาลื่นล้มอย่างแรงจนข้อเท้าแพลง   กลายเป็นว่าไอศูรย์ซึ่งเป็นหมอเลยต้องเข้ามาดูแลมัทนาด้วยความเป็นห่วง   จึงยิ่งทำให้บุปผาริษยามัทนามากขึ้นไปอีก  

และหลังจากวันนั้นคุณเพชรก็มาเยี่ยมมัทนาบ่อยๆ   บุปผาเลยรู้ว่าคุณเพชรแอบมีใจให้ มัทนา  ดังนั้นบุปผาจึงใช้คุณเพชรเป็นเครื่องมือทำให้มัทนากับไอศูรย์เข้าใจผิดกัน  ด้วยการที่เวลาไอศูรย์มาหามัทนา  บุปผาก็จะจงใจทำให้ไอศูรย์รู้ว่าคุณเพชรมาเยี่ยมมัทนาทุกวันพร้อมกับมีดอกไม้มาด้วย   ซึ่งคำพูดของบุปผาทำให้ไอศูรย์ไม่สบายใจ   บุปผาจึงใช้โอกาสนี้เข้าออดอ้อน  ชายหนุ่มบอกให้เขารู้ว่าตนอยู่ข้างเขาเสมอ  และในระหว่างที่บุปผาคุยกับไอศูรย์ตามลำพังนั้น   สินก็มาเห็นเข้าจึงไม่พอใจ !

สินสั่งห้ามไม่ให้บุปผาอยู่ใกล้ไอศูรย์อีกเพราะหึง   บุปผาไม่ยอม  ทั้งสองจึงทะเลาะกันจนถึงขั้นว่าสินจะไปบอกทุกคนโดยเฉพาะไอศูรย์ว่าบุปผาเป็นเมียเขา   บุปผาจึงรีบพูดจาออดอ้อนและพาเขาไปมีความสัมพันธ์ในสวนหลังบ้าน   ทำให้สินหายโกรธ   แต่บุปผาเห็นท่าไม่ดีถ้าปล่อยสินเอาไว้เช่นนี้   เธอจึงไปปรึกษากับผกา  ผกาก็พาบุปผาไปขอยาที่ทำให้เป็นอัมพาตจากตาเถา  หมอสมุนไพรที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี 

บุปผานำสมุนไพรมาให้สินกินแล้วสินก็เกิดอาการเป็นอัมพาตและพูดไม่ได้อีกต่อไป  คุณหญิงมณีสั่งให้เอาสินไปอยู่กระท่อมหลังสวน  แล้วให้บุปผาผู้เป็นน้องสาวคอยดูแล   บุปผาก็แกล้งทำเป็นเต็มใจ   แต่พออยู่กันตามลำพังบุปผาก็ไม่เคยดูแลสินเลย   สินรู้ว่าที่ตนเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะฝีมือของบุปผาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนเสียใจที่หลงเชื่อผู้หญิงเลวๆ อย่างบุปผา  ส่วนบุปผาก็แกล้งนำเอาเรื่องอาการป่วยของสินไปปรึกษาไอศูรย์ถึงโรงพยาบาล   แต่ไม่ได้พบเพราะไอศูรย์ไม่ว่างต้องผ่าตัดคนไข้   บุปผาหงุดหงิดจึงกลับไปหาผกาที่ซ่องพอโคมแดง   ซึ่ง   นายแสงมาเที่ยวซ่องพอดีจึงพบบุปผาเข้า  นายแสงจึงนึกออกแล้วว่าบุปผาเคยเป็นโสเภณีอยู่ในซ่องหอโคมแดงหาได้เป็นน้องสาวของสินมาจากพิษณุโลกอย่างที่อ้างไม่

ด้วยความที่นายแสงมักมากในกามจึงแอบไปหาบุปผาแล้วขอมีอะไรกับหญิงสาวเพื่อปิดปากเรื่องที่บุปผาเคยเป็นโสเภณี   บุปผาจะไม่ยอม   ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนบุปผาเผลอผลักนายแสงตกบันไดคอหักตาย   บุปผาตกใจกลัวไม่รู้จะทำยังไงก็เลยวิ่งไปเอาสร้อยเพชรในห้องนอนของคุณหญิงมณีนำมายัดใส่มือของนายแสงก่อนจะตบหน้าตัวเองหลายครั้ง   แล้วกรีดร้องดังๆ  ให้ทุกคนที่เข้ามาเห็นเข้าใจว่านายแสงขโมยสร้อยของคุณหญิง   แล้วบังเอิญบุปผามาเห็นเข้าก็พยายามห้ามจนถูกนายแสงตบตี  ก่อนที่นายแสงจะวิ่งตกบันไดคอหักตายไปเอง 

คุณหญิงมณีรู้สึกดีกับบุปผามากที่ช่วยรักษาของ-ของตนจนบาดเจ็บ  คุณหญิงมณีจึงให้บุปผาขออะไรก็ได้เพื่อเป็นรางวัล  บุปผาก็เลยขอเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมัทนาเพราะอยากติดสอยห้อยตามไปดูแลคุณหนูตลอดเวลา   คุณหญิงก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูบุปผาจึงยอมตามใจ  หลังจากนั้นเป็นต้นมา  มัทนาจึงมีบุปผาคอยไปไหนมาไหนด้วยตลอดรวมทั้งเวลาไปที่วังรัตนาของไอศูรย์ด้วย  ที่นั่นบุปผาได้พบกับ  คุณหญิงแจ่มจันทร์   มารดาจอมเจ้ายศเจ้าอย่างของไอศูรย์  

คุณหญิงแจ่มจันทร์พยายามทำให้มัทนากับไอศูรย์ปรับความเข้าใจกันได้  เพราะคุณหญิงแจ่มจันทร์ต้องการลูกสะใภ้เป็นลูกเจ้าคุณเทพที่เหมาะสมกับลูกชายของเธอผู้เดียวเท่านั้น  ทำให้บุปผานึกโกรธที่ตัวเองเกิดมาต่ำต้อย  แต่ก็ตั้งปณิธานว่ายังไงก็จะแย่งไอศูรย์มาจากมัทนาให้ได้ !

ดังนั้นบุปผาจึงวางแผนให้ไอศูรย์เข้าใจมัทนากับคุณเพชรผิดและแผนก็สำเร็จ  ไอศูรย์วางท่าทางเฉยเมยกับมัทนา  ทำให้มัทนาเสียใจจึงออกไปเดินเล่นในสวน  แล้วระหว่างนั้นมัทนาก็ได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญจึงไปดูตามเสียงถึงพบสินที่นอนเดียวดายอยู่ในกระท่อม ไม่มีใครมาเหลียวแลอย่างน่าเวทนา  มัทนาจึงสั่งให้คนใช้มาช่วยดูแลสิน  แล้วสินก็พยายามบอกมัทนาว่าให้ระวังบุปผา  แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร   บุปผาก็เข้ามาเสียก่อน   ทำให้สินไม่มีโอกาสบอก หลังจาก มัทนาไป   บุปผาก็ขู่สินว่าถ้าบอกใครจะฆ่าให้ตาย

วันหนึ่งขณะที่มัทนาไปทำบุญที่วัดตามปกติทุกวันพระ   แต่ระหว่างทางกลับมัทนาได้พบกับหญิงบ้าสติไม่ดีที่มาจากต่างถิ่นถูกชาวบ้านไล่ตีเพราะไปขโมยข้าวมากิน   หญิงบ้ากลัวจนวิ่งตกลงไปในน้ำ   หญิงบ้าว่ายน้ำไม่เป็นพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดมัทนาเห็นดังนั้นก็กระโดดลงไปช่วยหญิงบ้ามาได้   แต่หญิงบ้าสลบไปก่อน   มัทนาจึงรีบพาหญิงบ้าไปส่งที่โรงพยาบาลโดยมีไอศูรย์เป็นแพทย์ผู้รักษา

เมื่อมัทนารู้ว่าหญิงบ้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยรับเป็นเจ้าของไข้   ทำให้มัทนากับไอศูรย์ได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งเพราะต้องคอยพูดคุยกันเรื่องอาการป่วยของหญิงบ้า   อาการของหญิงบ้าดีขึ้นเรื่อยๆ   เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของไอศูรย์และมัทนาที่ปรับความเข้าใจกันได้   บุปผารู้เรื่องก็ไม่พอใจรีบเอาเรื่องที่มัทนาไปคลุกคลีกับหญิงบ้าชั้นต่ำไปบอกกับคุณหญิงมณี  คุณหญิงจึงสั่งห้ามไม่ให้มัทนาไปยุ่งอีก   แต่มัทนาไม่ยอมเพราะหากทิ้งหญิงบ้าไปแล้วเธอจะอยู่อย่างไรจึงยอมขัดคำสั่งมารดา  

ไม่นานนักหญิงบ้าก็เริ่มจะจำความได้ว่าเธอชื่อ   “อิ่ม”   แต่เธอโกหกมัทนาว่าชื่อเอม     พ่อแม่ตายหมด  น้องสาวคนเดียวก็ถูกไฟไหม้บ้านตาย  พออิ่มรู้ว่ามัทนาคือลูกสาวของเจ้าคุณเทพเลยขอเข้าไปทำงานในวัง   เพื่อหาโอกาสพบเจ้าคุณเทพเพื่อบอกความจริงว่าลูกสาวอีกคนของ เจ้าคุณเทพยังไม่ตาย  

แต่เมื่ออิ่มเข้ามาในวังก็พบว่าเจ้าคุณเทพไม่อยู่ไปราชการต่างจังหวัด   มัทนาพาอิ่มไปไหว้คุณหญิงมณี   คุณหญิงมณีไม่เคยเห็นหน้าอิ่มมาก่อนเลยไม่รู้ว่าอิ่มคือพี่สาวของอุ่นนั่นเอง   แต่สร้อยที่เคยเห็นหน้าอิ่มเมื่อยี่สิบปีที่แล้วคุ้นหน้าอิ่มมากแต่จำไม่ได้ว่าเจอที่ไหน   อิ่มจึงต้องคอยหลบหน้าสร้อยเพราะกลัวว่าสร้อยจะจำตัวเองได้ก่อนที่เจ้าคุณเทพจะกลับมา

ระหว่างที่อยู่ในวังความน่ารักและใจดีของมัทนาทำให้อิ่มรักและเอ็นดูมัทนามาก   อิ่มไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหญิงมณีที่ใจคอโหดเหี้ยมจะมีลูกสาวที่แสนดีขนาดนี้   อิ่มคอยสังเกตเห็นว่าบุปผาไม่ชอบมัทนาและพยายามทำร้ายเธออยู่ลับๆ   อิ่มจึงคอยช่วยปกป้องและเตือนมัทนาจนบุปผาไม่ชอบคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอิ่ม

และแล้ววันที่อิ่มรอคอยก็มาถึงเมื่อเจ้าคุณเทพกลับวัง   อิ่มก็พยายามหาทางเข้าพบ     เจ้าคุณเทพตามลำพัง   พอเจ้าคุณเทพเห็นอิ่มก็จำได้ทันทีว่าคือพี่สาวของอุ่นนั่นเอง   อิ่มกำลังจะเล่าเรื่องอุ่นและลูกสาวให้เจ้าคุณเทพฟัง   แต่บุปผาที่เจ็บแค้นอิ่มอยู่แล้วเห็นเข้าจึงเอาไปฟ้องคุณหญิงมณีโดยใส่ความว่าอิ่มแอบยั่วยวนเจ้าคุณเทพทำให้อิ่มยังไม่มีโอกาสบอกความจริงกับ เจ้าคุณเทพ คุณหญิงมณีโกรธมากจะลงโทษอิ่มแต่มัทนาช่วยเอาไว้   อิ่มเลยไม่ถูกไล่ออกจากวังไป

ไม่นานนักอิ่มก็หาโอกาสพบเจ้าคุณเทพตามลำพังอีกจนได้   แล้วอิ่มก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าคุณเทพฟังว่าคุณหญิงมณีเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดที่สั่งสร้อยจ้างคนไปเผาบ้านตนเพื่อให้อุ่นน้องสาวตนกับหลานในท้องตาย   เจ้าคุณเทพรู้เรื่องก็เสียใจมาก   เขาไม่คิดเลยว่าหญิงที่แสนสูงส่งจะใจคอโหดร้ายมากมายถึงเพียงนี้  แต่เพื่อเห็นแก่มัทนาเจ้าคุณเทพจึงขอร้องให้อิ่มเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้มัทนาเสียใจ  อิ่มยอมตกลงเพราะเห็นแก่มัทนาเหมือนกัน  แล้วอิ่มก็บอกกับเจ้าคุณเทพว่าลูกสาวของอุ่นกับเจ้าคุณเทพยังไม่ตาย  แต่ระหว่างทางหนีอิ่มเกิดอุบัติเหตุจึงเสียสติ   ตอนนี้คิดว่าคงมีคนใจบุญเอาตัวหลานสาวไปเลี้ยงดูแล้ว  เจ้าคุณเทพดีใจมากจึงแอบสืบข่าวลูกสาวอีกคนอย่างลับๆ

หลังจากเจ้าคุณเทพกลับมาจากราชการต่างจังหวัดคราวนี้คุณหญิงมณีรู้สึกว่าเจ้าคุณเทพมีท่าทีกับเธอเปลี่ยนไป   เจ้าคุณเทพมักมองเธอด้วยสายตาผิดหวังและเจ็บปวดทำให้คุณหญิงมณีสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงแอบคอยติดตามเจ้าคุณเทพจนรู้ว่าเจ้าคุณกำลังสืบหาหญิงสาวคนหนึ่ง  คุณหญิงมณีร้อนใจมากอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร   แล้ววันหนึ่งสร้อยก็จำได้ว่าเอมก็คืออิ่มพี่สาวของอุ่นนั่นเอง !

สร้อยจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณหญิงมณี   คุณหญิงมณีเดาออกทันทีเลยว่าหญิงสาวที่    เจ้าคุณเทพกำลังตามหาอยู่จะต้องเป็นลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพกับอุ่นเป็นแน่   คุณหญิงมณีจึงจับตัวอิ่มมาทรมานจนอิ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวยอมรับความจริง   คุณหญิงมณีเค้นให้อิ่มบอกว่าหลานสาวอยู่ที่ไหนแต่อิ่มไม่รู้   คุณหญิงมณีจึงจะฆ่าอิ่ม   แต่โชคดีอิ่มหลุดออกมาได้จึงรีบหนีไป

ระหว่างทางหนีอิ่มพบกับบุปผาโดยบังเอิญ   บุปผาช่วยชีวิตอิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ   ช่วงเวลาวุ่นวายนั้นเองอิ่มก็เห็นปานที่ต้นขาขวาของบุปผา   จึงรู้ว่าบุปผาคือหลานสาวของตนก็ดีใจ   อิ่มบอกกับบุปผาว่าพ่อที่แท้จริงของบุปผาก็คือเจ้าคุณเทพนั่นเอง   แต่อิ่มก็ปกปิดเรื่องที่คุณหญิงมณีเป็นคนฆ่าอุ่นแม่ของบุปผาเอาไว้เพราะได้ให้แสงสัญญากับเจ้าคุณเทพแล้ว   บุปผาดีใจมากที่ตนคือลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพและคือคุณหนูแห่งวังนี้  อิ่มบอกให้บุปผาไปบอกความจริงกับ   เจ้าคุณเทพเพราะขณะนี้เจ้าคุณเทพกำลังตามหาบุปผาอยู่   แต่บุปผาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา   แล้วพาอิ่มไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง

ขณะที่เจ้าคุณเทพตามหาลูกสาวอีกคน  คุณหญิงมณีก็แอบส่งคนตามหาลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพเพื่อจะกำจัดให้ได้ก่อนที่เจ้าคุณเทพจะเจอตัวเช่นกันแต่ก็ไม่พบ   พอเจ้าคุณเทพกลับมาวังก็พบว่าอิ่มหนีออกจากวังไปแล้ว   เจ้าคุณเทพท้อใจมากคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสพบลูกสาวอีกคนแล้ว   คุณหญิงมณีจึงโล่งอก   แต่ก็ยังสั่งให้สร้อยส่งคนคอยตามหาไม่หยุดโดยที่คุณหญิงมณีไม่รู้เลยว่าคนที่คุณหญิงตามหานั้นคือบุปผาที่อยู่ใต้จมูกของเธอนั่นเอง !

ใกล้ถึงวันเกิดคุณหญิงมณี   บุปผายุให้คุณหญิงมณีจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่อลังการให้สมฐานะ  คุณหญิงมณีเห็นด้วยจึงให้บุปผาเป็นแม่งานโดยไม่รู้เลยว่าบุปผามีแผนชั่วร้ายอยู่

และแล้วงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหญิงมณีก็มาถึง   บุปผาใช้จังหวะเหมาะขึ้นบนเวทีประกาศบอกทุกคนว่าเธอคือลูกสาวอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพกับแม่อุ่น   ทุกคนตกใจ

คุณหญิงมณีต่อว่าบุปผาว่าพูดโกหก   บุปผาให้อิ่มออกมาปรากฏตัวและยืนยันต่อหน้าเจ้าคุณเทพว่าตนคือลูกอีกคนของเจ้าคุณเทพจริงๆ   เจ้าคุณเทพดีใจมากยอมรับบุปผาเป็นลูกและโอบกอดบุปผาด้วยความรัก   มัทนาก็ดีใจที่มีน้องสาวเช่นกัน   แต่คุณหญิงมณีนั้นแค้นใจมากที่ถูกบุปผาหลอกใช้

พอได้เข้ามาเป็นคุณหนูของวัง   บุปผาก็ทำตัวเทียบเท่ามัทนาทุกอย่างทำให้คุณหญิงมณีไม่พอใจมากขึ้นอีกจึงด่าว่าบุปผา   บุปผาแค้นใจเลยใส่ความคุณหญิงมณีว่าทำร้ายตนจน        เจ้าคุณเทพไม่พอใจต่อว่าคุณหญิงมณีอย่างรุนแรง  เมื่อมีบิดาปกป้องและให้ท้ายบุปผาก็วางอำนาจบาตรใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม  ทำให้คุณหญิงมณีโกรธแค้นบุปผาเท่าทวีคูณ

เมื่ออีกาได้แปลงกายไปเป็นหงส์เทียบเท่ากับมัทนาแล้ว   บุปผาคิดว่าไอศูรย์คงมีใจให้แก่เธอได้ไม่ยาก   จึงพยายามยั่วยวนไอศูรย์แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะไอศูรย์นั้นมีความรักมั่นคงกับมัทนาเพียงคนเดียว   บุปผาแค้นใจมาก   คุณหญิงมณีจึงรู้ว่าบุปผามีใจให้ไอศูรย์และพยายามแย่งไอศูรย์ไปจากลูกสาวที่รักของเธอ  คุณหญิงมณีจึงคิดใช้จุดอ่อนข้อนี้เพื่อกำจัดบุปผาให้พ้นทาง  

วันหนึ่งบุปผาได้รับจดหมายจากไอศูรย์ให้ไปพบที่ท้ายป่าเพราะมีเรื่องสำคัญจะสารภาพ   บุปผาหน้ามืดตามัวเพราะความรักที่มีต่อไอศูรย์จึงไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่านั่นคือแผนลวงของคุณหญิงมณี   เมื่อบุปผาไปถึงจึงพบกับโจรที่คุณหญิงจ้างมาเพื่อฆ่าบุปผา   แต่มัทนามาเจอเข้าจึงช่วยบุปผาจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ   แต่ทั้งคู่ก็หนีรอดมาได้  

บุปผาเอาเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้อิ่มฟัง   อิ่มคิดว่าเป็นฝีมือของคุณหญิงมณีแน่   อิ่มแค้นคุณหญิงมณีเลยหลุดปากพูดเรื่องที่คุณหญิงสั่งคนเผาบ้านจนอุ่นแม่ของบุปผาตายในกองไฟ   บุปผาแค้นใจจะไปเอาเรื่องคุณหญิงมณีเข้าคุก   แต่อิ่มขอร้องบอกรับปากกับเจ้าคุณเทพไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้กับใคร   ถ้าบุปผาไปเอาเรื่องคุณหญิงมณีเจ้าคุณเทพต้องโกรธมาก   เจ้าคุณเทพไม่อยากเอาเรื่องคุณหญิงมณีเพราะเห็นแก่มัทนา  

เมื่อบุปผาไม่สามารถเอาเรื่องคุณหญิงมณีที่วางแผนฆ่าแม่ของตนเข้าคุกได้   เพราะทั้ง เจ้าคุณเทพและอิ่มเห็นแก่มัทนา  บุปผาจึงคิดว่ามัทนาก็ควรจะสูญเสียอะไรให้ตนบ้าง   บุปผาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกมัทนาเพื่อข่มขู่ให้มัทนาถอนหมั้นและเลิกยุ่งเกี่ยวกับไอศูรย์เสีย   ถ้าไม่อยากให้คุณหญิงมณีแม่ของเธอถูกจับเข้าคุก   มัทนารู้ความจริงก็เสียใจมากเธอจึงถอนหมั้นกับไอศูรย์ทันทีเพื่อปกป้องมารดา  

ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลที่มัทนาขอถอนหมั้นกับไอศูรย์เลย   โดยเฉพาะตัวไอศูรย์เอง  เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร   ไอศูรย์พยายามถามมัทนาแต่เธอก็มักจะหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบเขาเลย   จนกระทั่งวันหนึ่งไอศูรย์ดักพบมัทนาจนได้   มัทนาอยากให้ไอศูรย์ตัดใจจึงโกหกว่าตอนนี้เธอรักอยู่กับคุณเพชรทำให้ไอศูรย์เสียใจมาก   บุปผาจึงใช้ช่วงเวลานี้ปลอบใจไอศูรย์แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะใจไอศูรย์ได้   ไอศูรย์ปฏิเสธความรักที่บุปผามีต่อเขาแม้จะไม่มีมัทนาแล้วก็ตาม   บุปผาเสียใจมากแต่ก็ไม่ยอมแพ้  บุปผาต้องการเอาไอศูรย์มาเป็นของตัวเองให้ได้จึงวางแผนมอมเหล้าไอศูรย์และสร้างเรื่องว่าไอศูรย์ปลุกปล้ำเธอ   ทำให้ไอศูรย์ต้องยอมตกลงแต่งงานกับบุปผา  

แม้คุณหญิงแจ่มจันทร์แม่ของไอศูรย์จะไม่ชอบบุปผาเพราะมีแม่เป็นแค่หญิงชาวบ้านต่ำต้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมจัดงานตามประเพณีเพราะเห็นแก่เจ้าคุณเทพ  

ขณะที่บุปผากำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องแต่งงานกับไอศูรย์นั้นเอง   มัทนาที่หัวใจเจ็บช้ำเพราะรู้เรื่องที่ไอศูรย์กำลังจะแต่งงานกับบุปผา   จึงมาเยี่ยมสินที่ไม่มีคนดูแล   มัทนาได้พาหมอมารักษาสินที่เธอเคารพรักเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ   จนอาการอัมพาตของสินเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ   แต่หมอกลับพบว่าสินกำลังป่วยหนักด้วยโรคใหม่

ก่อนวันแต่งงานผกาที่กำลังลำบากเพราะถูกตำรวจปิดซ่องเพิ่งรู้เรื่องว่าบุปผาได้ดีไปเป็นลูกสาวเจ้าคุณเทพก็มาหาบุปผาเพื่อขอเงิน   แต่บุปผาไม่ยอมให้เพราะแค้นใจที่เคยถูกผกาโขกสับและบังคับให้ขายตัว  จึงไล่ผกาไปอย่างหมูอย่างหมา  ผกาเสียใจและแค้นใจมากจึงตั้งใจจะทำลายงานแต่งงานของบุปผา

เมื่อวันแต่งงานของบุปผาและไอศูรย์มาถึง   ผกามาเจอมัทนาที่เดินเศร้าอยู่หน้างานจึงบอกมัทนาว่าเธอคือแม่ที่เคยเลี้ยงดูบุปผามาก่อนเพิ่งรู้ข่าวว่าบุปผาจะแต่งงาน   แต่เข้าไปในงานไม่ได้เพราะลืมเอาบัตรเชิญมา  จึงขอให้มัทนาพาเธอและเพื่อนๆเข้าไปแสดงความยินดีกับบุปผาด้วยเพราะบุปผาสั่งคนงานห้ามไม่ให้คนที่ไม่มีบัตรเชิญเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผกามาป่วนในงานของตน   พอผกาและเหล่าโสเภณีเข้ามาในงานเลี้ยงได้สำเร็จ   ผกาก็เปิดเผยความจริงว่าบุปผาคือโสเภณีที่เคยทำงานในซ่องของตนมาก่อน   บรรดาโสเภณีที่อยู่ในสังกัดของผกาก็ออกมาช่วยกันพูดเป็นพยาน   คุณหญิงแจ่มจันทร์อับอายมากเลยประกาศยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมด

บุปผาแค้นใจมากคิดว่ามัทนาพาผกามาทำลายงานแต่งงานของตนจึงเปิดโปงเรื่องที่คุณหญิงมณีแม่ของมัทนาเป็นคนสั่งวางเพลิงเผาบ้านจนแม่ของตนต้องตาย   คุณหญิงมณีโกรธมากจึงไปหยิบปืนจะมาฆ่าบุปผา   แต่มัทนามาปกป้องบุปผาและขอร้องให้แม่ไว้ชีวิตน้องสาวตน   คุณหญิงมณีคับแค้นใจระบายทุกอย่างออกมาว่าที่ทำไปเพราะหมอดูทำนายว่ามัทนาจะถูกน้องของตัวเองฆ่าตาย   จังหวะนั้นเองบุปผาแย่งปืนจากคุณหญิงมณีมาได้จะเล็งปืนไปที่มัทนาด้วยความแค้นจึงคิดจะฆ่ามัทนาเสีย   เจ้าคุณเทพขอร้องบุปผาเพราะไม่อยากให้พี่น้องฆ่ากันเองแต่บุปผาไม่ฟัง   แต่วินาทีที่บุปผาลั่นไก  ก็มีเสียงปืนจากอีกกระบอกดังขึ้น !   บุปผาทรุดตัวลงแล้วหันไปเห็นว่าเป็นสินนั่นเองที่เป็นคนยิงเธอ   แต่บุปผายังไม่ตาย  แค่โดนยิงถากๆสินกำลังจะยิงซ้ำแต่มัทนาขอร้องไว้   บุปผาไม่คาดคิดว่าสินจะหาย   สินแค้นใจพูดพรั่งพรูความแค้นบอกว่าถึงแม้เขาจะหายจากอัมพาต   แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องตายอยู่ดีเพราะเขาติดโรคร้ายมาจากบุปผา   พูดจบสินก็ยิงตัวเองตาย  บุปผาตกใจมากที่รู้ว่าตัวเองเป

แกลลอรีไฟหวน