พรายสังคีต
พรายสังคีต
เรตติ้ง 4.5  

พรายสังคีต

ละครหลังข่าว พุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น.

บทประพันธ์ : เจนศิลป์ บทโทรทัศน์ : ณ.ภัทรพร

อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ , พิมประภา ตั้งประภาพร , ศรราม เทพพิทักษ์ , วัชรบูล ลี้สุวรรณ , พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ , ณัฐชา นวลแจ่ม , ญาดา เทพนม , ปริตา ไชยรักษ์ , วริศรา กาญจน์วีระโยธิน , สุดา ชื่นบาน , ปนัดดา เรืองวุฒิ , ชรัส เฟื่องอารมย์ , อุเทน พรหมมินทร์ , บุญโทน คนหนุ่ม , รตวรรณ ออมไธสง

เรื่องย่อพรายสังคีต

เมื่ออาถรรพ์แห่งบทเพลงไทยเดิมเริ่มบังเกิด จนมีผู้สังเวยชีวิต นักศึกษาสาวผู้อยู่ในวงดนตรีไทย และชายหนุ่มผู้เป็นทายาทรุ่นล่าสุด จึงต้องสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในบทเพลงนั้น จนตำนานความรักและโศกนาฏกรรมที่นำไปสู่ความตายถูกเปิดเผย การปลดปล่อยวิญญาณอาฆาต คือหนทางสุดท้ายที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ

ตำนานรักที่ซ่อนซุกทุกคำร้อง...โศกนาฏกรรมสุดสยองยังเร้นไว้
ใครสู่รู้เอาความตายมาแลกไป...พรายสังคีตจะล่าไล่ให้ชั่วกาล !

การเปลี่ยนแปลงโจทย์เพลงที่จะใช้ในการประกวดดนตรีไทยระดับอุดมศึกษา ภายใต้ชื่องาน ‘สังคีตศิลป์ถิ่นไทย’ อย่างกะทันหัน จากเพลงบุหลันมาเป็นเพลงแขกมอญ ส่งผลให้ผู้ดูแลวงดนตรีอย่าง โฉมยงค์ (ปนัดดา เรืองวุฒิ) เป็นทุกข์มาก เพราะรู้ดีว่านักดนตรีจากมหาวิทยาลัยคู่แข่งมีความชำนาญในการบรรเลงเพลงแขกมอญชนิดหาตัวจับยาก นั่นทำให้ลูกศิษย์ของหล่อนตกเป็นรองตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งด้วยซ้ำวันแข่งขันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หนทางเดียวในการแก้ไขปัญหาที่โฉมยงค์พอจะนึกออกก็คือหาเพลงแขกมอญฉบับที่แตกต่างออกไปจากของคู่แข่ง หล่อนมองไม่เห็นใครที่จะช่วยได้นอกจาก ยชญ์ (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) อดีตนักศึกษาของภาควิชาสังคีตศิลป์

ยชญ์เป็นเจ้าของร้านเสียงสังคีต ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องดนตรีไทยที่เก่าแก่มากที่สุดร้านหนึ่ง ที่สำคัญชายหนุ่มเป็นทายาทของตระกูล ‘วิจิตรวาทิน’ ตระกูลนักดนตรีเก่าแก่ที่สืบทอดเชื้อสายกันมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บรรพบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของตระกูลนี้คือ ครูพุก (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ซึ่งเป็นเอตทัคคะด้านการบรรเลงซอสามสายในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยครูพุกได้ประพันธ์เพลงแขกมอญทางเดี่ยวซอสามสายเอาไว้ ชื่อเพลง ‘ท่วมธรณี’ ยชญ์มีผู้ช่วยสาวที่ชื่อ อิงอร (ณัฐชา นวลแจ่ม) ซึ่งยชญ์ชื่นชมในการทำงานและนิสัยใจคอมากโดยไม่รู้ว่าที่อิงอรมาทำงานกับยชญ์ก็เพื่อจะหาโอกาสขโมยโน้ตเพลงพรายคลั่งตามคำสั่งของ ปกรณ์ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) แฟนหนุ่มผู้มีใบหน้ามีแผลเป็นที่น่ากลัวด้านหนึ่งและเป็นเหลนของ นายกล้า (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) ลูกชายบุญธรรมของ ครูเทิด (ศรราม เทพพิทักษ์)  ปกรณ์เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ตกอยู่ในบ่วงเวรกรรมจากคำสาปแช่งของครูเทิด ปกรณ์ผู้ซึ่งฝึกฝนสมาธิจนสามารถใช้ทิพจักขุญาณในการล่วงรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ไม่ทันการณ์เพราะยชญ์ได้มอบสำเนาโน้ตเพลงทางเดี่ยวซอสามสายพร้อมทั้งบทร้องให้แก่โฉมยงค์เพื่อนำไปให้นักศึกษาฝึกซ้อมสำหรับการประกวดที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ โดยนักดนตรีที่จะทำการบรรเลงซอสามสายคือ เมญากร (พิมประภา ตั้งประภาพร) ส่วนผู้ทำการขับร้องคือ พวงแพร (ปริตา ไชยรักษ์)

ครั้งแรกที่เมญากรเห็นโน้ตและตั้งท่าจะสีซอ สายซอทั้งสามก็ขาดผึงพร้อมกัน! ทั้งศิษย์ทั้งครูจึงต่างจุดธูปเพื่อขอขมาเจ้าของบทประพันธ์ผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ก็ยังคงเกิดเหตุการณ์แปลกๆชวนให้เด็กๆคิดไปว่าเพลงท่วมธรณีน่าจะมีอาถรรพ์อะไรสักอย่างโดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคือการกระทำของ ดร.พิบูล (อุเทน พรหมมินทร์) เพื่อต้องการให้ทีมแพ้เพราะหวังตำแหน่งและหุ้นส่วนใหญ่กับมหาวิทยาลัยคู่แข่ง แต่ในที่สุดโฉมยงค์ก็จับได้ว่าเป็นการกระทำของดร. ทำให้เด็กเลิกหวาดกลัวและกลับมาซ้อมเพลงกันอย่างจริงจัง ด้านปกรณ์นั่งสมาธิเห็นการตายของโฉมยงค์หลังการร้องเพลง ทำให้ปกรณ์รีบร้อนจะมาห้าม แต่เกิดวูบหมดสติต้องเข้าโรงพยาบาล  พวงแพรไม่สบายทำให้โฉมยงค์ต้องร้องเพลงท่วมธรณีแทนไปก่อน และระหว่างที่ซ้อมอยู่คนเดียวในห้องซ้อมซึ่งตรงกับคืนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง  โฉมยงค์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดกับตัวเอง เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากทวารทั้งเก้าของหล่อน แม้พยายามจะหยุดร้อง แต่กลับควบคุมตัวเองไม่ได้...หล่อนขาดใจตายในห้องดนตรีทันทีที่ร้องเพลงท่วมธรณีจบเพราะอาถรรพ์จากคำสาปของเทิดซึ่งเป็นพี่ชายของครูพุกและเป็นเจ้าของบทประพันธ์อันแท้จริง และเป็นการปลุกวิญญาณของเทิดที่ถูกจองจำให้ออกมาได้ ตำรวจไม่สามารถหาการตายของโฉมยงค์ได้ และสุดท้ายก็ลงความเห็นว่าโฉมยงค์ตายเพราะภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ในขณะที่วิญญาณของเทิดได้พยายามตามหากล้าและ ดวง (ญาดา เทพนม)เพื่อจะแก้แค้นอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่ากล้าได้กลับมาเป็นปกรณ์นั้นเอง ยชญ์ยังคงต้องทำหน้าที่ในการซ้อมเพลงท่วมธรณีต่อไป ทั้งๆที่เขารู้สึกแปลกๆ พวงแพรเองก็ไม่อยากร้อง แต่ในที่สุดเมื่อวันประกวดมาถึงพวงแพรก็ต้องร้องเพลงท่วมธรณี แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อพวงแพรเองก็เสียชีวิตด้วยลักษณะอาการคล้ายกับโฉมยงค์บนเวทีการประกวดนั้นเอง ยชญ์และเมญากรเริ่มแน่ใจว่า เพลงท่วมธรณีต้องมีอาถรรพ์จริงๆ ทั้งสองคนจึงเริ่มลงมือสืบ และในที่สุดก็ได้เจอกับปกรณ์โดยมีอิงอรเป็นสื่อให้ได้พบกัน จนทำให้ได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังของโน้ตเพลงท่วมธรณีว่าจริงๆแล้ว ผู้ประพันธ์เพลงนี้ก็คือครูเทิด ซึ่งเป็นพี่ชายของครูพุก ด้วยความแค้นในอดีตที่เกิดขึ้นกับกล้า ลูกชายบุญธรรมและดวงเมียรัก และที่ปกรณ์สามารถรู้เรื่องราวทุกอย่างได้ก็เพราะจากการเข้าฌานนั่งสมาธิที่มีหลวงพ่อเป็นคนสอนให้

ย้อนกลับไปสู่ปีพุทธศักราช ๒๔๓๕

หม้ายสาวลูกติดผู้สวยสะพรั่งนามว่า ดวง (ญาดา เทพนม) พาเจ้าแดงลูกชายวัยเจ็ดขวบมาขอเล่าเรียนระนาดเอกกับ ครูเทิด (ศรราม เทพพิทักษ์) เพียงครั้งแรกที่ครูเทิดเห็นหน้าแม่ดวงก็เกิดหลงรักในทันที เทิดเคยมีเมียมาแล้วคนหนึ่ง แต่หล่อนเสียชีวิตไปด้วยโรคเปลี่ยวดำ จากนั้นครูเทิดก็ครองตัวเป็นหม้ายมานานร่วมยี่สิบปี มุ่งมั่นในทางดนตรี ไม่เคยชายตาแลหญิงใด

ครูเทิดตัดสินใจรับเจ้าแดงไว้เป็นศิษย์ด้วยความหลงใหลในตัวแม่ของเด็กน้อย เขาแนะนำแม่ดวงให้รู้จักกับ กล้า (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) ลูกชายบุญธรรมทุกเขาเก็บมาชุบเลี้ยงตั้งแต่อ้อนแต่ออด กล้ารู้สึกคุ้นหน้าสตรีผู้นี้เป็นอย่างมาก แต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้เงียบ ๆ

นอกจากกล้าแล้ว ครูเทิดยังแนะนำให้แม่ดวงรู้จักกับ พุก (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) น้องชายของเขา พุกเป็นนักดนตรีซอสามสายผู้มากฝีมือ ได้รับการยอมรับในแวดวงนักดนตรีด้วยกัน พุกนั้นแตกต่างจากเทิดอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นชายเจ้าสำราญ รักอิสระ และค่อนข้างเจ้าชู้ เรื่องสุรานารีนั้นไม่เคยขาดตก เขาเดินทางไปเล่นดนตรีร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ไม่ว่าจะเยื้องย่างไปแห่งหนตำบลใดเป็นต้องได้เมียที่นั่น

พุกรู้ว่าพี่ชายหมายปองในตัวแม่ดวงและไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดกับการที่พี่ชายอยากได้แม่หม้ายมาทำเมีย เช่นเดียวกับกล้าที่ยินดีหากพ่อบุญธรรมจะได้คู่ชู้ชื่นมาคอยดูแลปรนนิบัติ ความสัมพันธ์ระหว่างครูเทิดกับแม่ดวงก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาชั่วไม่กี่เดือนแม่ดวงก็เข้ามาอยู่ในเรือนของครูเทิดในฐานะเมีย ส่วนเจ้าแดงก็กลายมาเป็นลูกชายบุญธรรมของครูเทิดอีกคน ทั้งพุกและกล้าต่างเอ็นดูเจ้าเด็กน้อยคนนี้มาก ท่ามกลางความชื่นมื่น ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วแม่ดวงคนนี้คือใคร ?

กระทั่งวันหนึ่งความจริงก็เริ่มปรากฏ เมื่อกล้าลองหยั่งเชิงถามเจ้าแดง และเด็กน้อยหลุดปากพูดความจริงออกมาว่าแท้จริงแล้วก่อนแม่ดวงจะย้ายเข้ามาในพระนคร หล่อนเป็นนางรำอยู่ที่อัมพวา ไม่ได้อยู่ที่อยุธยาเหมือนที่บอกใครต่อใคร...ฉับพลันกล้าก็นึกได้ว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน

เมื่อราวเจ็ดแปดปีก่อน กล้าเคยติดสอยห้อยตามพุกไปเล่นดนตรีที่อัมพวา ในงานเลี้ยงคืนหนึ่งมีคณะนางรำมาแสดง และพุกก็ไปติดพันนางรำคนหนึ่ง นางรำผู้นั้นชื่อแม่ดวง!

เมื่อนึกได้ว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อน ชายหนุ่มก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้ และได้ข้อสรุปว่าแม่ดวงจงใจหลอกทุกคน หล่อนมาทอดสะพานและสานสัมพันธ์กับครูเทิดด้วยเหตุผลบางอย่าง หนำซ้ำยังแกล้งทำเป็นไม่เคยรู้จักพุกมาก่อน กล้านึกสงสัยว่าเจ้าแดงอาจจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพุกก็เป็นได้

คืนหนึ่งกล้ามีโอกาสได้คุยกับแม่ดวงตามลำพัง เขาตัดสินใจถามเรื่องนี้และย้ำว่าหากแม่ดวงไม่ไปสารภาพความจริงกับทุกคน เขานี่แหละจะแฉแม่ดวงเอง ทั้งสองคนโต้เถียงกันโดยไม่รู้สักนิดว่า สิน นักดนตรีรุ่นพี่ในวงที่แอบอิจฉากล้ามานาน แอบฟังทุกคำพูดอยู่ไม่ไกล
หลังจากกล้าผละไปจากแม่ดวงแล้ว สินจึงฉวยโอกาสนั้นเข้าไปแนะนำแม่ดวงว่า หากอยากจะปิดปากกล้าให้สนิท ก็ให้ใช้ความสาวความสวยของแม่ดวงให้เป็นประโยชน์ เพราะผู้ชายนั้นจะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์และมารยาหญิง หากมัดใจกล้าได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะปากพล่อยเอาความลับของแม่ดวงไปบอกใคร

แม่ดวงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เหตุผลแท้จริงที่นำพาหล่อนมาที่นี่ เป็นเพราะหล่อนอยากจะเจอพุก ผู้ชายที่หล่อนรักและเป็นพ่อของเจ้าแดง หล่อนสงสารลูกที่ต้องกำพร้าพ่อ ถูกล้อถูกหยามว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ หล่อนแค่อยากให้เจ้าแดงได้พบเจอพ่อแท้ๆ สักครั้ง...แต่สิ่งที่ได้รับคือสายตาว่างเปล่าของพุก วันที่ครูเทิดแนะนำให้หล่อนกับพุกรู้จักกัน พุกไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ที่บ่งบอกว่าจดจำหล่อนได้เลยสักนิด เขาเพียงยิ้มทักทาย และเอ่ยเย้าเรื่องที่พี่ชายของเขาชื่นชมในตัวหล่อน เมื่อหนุ่มเจ้าสำราญรักสนุกอย่างพุกจำจดหล่อนไม่ได้ แม่ดวงจึงทำได้เพียงซ่อนความขมขื่น หล่อนเริ่มมองหาหนทางอื่นที่จะให้ลูกชายได้อยู่ใกล้ชิดพ่อ...ท้ายที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจใช้ความรักของครูเทิดเป็นเครื่องมือ หล่อนตกลงปลงใจกับครูเทิด และได้พาลูกชายย้ายเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับพุกสมความตั้งใจ
แม่ดวงคิดจะเก็บความลับทั้งหมดนี้ไปจนตัวตาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากล้าจะจำหล่อนได้ หากเขาเอาความจริงไปเปิดเผย หล่อนกับลูกชายคงถูกตะเพิด ความฝันที่วาดหวังไว้คงสลาย เจ้าแดงคงยิ่งเสียใจหนัก...แม่ดวงใคร่ครวญถึงคำแนะนำของสิน หากไม่มีทางเลือก หล่อนคงต้องใช้ความสวยและเรือนร่างนี้แหละเป็นเครื่องปิดปากกล้า

ระหว่างนั้นเองสินก็ไปยุยงครูเทิด ว่าแม่ดวงกับกล้าลักลอบคบชู้กัน แรกเริ่มเทิดไม่เชื่อ ทั้งยังโมโหจนเกือบจะตะบันหน้าคนพูด แต่พอสินยืนกรานหนักแน่น หัวใจของเทิดก็หวั่นไหว เพราะขนาดตัวเขาเองไม่ชายตาแลสตรีใดมาเกือบยี่สิบปี ยังใจอ่อนยวบเมื่อมาเจอเสน่ห์ของแม่ดวง แล้วนับประสาอะไรกับชายที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มอย่างกล้า...ความระแวงเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของครูเทิดอย่างเงียบ ๆ เขาคอยจับตาดูพฤติกรรมของเมียรักและลูกชายบุญธรรมอยู่ห่าง ๆ ยิ่งเมื่อสังเกตเห็นว่ากล้าชอบลอบมองแม่ดวงเป็นระยะ เขาก็ยิ่งหวั่นไหว เกรงคำพูดของสินจะเป็นจริง
และแล้ววันแห่งความย่อยยับก็เดินทางมาถึง...เมื่อแม่ดวงแอบย่องออกจากห้องกลางดึกคืนหนึ่งเพื่อไปหากล้าที่ห้องนอน หล่อนเปลือยอกตั้งใจจะบำเรอกามให้กล้า แต่ชายหนุ่มไม่เล่นด้วย กล้ามีคนรักอยู่แล้วชื่อ แม่วัน (ณัฐชา นวลแจ่ม) และเขาก็ไม่เคยคิดจะทรยศพ่อบุญธรรมของตัวเอง แม่ดวงนั้นจนปัญญา หล่อนได้แต่ร่ำไห้ ก้มกราบวิงวอนชายหนุ่ม หล่อนแค่อยากให้เจ้าแดงได้อยู่ใกล้พุก หล่อนสัญญาว่าจะไม่นอกใจครูเทิด จะปรนนิบัติและทำหน้าที่เมียอย่างดี จะมองพุกเป็นเพียงน้องผัว ขอให้กล้าเห็นใจหล่อนและเห็นแก่เจ้าแดง

กล้ารับฟังด้วยความสะเทือนใจ เขาขอร้องให้แม่ดวงนุ่งผ้าผ่อนให้เรียบร้อย พร้อมกับรับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใคร หากแม่ดวงจะซื่อสัตย์ต่อพ่อของเขาตลอดไป เขาก็พร้อมจะลืมเรื่องในอดีต เพื่ออนาคตที่สวยงามของทุกคน ทว่าดูเหมือนจะไม่มีคำว่าอนาคตสำหรับกล้าและแม่ดวงอีกต่อไป เพราะตอนนั้นเองครูเทิดผลักประตูห้องกล้าเข้ามา และภาพที่เห็นคือแม่ดวงที่ยังเปลือยอกอยู่กับกล้าตามลำพัง

ความโกรธเกรี้ยวรุนแรงทำให้ครูเทิดสั่งให้บ่าวไพร่จับตัวหญิงชั่วชายโฉดไปขังไว้ เขาพยายามเปิดโอกาสให้กล้าพูดความจริง แต่กล้ากลับเอาแต่นิ่งเงียบ ชายหนุ่มรับปากแม่ดวงไว้แล้วว่าจะไม่แพร่งพรายความลับของหล่อน เขาก็ทำตามคำพูด แม่ดวงคิดจะสารภาพความจริงเพื่อช่วยกล้าให้พ้นผิด แต่กล้าห้ามไว้ เพราะเห็นว่าเปล่าประโยชน์ ในเมื่อพุกจำแม่ดวงไม่ได้ ก็คงไม่มีทางยอมรับแม่ดวงในฐานะเมียหรืแม่ของลูก ยิ่งรื้อฟื้นอดีตไปก็มีแต่จะยิ่งทำร้ายจิตใจแม่ดวงและเจ้าแดงเท่านั้นเอง

ทางด้านพุกก็ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ความจริงประการหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกใครก็คือ เขาจำแม่ดวงได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ในชีวิตนี้เขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน มีจำนวนไม่น้อยที่เขาสานสัมพันธ์ด้วยแล้วก็ลืมเลือนกันไป จะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เขารู้สึกหลงรักอย่างจริงจัง หนึ่งในนั้นก็คือแม่ดวง...นางรำจากอัมพวา

พุกรู้จักตัวเองดี เขาเป็นคนอ่อนแอ กลัวการผิดหวัง กลัวจะถูกทอดทิ้ง จึงเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงคราวละหลายราย และเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถลำลึกกับความสัมพันธ์ใด เขาก็จะสะบั้นความสัมพันธ์นั้นเสีย เขาไม่อยากตกเป็นทาสความรัก ไม่อยากกลายเป็นคนอ่อนแอ...นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจจากแม่ดวงมา บัดนี้พุกแทบไม่อยากเชื่อว่าคนกตัญญูอย่างกล้าน่ะหรือ จะลักลอบเป็นชู้กับแม่ดวงได้ แต่เมื่อหลักฐานมันมัดตัวแน่นหนาถึงเพียงนี้ ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

อีกคนหนึ่งที่ทุกข์ใจกับเรื่องนี้คือแม่วัน คนรักของกล้า หล่อนกำลังอุ้มท้องลูกของกล้า จึงมาขอร้องให้พุกช่วยพาไปพบกล้า เพราะมีแต่พุกคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ากล้าถูกขังอยู่ที่ไหน สุดท้ายพุกก็ใจอ่อนยอมพาแม่วันไป

ตอนที่ทั้งสองคนไปถึง กล้าอยู่ในสภาพสะบักสะบอมจากการถูกซ้อมและไม่ได้รับการรักษา ส่วนแม่ดวงก็ดูอ่อนแรงเต็มที่เพราะขาดข้าวขาดน้ำ พุกมองสภาพผู้หญิงที่ตนรักด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้หล่อนตายไปต่อหน้าต่อตาได้ บางทีนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะไถ่บาปได้

คืนนั้นพุกตัดสินใจช่วยพากล้า แม่วัน แม่ดวง และเจ้าแดง หนีกลับไปบ้านแม่ดวงที่อัมพวา

ทางด้านครูเทิดก็จมอยู่ในห้วงทุกข์ เขานึกถึงความดีและความกตัญญูของลูกชายบุญธรรมที่เขาชุบเลี้ยงมากับมือ พลันก็รู้สึกว่าตัวเองทำรุนแรงกับลูกชายเกินไป อย่างน้อยก็น่าจะไต่สวนพูดคุยกันดี ๆ  คิดได้ดังนั้นเทิดจึงรีบไปที่ห้องขังท้ายป่า เพื่อจะพบว่ากล้ากับแม่ดวงหนีไปแล้ว จากความเมตตา แปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาต เพราะคิดว่าจำเลยทั้งคู่พากันหนีไปเสวยสุข เขาสาบานกับตัวเองว่าจะตามล่าหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นจนกว่ามันทั้งสองจะตาย

ครูเทิดเหมือนคนที่ตกนรกทั้งเป็น วัน ๆ เขาเอาแต่ดื่มเหล้า ไม่พูดไม่จากับใคร เว้นแต่สบถคำหยาบ ด่าทอสาปแช่งกล้าและแม่ดวง ข้าวปลาอาหารที่บ่าวไพร่หามาให้ก็ไม่แตะต้อง แม้กระทั่งดนตรีไทยที่เคยเป็นดั่งชีวิตจิตใจเขาก็ไม่เหลียวแล งานจ้างงานแสดงที่เคยรับไว้ ก็เบี้ยวไม่ยอมไปตามนัด เขากลายสภาพเป็นคนไม่เต็มคน ร่างกายผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ เขาส่งคนออกไปตามล่าตัวกล้ากับแม่ดวง แต่หาตัวทั้งสองไม่พบ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ครูเทิดไปพบชายสูงวัยผู้หนึ่งซึ่งเป็นอดีตหมอคุณไสย เพื่อขอคาถาที่จะใช้ในการกำจัดกล้าและแม่ดวง ในเมื่อตามหาตัวไม่เจอ เขาก็จะใช้คุณไสยนี่แหละเล่นงานหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นให้ตายตกไปตามกัน...เดิมทีหมอคุณไสยผู้นี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือ แต่ครูเทิดถือไพ่เหนือกว่า สุดท้ายจึงสามารถบีบบังคับอีกฝ่ายได้สำเร็จ ถึงกระนั้นหมอคุณไสยก็ได้ย้ำเตือนเรื่องอันตรายจากการใช้คุณไสย คนที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จะต้องมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตน เพื่อไม่ให้ผลเสียย้อนเข้าตัว แต่ครูเทิดไม่มีวิชาอาคมใดๆ เลย เขามีเพียงความแค้นเป็นที่ตั้งเท่านั้น

หลังได้คาถาที่ตนต้องการมาแล้ว ครูเทิดก็เปลี่ยนจากคนที่เอาแต่กินเหล้าเมาหัวราน้ำ กลับมาเป็นชายผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่แตะเหล้ายาอีกเลย จนใครต่อใครหลงคิดว่าบาดแผลในใจของเขาทุเลาเบาบางลงแล้ว ครูเทิดใช้เวลาในแต่ละวัน หมดไปกับการแต่งบทร้องเพลงใหม่ขึ้นมา...บทเพลงที่บอกเล่าความรู้สึกนึกคิดของเขาพร้อมทั้งตั้งชื่อว่า ‘ท่วมธรณี’เขาตั้งสัตย์ต่อตัวเองว่าจะขอผูกพยาบาท ตามไล่ล่ากล้าและดวง รวมถึงหน่อเนื้อเชื้อไขของพวกมันทั้งสองทุกชาติไป...และหากเขาจะจองจำวิญญาณของตัวเองไว้กับอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นต้องไม่มีวันสูญสลายไปตามกาล นั่นก็คือดนตรีที่ไม่มีวันตายจากโลกนี้

ครูเทิดสิ้นใจตายในระหว่างทำพิธีกรรมด้วยอาการเลือดออกจากทวารทั้งเก้า เช่นเดียวกับกล้าและแม่ดวง ที่แม้จะรอดพ้นจากการคุมขังไปได้แล้ว แต่ไม่อาจหนีพ้นอำนาจแห่งคุณไสย ทั้งสองคนสิ้นใจตายในเวลาเดียวกับครูเทิด ด้วยอาการเดียวกันทุกประการ...

ทั้งหมดพยายามที่จะช่วยกันหาทางแก้ไข เรื่องราวต่างๆ แต่ไม่ทันการเพราะเทิดได้เจอกับปกรณ์ก่อน และเห็นว่าปกรณ์หน้าตาเหมือนกล้าก็รู้ทันทีว่ากล้ากลับชาติมาเกิด จึงจับตัวปกรณ์ไปขังไว้และพยายามตามหาดวงเพื่อจะให้ทั้งคู่มาชดใช้กรรมในชาตินี้อีก แต่ก็หาดวงไม่เจอ ในระหว่างที่ปกรณ์ถูกขังอยู่ ปกรณ์พยายามนั่งสมาธิเพื่อค้นหาความจริงในอดีต เพราะเขาไม่เชื่อว่ากล้าและดวงจะเป็นชู้กัน และได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ทำให้ปกรณ์ติดตามเสียงผู้หญิงไป จนได้พบที่คุมขังแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ อิงอรร้อนใจที่ปกรณ์หายไป บอกกับยชญ์ ยชญ์และเมญากรสงสัยว่าปกรณ์อาจจะถูกขังอยู่ที่เรือนเก่าของเทิด และในที่สุดยชญ์เข้ามาช่วยแต่ก็โดนเทิดเล่นงานจนเกือบแย่ โชคดีที่ได้หลวงพ่อมาช่วยไว้และขังวิญญาณเทิดเอาไว้ในเรือน เพื่อไม่ให้ออกมา ปกรณ์เล่าให้หลวงพ่อฟังเรื่องที่คุมขัง และได้อาศัยบารมีของหลวงพ่อไปที่นั้นอีกครั้งจนได้พบว่าเสียงผู้หญิงที่ได้ยินก็คือวิญญาณของดวงที่ถูกกักขัง ไม่ได้ไปผุดไปเกิดจากอำนาจไสยดำที่เทิดได้สาปแช่งไว้ และดวงได้เล่าความจริงให้ปกรณ์ฟัง ว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่หลวงพ่อและปกรณ์ก็ไม่สามารถที่จะช่วยดวงออกมาจากที่คุมขังได้ หลวงพ่อบอกว่ามีเทิดคนเดียวที่จะไปช่วยดวงได้ ปกรณ์กลับมาเล่าให้ยชญ์ เมญากร และอิงอรฟังพร้อมทั้งไปหาพุกเพื่อสอบถามความจริง พุกจึงยอมเล่าเรื่องในอดีตที่ตัวเองเคยมีความสัมพันธ์กับแม่ดวง และตกลงใจที่ไปบอกความจริงกับเทิด

ทั้งหมดพากันไปหาเทิด แต่ด้วยความที่เทิดโกรธที่โดนหลวงพ่อขังไว้จึงไม่ยอมฟังและจับเมญากรกับอิงอรไปกักขังไว้ ยชญ์ และปกรณ์จะสามารถช่วยคนรักของเขาได้หรือไม่ และพุกจะยอมสารภาพความจริงในอดีตให้เทิดได้รับรู้หรือไม่ ความอาฆาตของเทิดจะจบลงตรงที่ใดต้องติดตามใน “พรายสังคีต”

แนะนำตัวละครพรายสังคีต

แกลลอรีพรายสังคีต