เรื่องย่อไฟหวน
เจ้าคุณเทพ (สุรวุฑ ไหมกัน) และ คุณหญิงมณี (ปิยธิดา วรมุสิก) เจ้าของวัง “เทพมณี” ต้องต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีที่คุณหญิงตั้งท้องลูกคนแรก รวมทั้ง คุณชไม (ณัฎฐริณีย์ กรรณสูต) เพื่อนของคุณหญิงมณีที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ด้วย คุณชไมมีความสามารถเรื่องดูดวง ดังนั้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง คุณชไมจึงดูดวงให้คุณหญิงมณี แล้วบอกว่าลูกในท้องที่จะเกิดมาจะเป็นผู้หญิง และคุณหญิงมณีจะมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น แต่คุณหญิงไม่เชื่อคำทำนายของคุณชไม คิดว่าเป็นเพียงการพูดไร้สาระ เพราะเธอและเจ้าคุณเทพอายุยังไม่มากและสุขภาพแข็งแรง จึงไม่มีเหตุอะไรเลยที่จะต้องมีลูกคนเดียว คุณหญิงโกรธคุณชไมถึงขนาดต่อว่ากันอย่างรุนแรงทั้งๆ ที่ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานาน พอเจ้าคุณเทพรู้เรื่องก็บอกว่าไม่ให้ใส่ใจกับคำทำนาย เพราะเจ้าคุณเทพไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่เรื่องราวดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำทำนายของคุณชไม เมื่อถึงกำหนดคลอดลูกคุณหญิงมณีปวดท้องทุรนทุรายอยู่หลายวัน จนกระทั่งในที่สุดคุณหญิงก็คลอดลูกสาวออกมาแล้วเกิดอาการเลือดเป็นพิษ หมอฝรั่งที่โรงพยาบาลบอกว่าคุณหญิงมณีจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ทำให้คุณหญิงเสียใจมากแล้วคิดถึงคุณชไมขึ้นมาจับใจ เมื่อร่างกายหายป่วยเป็นปกติแล้ว คุณหญิงมณีจึงพา มัทนา (ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์) ลูกสาวเดินทางไปขอโทษคุณชไมถึงเชียงใหม่ คุณชไมจึงดูดวงให้หนูน้อยมัทนา แล้วถึงกับตกใจเมื่อคำทำนายออกมาว่าหนูน้อย มัทนาจะต้องตายเพราะพี่น้องร่วมสายเลือด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงมณีไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว และเจ้าคุณเทพก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ด้วย
แต่แล้วไม่นานนักขณะที่เจ้าคุณเทพไปทำงานที่หัวเมือง ก็มีหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งที่ชื่อ อิ่ม (รัชยา รักษ์กสิกรณ์) แอบมาตามหาเจ้าคุณเทพที่วัง เมื่อคุณหญิงมณีรู้เรื่องก็สงสัย จึงให้ สร้อย (น้ำทิพย์ เสียมทอง) คนสนิทไปสืบข่าวจนรู้ความจริงว่าอิ่มจะมาส่งข่าวบอกเจ้าคุณเทพว่า อุ่น (ธัญสินี พรมวิสุทธิ์) หญิงสาวชาวบ้านซึ่งเป็นเมียน้อยของคุณเทพและกำลังท้องแก่ไม่สบายหนัก กลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกในท้อง พอคุณหญิงมณีรู้เรื่องก็โกรธจนแทบคลั่ง เธอกลัวว่าลูกที่กำลังจะเกิดของเจ้าคุณเทพคนนี้จะมาทำร้ายมัทนาลูกสาวของเธอดั่งคำทำนายของคุณชไม แล้วด้วยความรักลูก คุณหญิงมณีเลยสั่งให้ใบไปเผาบ้าน ของอุ่นและอิ่มพี่สาว ก่อนที่อุ่นจะคลอดลูกออกมา
ในคืนนั้นเองขณะที่อยู่ตามลำพัง อุ่นก็เริ่มมีอาการปวดท้องจนคลอดก่อนกำหนดด้วยตัวเองที่บ้าน เด็กน้อยออกมามีปานแดงขนาดใหญ่ที่ต้นขาขวา แต่เด็กไม่ร้องและตัวซีดจนน่ากลัว อุ่นกลัวลูกสาวจะตายจึงบอกให้พี่สาวอุ้มลูกไปหาหมอ เพราะตัวเองเพิ่งคลอดเดินไม่ไหว อิ่มอุ้มลูกของอุ่นออกไปไม่นานสร้อยก็พาคนร้ายเข้ามาเข้ามาวางเพลิงเผาบ้าน อุ่นนอนจมในกองไฟ อิ่มเห็นชไมไฟสว่างมาจากทางบ้านจึงวิ่งกลับไปดูแล้วพบว่าบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง และพอเห็นว่าสร้อยยืนบงการอยู่ อิ่มจึงรู้ว่าเป็นคนของบ้านเจ้าคุณเทพที่คุณหญิงมณีสั่งมาฆ่าอุ่นและลูก อิ่มกลัวมากจึงอุ้มหลานสาววิ่งหนีไป แล้วก็ถูกรถเก๋งที่ ผกา (ภารดี อยู่ผาสุข) เจ้าของซ่องชื่อดังหอโคมแดงนั่งมากับแขกชนเข้าอย่างจัง อิ่มกับเด็กน้อยกระเด็นล้มไป อิ่มหัวแตกเลือดแดงฉานแต่ก็ยังพยายามตะเกียกตะกายไปหาหลานที่ร้องไห้เสียงดังอยู่อีกฟากของถนน ผกาลงจากรถมาดูอิ่ม อิ่มจึงได้เห็นหน้าผกาเต็มๆ ก่อนจะสลบไป ผกาจึงช่วยพาทั้งสองไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความกลัวและความตกใจสุดขีด ทำให้เมื่ออิ่มฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหายสาบสูญไปเลย
ส่วนผกามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลจึงพบว่าอิ่มเสียสติและหนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว โดยทิ้งเด็กน้อยเอาไว้ ผกาจึงพาเด็กน้อยที่เธอตั้งชื่อว่า บุปผา (แซมมี่ ปัณฑิตา เคาวเวลล์) ไปเลี้ยงในซ่อง
ด้านคุณหญิงมณีถึงจะคิดว่าได้กำจัดลูกอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพที่กลัวว่าจะเป็นคนฆ่ามัทนาในอนาคตตามคำทำนายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังไม่วางใจเพราะกลัวว่าเจ้าคุณเทพที่ยังหนุ่มแน่นสามารถมีลูกกับหญิงอื่นได้อีก คุณหญิงมณีจึงสั่งให้สร้อยไปหาตาเถา (ชรัส เฟื่องอารมณ์) หมอชาวบ้านเพื่อขอยาที่ทำให้เจ้าคุณเทพกินแล้วเป็นหมันมาให้ พอเจ้าคุณเทพกลับมาก็รู้เรื่องว่าอุ่นและลูกในท้องตายเพราะไฟไหม้บ้าน เจ้าคุณเทพเสียใจมากจนล้มป่วย คุณหญิงมณีจึงได้โอกาสวางยาเจ้าคุณเทพ โดยโกหกว่าเป็นยาบำรุงจนเจ้าคุณเทพเป็นหมันสมใจ และมั่นใจว่าต่อไปนี้จะไม่มีการให้กำเนิดสายเลือดมาทำร้ายลูกของเธอได้อีก 20 ปีต่อมา
เด็กหญิงบุปผาเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง เธอเป็นโสเภณีเบอร์หนึ่งของซ่องหอโคมแดง แต่ด้วยนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง เธอจะเลือกบริการเฉพาะแขกกระเป๋าหนักเท่านั้น เพื่อหวังว่าสักวันเธอจะไปเป็นคุณหญิงแทนการเป็นโสเภณีเช่นนี้ ดังนั้นพอ สิน (ภาณุ สุวรรณโณ) คนขับรถของบ้านเจ้าคุณเทพมาเที่ยวและอยากใช้บริการของเธอ บุปผาก็ให้ผกาปฏิเสธไปทันที
วันหนึ่งบุปผาไปหาซื้อผ้าตัดชุดใหม่ในตลาด เธอบังเอิญพบกับ ไอศูรย์ (ธนพล นิ่มทัยสุข) หมอหนุ่มที่จบจากเมืองนอกและเป็นเจ้าของวังรัตนา บุปผาตกหลุมรักชายหนุ่มขึ้นมาทันที บุปผาเข้าไปทำความรู้จักและให้ท่าชายหนุ่มด้วยความมั่นใจ เพราะคิดว่าเขาจะต้องศิโรราบต่อความสวยของเธอดังเช่นผู้ชายทุกคน แต่ผิดคาดเพราะไอศูรย์ไม่มีท่าทีสนใจเธอเลย ผิดกับคุณหนูมัทนาลูกสาวเจ้าคุณเทพที่เพิ่งมาถึงร้านโดยมีสินเป็นคนขับรถ ไอศูรย์จะพูดจาหวานหูและดูแลอย่างดี แต่มันยิ่งทำให้บุปผายิ่งสนใจชายหนุ่มและอยากจะเอาชนะใจเขาให้ได้
ดังนั้นพอสินกลับไปเที่ยวซ่องอีกครั้ง บุปผาก็ต้อนรับสินอย่างดีและยอมให้เขาใช้บริการ ทำให้สินหลงบุปผามาก บุปผาสืบเรื่องของไอศูรย์กับมัทนาจึงรู้ว่าทั้งสองเป็นคู่หมายกัน และไอศูรย์ก็ยังเป็นหมอประจำตัวของคุณหญิงมณีแม่ของมัทนาด้วย ไอศูรย์จึงต้องไปที่บ้านของ มัทนาบ่อยๆ ดังนั้นบุปผาจึงคิดแผนให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับไอศูรย์ด้วยการออดอ้อนขอสินให้พาตนเข้าไปอยู่ในบ้านของมัทนา แต่ขอให้บอกกับทุกคนว่าเธอเป็นน้องสาวของสิน เพราะไม่อยากให้ใครมองตนไม่ดีว่าหนีตามผู้ชายมา สินก็ยอมเชื่อเพราะรักบุปผามาก แต่อุปสรรคที่สำคัญของบุปผาก็คือผกา เพราะตอนแรกผกาจะไม่ยอมให้บุปผาไป เพราะนั่นหมายความว่าถ้าที่ซ่องหอโคมแดงไม่มีบุปผา ที่นี่จะขาดรายได้ไปมาก แต่บุปผาก็สัญญากับผกาว่าถ้าวันหนึ่งตนได้ดี ได้เป็นเจ้าของวังรัตนา ตนจะพาผกาไปอยู่ด้วย ผกาจะได้สบายไม่ต้องเป็นเจ้าของซ่องอีกต่อไป ผกาคล้อยตามและยอมให้บุปผาไปแต่โดยดี
สินพาบุปผาที่ไม่แต่งหน้าเลยจึงดูต่างจากบุปผาโสเภณีคนเก่าเข้าไปกราบและขออนุญาตคุณหญิงมณีให้น้องสาวอยู่ด้วย สร้อยทักว่าไม่ยักรู้ว่าสินมีน้องสาว แต่บุปผาก็แก้ตัวไปว่าตนเป็นญาติห่างๆ อยู่ที่พิษณุโลก ตอนนี้พ่อแม่ตายหมดแล้วตนไม่มีที่พึ่งจึงมาขออยู่กับสิน ทุกคนจึงเชื่อ แต่ตอนแรกคุณหญิงมณีจะไม่อนุญาตให้บุปผาอยู่เพราะว่ามีคนอยู่ในบ้านจำนวนมากอยู่แล้ว แต่มัทนาเห็นใจบุปผาที่ต้องเดินทางมาไกลและยังไม่มีที่อยู่อีกด้วย มัทนาจึงขอร้องให้มารดายอมให้น้องสาวของสินอยู่ด้วย คุณหญิงก็เลยยอมตามใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้บุปผา อยู่ด้วย สร้อยพาบุปผามาอยู่ในเรือนคนใช้ร่วมกับคนใช้คนอื่นๆ จึงได้พบกับ นายแสง (ปิยพันธ์ ขำกฤษ) ลูกชายของสร้อยที่รู้สึกคุ้นหน้าบุปผามากแต่ก็นึกไม่ออกเลยว่าเคยพบที่ไหน
พอบุปผาอยู่ในบ้านของมัทนาในฐานะคนใช้ แต่เธอก็แทบจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากเฝ้ารอให้ไอศูรย์มาที่นี่ แล้วพอเขามาบุปผาก็จะรีบเสนอหน้าเข้าไปรับใช้ แล้วด้วยความที่บุปผาไม่ได้แต่งหน้าจัดเหมือนเมื่อก่อนทำให้ไอศูรย์จำบุปผาไม่ได้
วันหนึ่งคุณหญิงมณีและเจ้าคุณเทพจัดงานวันเกิดให้มัทนา มีแขกเหรื่อแต่งตัวโก้หรูมาร่วมงานมากมาย รวมทั้ง คุณพลอย (กรรณาภรณ์ พวงทอง) เพื่อนสนิทของมัทนาที่มาพร้อม คุณเพชร (ธีร์ วณิชนันทธาดา) พี่ชายซึ่งเป็นนายตำรวจหนุ่มและเป็นเพื่อนกับไอศูรย์อีกด้วย วันนี้มัทนาสวมชุดสวยจนทุกคนตกตะลึงโดยเฉพาะไอศูรย์ แล้วเหล่าแขกเหรื่อต่างเอ่ยปากชมความสวยน่ารักของมัทนากันไม่ขาดสาย และนั่นก็สร้างความหมั่นไส้ให้บุปผาเพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ซ่องหอโคมแดง เธอจะต้องได้รับความสนใจมากกว่าคนอื่นเสมอ ดังนั้นบุปผาจึงคิดแกล้งมัทนาด้วยการเอาน้ำมันไปราดตรงบริเวณที่มัทนาจะเดินผ่าน ทำให้มัทนาลื่นล้มอย่างแรงจนข้อเท้าแพลง กลายเป็นว่าไอศูรย์ซึ่งเป็นหมอเลยต้องเข้ามาดูแลมัทนาด้วยความเป็นห่วง จึงยิ่งทำให้บุปผาริษยามัทนามากขึ้นไปอีก
และหลังจากวันนั้นคุณเพชรก็มาเยี่ยมมัทนาบ่อยๆ บุปผาเลยรู้ว่าคุณเพชรแอบมีใจให้ มัทนา ดังนั้นบุปผาจึงใช้คุณเพชรเป็นเครื่องมือทำให้มัทนากับไอศูรย์เข้าใจผิดกัน ด้วยการที่เวลาไอศูรย์มาหามัทนา บุปผาก็จะจงใจทำให้ไอศูรย์รู้ว่าคุณเพชรมาเยี่ยมมัทนาทุกวันพร้อมกับมีดอกไม้มาด้วย ซึ่งคำพูดของบุปผาทำให้ไอศูรย์ไม่สบายใจ บุปผาจึงใช้โอกาสนี้เข้าออดอ้อน ชายหนุ่มบอกให้เขารู้ว่าตนอยู่ข้างเขาเสมอ และในระหว่างที่บุปผาคุยกับไอศูรย์ตามลำพังนั้น สินก็มาเห็นเข้าจึงไม่พอใจ !
สินสั่งห้ามไม่ให้บุปผาอยู่ใกล้ไอศูรย์อีกเพราะหึง บุปผาไม่ยอม ทั้งสองจึงทะเลาะกันจนถึงขั้นว่าสินจะไปบอกทุกคนโดยเฉพาะไอศูรย์ว่าบุปผาเป็นเมียเขา บุปผาจึงรีบพูดจาออดอ้อนและพาเขาไปมีความสัมพันธ์ในสวนหลังบ้าน ทำให้สินหายโกรธ แต่บุปผาเห็นท่าไม่ดีถ้าปล่อยสินเอาไว้เช่นนี้ เธอจึงไปปรึกษากับผกา ผกาก็พาบุปผาไปขอยาที่ทำให้เป็นอัมพาตจากตาเถา หมอสมุนไพรที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
บุปผานำสมุนไพรมาให้สินกินแล้วสินก็เกิดอาการเป็นอัมพาตและพูดไม่ได้อีกต่อไป คุณหญิงมณีสั่งให้เอาสินไปอยู่กระท่อมหลังสวน แล้วให้บุปผาผู้เป็นน้องสาวคอยดูแล บุปผาก็แกล้งทำเป็นเต็มใจ แต่พออยู่กันตามลำพังบุปผาก็ไม่เคยดูแลสินเลย สินรู้ว่าที่ตนเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะฝีมือของบุปผาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนเสียใจที่หลงเชื่อผู้หญิงเลวๆ อย่างบุปผา ส่วนบุปผาก็แกล้งนำเอาเรื่องอาการป่วยของสินไปปรึกษาไอศูรย์ถึงโรงพยาบาล แต่ไม่ได้พบเพราะไอศูรย์ไม่ว่างต้องผ่าตัดคนไข้ บุปผาหงุดหงิดจึงกลับไปหาผกาที่ซ่องพอโคมแดง ซึ่ง นายแสงมาเที่ยวซ่องพอดีจึงพบบุปผาเข้า นายแสงจึงนึกออกแล้วว่าบุปผาเคยเป็นโสเภณีอยู่ในซ่องหอโคมแดงหาได้เป็นน้องสาวของสินมาจากพิษณุโลกอย่างที่อ้างไม่
ด้วยความที่นายแสงมักมากในกามจึงแอบไปหาบุปผาแล้วขอมีอะไรกับหญิงสาวเพื่อปิดปากเรื่องที่บุปผาเคยเป็นโสเภณี บุปผาจะไม่ยอม ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนบุปผาเผลอผลักนายแสงตกบันไดคอหักตาย บุปผาตกใจกลัวไม่รู้จะทำยังไงก็เลยวิ่งไปเอาสร้อยเพชรในห้องนอนของคุณหญิงมณีนำมายัดใส่มือของนายแสงก่อนจะตบหน้าตัวเองหลายครั้ง แล้วกรีดร้องดังๆ ให้ทุกคนที่เข้ามาเห็นเข้าใจว่านายแสงขโมยสร้อยของคุณหญิง แล้วบังเอิญบุปผามาเห็นเข้าก็พยายามห้ามจนถูกนายแสงตบตี ก่อนที่นายแสงจะวิ่งตกบันไดคอหักตายไปเอง
คุณหญิงมณีรู้สึกดีกับบุปผามากที่ช่วยรักษาของ-ของตนจนบาดเจ็บ คุณหญิงมณีจึงให้บุปผาขออะไรก็ได้เพื่อเป็นรางวัล บุปผาก็เลยขอเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมัทนาเพราะอยากติดสอยห้อยตามไปดูแลคุณหนูตลอดเวลา คุณหญิงก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูบุปผาจึงยอมตามใจ หลังจากนั้นเป็นต้นมา มัทนาจึงมีบุปผาคอยไปไหนมาไหนด้วยตลอดรวมทั้งเวลาไปที่วังรัตนาของไอศูรย์ด้วย ที่นั่นบุปผาได้พบกับ คุณหญิงแจ่มจันทร์ มารดาจอมเจ้ายศเจ้าอย่างของไอศูรย์
คุณหญิงแจ่มจันทร์พยายามทำให้มัทนากับไอศูรย์ปรับความเข้าใจกันได้ เพราะคุณหญิงแจ่มจันทร์ต้องการลูกสะใภ้เป็นลูกเจ้าคุณเทพที่เหมาะสมกับลูกชายของเธอผู้เดียวเท่านั้น ทำให้บุปผานึกโกรธที่ตัวเองเกิดมาต่ำต้อย แต่ก็ตั้งปณิธานว่ายังไงก็จะแย่งไอศูรย์มาจากมัทนาให้ได้ !
ดังนั้นบุปผาจึงวางแผนให้ไอศูรย์เข้าใจมัทนากับคุณเพชรผิดและแผนก็สำเร็จ ไอศูรย์วางท่าทางเฉยเมยกับมัทนา ทำให้มัทนาเสียใจจึงออกไปเดินเล่นในสวน แล้วระหว่างนั้นมัทนาก็ได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญจึงไปดูตามเสียงถึงพบสินที่นอนเดียวดายอยู่ในกระท่อม ไม่มีใครมาเหลียวแลอย่างน่าเวทนา มัทนาจึงสั่งให้คนใช้มาช่วยดูแลสิน แล้วสินก็พยายามบอกมัทนาว่าให้ระวังบุปผา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร บุปผาก็เข้ามาเสียก่อน ทำให้สินไม่มีโอกาสบอก หลังจาก มัทนาไป บุปผาก็ขู่สินว่าถ้าบอกใครจะฆ่าให้ตาย
วันหนึ่งขณะที่มัทนาไปทำบุญที่วัดตามปกติทุกวันพระ แต่ระหว่างทางกลับมัทนาได้พบกับหญิงบ้าสติไม่ดีที่มาจากต่างถิ่นถูกชาวบ้านไล่ตีเพราะไปขโมยข้าวมากิน หญิงบ้ากลัวจนวิ่งตกลงไปในน้ำ หญิงบ้าว่ายน้ำไม่เป็นพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดมัทนาเห็นดังนั้นก็กระโดดลงไปช่วยหญิงบ้ามาได้ แต่หญิงบ้าสลบไปก่อน มัทนาจึงรีบพาหญิงบ้าไปส่งที่โรงพยาบาลโดยมีไอศูรย์เป็นแพทย์ผู้รักษา
เมื่อมัทนารู้ว่าหญิงบ้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยรับเป็นเจ้าของไข้ ทำให้มัทนากับไอศูรย์ได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งเพราะต้องคอยพูดคุยกันเรื่องอาการป่วยของหญิงบ้า อาการของหญิงบ้าดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของไอศูรย์และมัทนาที่ปรับความเข้าใจกันได้ บุปผารู้เรื่องก็ไม่พอใจรีบเอาเรื่องที่มัทนาไปคลุกคลีกับหญิงบ้าชั้นต่ำไปบอกกับคุณหญิงมณี คุณหญิงจึงสั่งห้ามไม่ให้มัทนาไปยุ่งอีก แต่มัทนาไม่ยอมเพราะหากทิ้งหญิงบ้าไปแล้วเธอจะอยู่อย่างไรจึงยอมขัดคำสั่งมารดา
ไม่นานนักหญิงบ้าก็เริ่มจะจำความได้ว่าเธอชื่อ “อิ่ม” แต่เธอโกหกมัทนาว่าชื่อเอม พ่อแม่ตายหมด น้องสาวคนเดียวก็ถูกไฟไหม้บ้านตาย พออิ่มรู้ว่ามัทนาคือลูกสาวของเจ้าคุณเทพเลยขอเข้าไปทำงานในวัง เพื่อหาโอกาสพบเจ้าคุณเทพเพื่อบอกความจริงว่าลูกสาวอีกคนของ เจ้าคุณเทพยังไม่ตาย
แต่เมื่ออิ่มเข้ามาในวังก็พบว่าเจ้าคุณเทพไม่อยู่ไปราชการต่างจังหวัด มัทนาพาอิ่มไปไหว้คุณหญิงมณี คุณหญิงมณีไม่เคยเห็นหน้าอิ่มมาก่อนเลยไม่รู้ว่าอิ่มคือพี่สาวของอุ่นนั่นเอง แต่สร้อยที่เคยเห็นหน้าอิ่มเมื่อยี่สิบปีที่แล้วคุ้นหน้าอิ่มมากแต่จำไม่ได้ว่าเจอที่ไหน อิ่มจึงต้องคอยหลบหน้าสร้อยเพราะกลัวว่าสร้อยจะจำตัวเองได้ก่อนที่เจ้าคุณเทพจะกลับมา
ระหว่างที่อยู่ในวังความน่ารักและใจดีของมัทนาทำให้อิ่มรักและเอ็นดูมัทนามาก อิ่มไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหญิงมณีที่ใจคอโหดเหี้ยมจะมีลูกสาวที่แสนดีขนาดนี้ อิ่มคอยสังเกตเห็นว่าบุปผาไม่ชอบมัทนาและพยายามทำร้ายเธออยู่ลับๆ อิ่มจึงคอยช่วยปกป้องและเตือนมัทนาจนบุปผาไม่ชอบคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอิ่ม
และแล้ววันที่อิ่มรอคอยก็มาถึงเมื่อเจ้าคุณเทพกลับวัง อิ่มก็พยายามหาทางเข้าพบ เจ้าคุณเทพตามลำพัง พอเจ้าคุณเทพเห็นอิ่มก็จำได้ทันทีว่าคือพี่สาวของอุ่นนั่นเอง อิ่มกำลังจะเล่าเรื่องอุ่นและลูกสาวให้เจ้าคุณเทพฟัง แต่บุปผาที่เจ็บแค้นอิ่มอยู่แล้วเห็นเข้าจึงเอาไปฟ้องคุณหญิงมณีโดยใส่ความว่าอิ่มแอบยั่วยวนเจ้าคุณเทพทำให้อิ่มยังไม่มีโอกาสบอกความจริงกับ เจ้าคุณเทพ คุณหญิงมณีโกรธมากจะลงโทษอิ่มแต่มัทนาช่วยเอาไว้ อิ่มเลยไม่ถูกไล่ออกจากวังไป
ไม่นานนักอิ่มก็หาโอกาสพบเจ้าคุณเทพตามลำพังอีกจนได้ แล้วอิ่มก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าคุณเทพฟังว่าคุณหญิงมณีเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดที่สั่งสร้อยจ้างคนไปเผาบ้านตนเพื่อให้อุ่นน้องสาวตนกับหลานในท้องตาย เจ้าคุณเทพรู้เรื่องก็เสียใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าหญิงที่แสนสูงส่งจะใจคอโหดร้ายมากมายถึงเพียงนี้ แต่เพื่อเห็นแก่มัทนาเจ้าคุณเทพจึงขอร้องให้อิ่มเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้มัทนาเสียใจ อิ่มยอมตกลงเพราะเห็นแก่มัทนาเหมือนกัน แล้วอิ่มก็บอกกับเจ้าคุณเทพว่าลูกสาวของอุ่นกับเจ้าคุณเทพยังไม่ตาย แต่ระหว่างทางหนีอิ่มเกิดอุบัติเหตุจึงเสียสติ ตอนนี้คิดว่าคงมีคนใจบุญเอาตัวหลานสาวไปเลี้ยงดูแล้ว เจ้าคุณเทพดีใจมากจึงแอบสืบข่าวลูกสาวอีกคนอย่างลับๆ
หลังจากเจ้าคุณเทพกลับมาจากราชการต่างจังหวัดคราวนี้คุณหญิงมณีรู้สึกว่าเจ้าคุณเทพมีท่าทีกับเธอเปลี่ยนไป เจ้าคุณเทพมักมองเธอด้วยสายตาผิดหวังและเจ็บปวดทำให้คุณหญิงมณีสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงแอบคอยติดตามเจ้าคุณเทพจนรู้ว่าเจ้าคุณกำลังสืบหาหญิงสาวคนหนึ่ง คุณหญิงมณีร้อนใจมากอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้ววันหนึ่งสร้อยก็จำได้ว่าเอมก็คืออิ่มพี่สาวของอุ่นนั่นเอง !
สร้อยจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณหญิงมณี คุณหญิงมณีเดาออกทันทีเลยว่าหญิงสาวที่ เจ้าคุณเทพกำลังตามหาอยู่จะต้องเป็นลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพกับอุ่นเป็นแน่ คุณหญิงมณีจึงจับตัวอิ่มมาทรมานจนอิ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวยอมรับความจริง คุณหญิงมณีเค้นให้อิ่มบอกว่าหลานสาวอยู่ที่ไหนแต่อิ่มไม่รู้ คุณหญิงมณีจึงจะฆ่าอิ่ม แต่โชคดีอิ่มหลุดออกมาได้จึงรีบหนีไป
ระหว่างทางหนีอิ่มพบกับบุปผาโดยบังเอิญ บุปผาช่วยชีวิตอิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วงเวลาวุ่นวายนั้นเองอิ่มก็เห็นปานที่ต้นขาขวาของบุปผา จึงรู้ว่าบุปผาคือหลานสาวของตนก็ดีใจ อิ่มบอกกับบุปผาว่าพ่อที่แท้จริงของบุปผาก็คือเจ้าคุณเทพนั่นเอง แต่อิ่มก็ปกปิดเรื่องที่คุณหญิงมณีเป็นคนฆ่าอุ่นแม่ของบุปผาเอาไว้เพราะได้ให้แสงสัญญากับเจ้าคุณเทพแล้ว บุปผาดีใจมากที่ตนคือลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพและคือคุณหนูแห่งวังนี้ อิ่มบอกให้บุปผาไปบอกความจริงกับ เจ้าคุณเทพเพราะขณะนี้เจ้าคุณเทพกำลังตามหาบุปผาอยู่ แต่บุปผาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา แล้วพาอิ่มไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง
ขณะที่เจ้าคุณเทพตามหาลูกสาวอีกคน คุณหญิงมณีก็แอบส่งคนตามหาลูกสาวอีกคนของเจ้าคุณเทพเพื่อจะกำจัดให้ได้ก่อนที่เจ้าคุณเทพจะเจอตัวเช่นกันแต่ก็ไม่พบ พอเจ้าคุณเทพกลับมาวังก็พบว่าอิ่มหนีออกจากวังไปแล้ว เจ้าคุณเทพท้อใจมากคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสพบลูกสาวอีกคนแล้ว คุณหญิงมณีจึงโล่งอก แต่ก็ยังสั่งให้สร้อยส่งคนคอยตามหาไม่หยุดโดยที่คุณหญิงมณีไม่รู้เลยว่าคนที่คุณหญิงตามหานั้นคือบุปผาที่อยู่ใต้จมูกของเธอนั่นเอง !
ใกล้ถึงวันเกิดคุณหญิงมณี บุปผายุให้คุณหญิงมณีจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่อลังการให้สมฐานะ คุณหญิงมณีเห็นด้วยจึงให้บุปผาเป็นแม่งานโดยไม่รู้เลยว่าบุปผามีแผนชั่วร้ายอยู่
และแล้วงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหญิงมณีก็มาถึง บุปผาใช้จังหวะเหมาะขึ้นบนเวทีประกาศบอกทุกคนว่าเธอคือลูกสาวอีกคนหนึ่งของเจ้าคุณเทพกับแม่อุ่น ทุกคนตกใจ
คุณหญิงมณีต่อว่าบุปผาว่าพูดโกหก บุปผาให้อิ่มออกมาปรากฏตัวและยืนยันต่อหน้าเจ้าคุณเทพว่าตนคือลูกอีกคนของเจ้าคุณเทพจริงๆ เจ้าคุณเทพดีใจมากยอมรับบุปผาเป็นลูกและโอบกอดบุปผาด้วยความรัก มัทนาก็ดีใจที่มีน้องสาวเช่นกัน แต่คุณหญิงมณีนั้นแค้นใจมากที่ถูกบุปผาหลอกใช้
พอได้เข้ามาเป็นคุณหนูของวัง บุปผาก็ทำตัวเทียบเท่ามัทนาทุกอย่างทำให้คุณหญิงมณีไม่พอใจมากขึ้นอีกจึงด่าว่าบุปผา บุปผาแค้นใจเลยใส่ความคุณหญิงมณีว่าทำร้ายตนจน เจ้าคุณเทพไม่พอใจต่อว่าคุณหญิงมณีอย่างรุนแรง เมื่อมีบิดาปกป้องและให้ท้ายบุปผาก็วางอำนาจบาตรใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คุณหญิงมณีโกรธแค้นบุปผาเท่าทวีคูณ
เมื่ออีกาได้แปลงกายไปเป็นหงส์เทียบเท่ากับมัทนาแล้ว บุปผาคิดว่าไอศูรย์คงมีใจให้แก่เธอได้ไม่ยาก จึงพยายามยั่วยวนไอศูรย์แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะไอศูรย์นั้นมีความรักมั่นคงกับมัทนาเพียงคนเดียว บุปผาแค้นใจมาก คุณหญิงมณีจึงรู้ว่าบุปผามีใจให้ไอศูรย์และพยายามแย่งไอศูรย์ไปจากลูกสาวที่รักของเธอ คุณหญิงมณีจึงคิดใช้จุดอ่อนข้อนี้เพื่อกำจัดบุปผาให้พ้นทาง
วันหนึ่งบุปผาได้รับจดหมายจากไอศูรย์ให้ไปพบที่ท้ายป่าเพราะมีเรื่องสำคัญจะสารภาพ บุปผาหน้ามืดตามัวเพราะความรักที่มีต่อไอศูรย์จึงไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่านั่นคือแผนลวงของคุณหญิงมณี เมื่อบุปผาไปถึงจึงพบกับโจรที่คุณหญิงจ้างมาเพื่อฆ่าบุปผา แต่มัทนามาเจอเข้าจึงช่วยบุปผาจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งคู่ก็หนีรอดมาได้
บุปผาเอาเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้อิ่มฟัง อิ่มคิดว่าเป็นฝีมือของคุณหญิงมณีแน่ อิ่มแค้นคุณหญิงมณีเลยหลุดปากพูดเรื่องที่คุณหญิงสั่งคนเผาบ้านจนอุ่นแม่ของบุปผาตายในกองไฟ บุปผาแค้นใจจะไปเอาเรื่องคุณหญิงมณีเข้าคุก แต่อิ่มขอร้องบอกรับปากกับเจ้าคุณเทพไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้กับใคร ถ้าบุปผาไปเอาเรื่องคุณหญิงมณีเจ้าคุณเทพต้องโกรธมาก เจ้าคุณเทพไม่อยากเอาเรื่องคุณหญิงมณีเพราะเห็นแก่มัทนา
เมื่อบุปผาไม่สามารถเอาเรื่องคุณหญิงมณีที่วางแผนฆ่าแม่ของตนเข้าคุกได้ เพราะทั้ง เจ้าคุณเทพและอิ่มเห็นแก่มัทนา บุปผาจึงคิดว่ามัทนาก็ควรจะสูญเสียอะไรให้ตนบ้าง บุปผาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกมัทนาเพื่อข่มขู่ให้มัทนาถอนหมั้นและเลิกยุ่งเกี่ยวกับไอศูรย์เสีย ถ้าไม่อยากให้คุณหญิงมณีแม่ของเธอถูกจับเข้าคุก มัทนารู้ความจริงก็เสียใจมากเธอจึงถอนหมั้นกับไอศูรย์ทันทีเพื่อปกป้องมารดา
ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลที่มัทนาขอถอนหมั้นกับไอศูรย์เลย โดยเฉพาะตัวไอศูรย์เอง เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร ไอศูรย์พยายามถามมัทนาแต่เธอก็มักจะหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบเขาเลย จนกระทั่งวันหนึ่งไอศูรย์ดักพบมัทนาจนได้ มัทนาอยากให้ไอศูรย์ตัดใจจึงโกหกว่าตอนนี้เธอรักอยู่กับคุณเพชรทำให้ไอศูรย์เสียใจมาก บุปผาจึงใช้ช่วงเวลานี้ปลอบใจไอศูรย์แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะใจไอศูรย์ได้ ไอศูรย์ปฏิเสธความรักที่บุปผามีต่อเขาแม้จะไม่มีมัทนาแล้วก็ตาม บุปผาเสียใจมากแต่ก็ไม่ยอมแพ้ บุปผาต้องการเอาไอศูรย์มาเป็นของตัวเองให้ได้จึงวางแผนมอมเหล้าไอศูรย์และสร้างเรื่องว่าไอศูรย์ปลุกปล้ำเธอ ทำให้ไอศูรย์ต้องยอมตกลงแต่งงานกับบุปผา
แม้คุณหญิงแจ่มจันทร์แม่ของไอศูรย์จะไม่ชอบบุปผาเพราะมีแม่เป็นแค่หญิงชาวบ้านต่ำต้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมจัดงานตามประเพณีเพราะเห็นแก่เจ้าคุณเทพ
ขณะที่บุปผากำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องแต่งงานกับไอศูรย์นั้นเอง มัทนาที่หัวใจเจ็บช้ำเพราะรู้เรื่องที่ไอศูรย์กำลังจะแต่งงานกับบุปผา จึงมาเยี่ยมสินที่ไม่มีคนดูแล มัทนาได้พาหมอมารักษาสินที่เธอเคารพรักเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนอาการอัมพาตของสินเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หมอกลับพบว่าสินกำลังป่วยหนักด้วยโรคใหม่
ก่อนวันแต่งงานผกาที่กำลังลำบากเพราะถูกตำรวจปิดซ่องเพิ่งรู้เรื่องว่าบุปผาได้ดีไปเป็นลูกสาวเจ้าคุณเทพก็มาหาบุปผาเพื่อขอเงิน แต่บุปผาไม่ยอมให้เพราะแค้นใจที่เคยถูกผกาโขกสับและบังคับให้ขายตัว จึงไล่ผกาไปอย่างหมูอย่างหมา ผกาเสียใจและแค้นใจมากจึงตั้งใจจะทำลายงานแต่งงานของบุปผา
เมื่อวันแต่งงานของบุปผาและไอศูรย์มาถึง ผกามาเจอมัทนาที่เดินเศร้าอยู่หน้างานจึงบอกมัทนาว่าเธอคือแม่ที่เคยเลี้ยงดูบุปผามาก่อนเพิ่งรู้ข่าวว่าบุปผาจะแต่งงาน แต่เข้าไปในงานไม่ได้เพราะลืมเอาบัตรเชิญมา จึงขอให้มัทนาพาเธอและเพื่อนๆเข้าไปแสดงความยินดีกับบุปผาด้วยเพราะบุปผาสั่งคนงานห้ามไม่ให้คนที่ไม่มีบัตรเชิญเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผกามาป่วนในงานของตน พอผกาและเหล่าโสเภณีเข้ามาในงานเลี้ยงได้สำเร็จ ผกาก็เปิดเผยความจริงว่าบุปผาคือโสเภณีที่เคยทำงานในซ่องของตนมาก่อน บรรดาโสเภณีที่อยู่ในสังกัดของผกาก็ออกมาช่วยกันพูดเป็นพยาน คุณหญิงแจ่มจันทร์อับอายมากเลยประกาศยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมด
บุปผาแค้นใจมากคิดว่ามัทนาพาผกามาทำลายงานแต่งงานของตนจึงเปิดโปงเรื่องที่คุณหญิงมณีแม่ของมัทนาเป็นคนสั่งวางเพลิงเผาบ้านจนแม่ของตนต้องตาย คุณหญิงมณีโกรธมากจึงไปหยิบปืนจะมาฆ่าบุปผา แต่มัทนามาปกป้องบุปผาและขอร้องให้แม่ไว้ชีวิตน้องสาวตน คุณหญิงมณีคับแค้นใจระบายทุกอย่างออกมาว่าที่ทำไปเพราะหมอดูทำนายว่ามัทนาจะถูกน้องของตัวเองฆ่าตาย จังหวะนั้นเองบุปผาแย่งปืนจากคุณหญิงมณีมาได้จะเล็งปืนไปที่มัทนาด้วยความแค้นจึงคิดจะฆ่ามัทนาเสีย เจ้าคุณเทพขอร้องบุปผาเพราะไม่อยากให้พี่น้องฆ่ากันเองแต่บุปผาไม่ฟัง แต่วินาทีที่บุปผาลั่นไก ก็มีเสียงปืนจากอีกกระบอกดังขึ้น ! บุปผาทรุดตัวลงแล้วหันไปเห็นว่าเป็นสินนั่นเองที่เป็นคนยิงเธอ แต่บุปผายังไม่ตาย แค่โดนยิงถากๆสินกำลังจะยิงซ้ำแต่มัทนาขอร้องไว้ บุปผาไม่คาดคิดว่าสินจะหาย สินแค้นใจพูดพรั่งพรูความแค้นบอกว่าถึงแม้เขาจะหายจากอัมพาต แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องตายอยู่ดีเพราะเขาติดโรคร้ายมาจากบุปผา พูดจบสินก็ยิงตัวเองตาย บุปผาตกใจมากที่รู้ว่าตัวเองเป