เรื่องย่อสะใภ้นางรำ
เรื่องย่อละครสะใภ้นางรำ
เรื่องราวนางรำของละครเร่ ที่ชะตาชีวิตต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย ...เรื่องหัวใจ เธอไม่เคยอาภัพเพราะได้รับความรักทั้งจากคุณชายผู้สูงศักดิ์ และเพื่อนชายคนสนิท สองหนุ่มพร้อมทำทุกอย่างเพื่อหญิงที่รัก แต่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองหัวใจเธอ
ไพรำ (พีพี พัชญา เพียรเสมอ)เป็นนางรำละครเร่ และอาศัยอยู่กับเพลิน(ขวัญฤดี กลมกล่อม)แม่ของเธอที่สลัมเล็กๆแห่งหนึ่ง กับน้องสาวของเธอคือพันไร(ชนัญญา พงษ์นาค) พร้อมด้วยตาของเธอคือตาพงษ์(ครูมืดประสาท ทองอร่าม) ซึ่งขาพิการเดินกระโผลกกระเผลก พ่อนั้นเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เธอยังเด็กด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่บ้านมีเพิ่มกับพวงซึ่งเป็นเด็กที่ตาพงษ์ รับเลี้ยงดูมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กเพราะพ่อแม่ของทั้งสองเสียชีวิต พร้อมกับพ่อของไพรำ ไพรำมีเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กคือบดินทร์(ณทรรศชัย จรัสมา)ที่คอยดูแล เอาใจใส่และคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอมา ขณะเดียวกันในสลัมแห่งนั้นก็ยังมีคณะละครของป้าผ่อน(กรองทอง รัชตะวรรณ) ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคณะแม่ของเธอ และนั่นทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ค่อยที่จะลงรอยกันเท่าไหร่นัก ป้าผ่อนมีลูกชายคนหนึ่งคือไอ้ศักดิ์ ซึ่งเป็นนักเลงหัวไม้และมักจะเกะกะระรานชาวบ้านเขาไปทั่ว โดยมีคู่หูคือไอ้โตกับไอ้เมฆซึ่งเป็นคนในสลัมเหมือนกัน วันหนึ่งไพรำถูกจ้างไปรำแทนนางรำที่ศาลพระพรหมกลางกรุงเทพ ในขณะที่เธอกำลังรำอยู่นั้นเอง คุณชายไปรเวศน์(แอมป์ พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ ) ที่เพิ่งกลับมาจากการไปศึกษาต่างประเทศ ได้มาสักการะท้าวพระพรหมเพื่อความเป็นสิริมงคลเพราะเขาไปจากเมืองไทย ไปศึกษาต่างประเทศหลายปี ก่อนที่เขาจะเจอกับไพรำ ซึ่งกำลังรำแก้บนอยู่ ทั้งสองสบตากัน ไพรำรู้สึกแปลกๆเป็นครั้งแรกตามประสาสาวรุ่น และเช่นเดียวกับคุณชายไปรเวศน์ที่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าภาพของไพรำนั้นติดตรึงเขายิ่งนัก เมื่อมาถึงบ้านคุณชายไปรเวศน์ก็รีบไปกราบรูปหม่อมพ่อของเขาซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน พ่อของคุณชายไปรเวศน์หรือหม่อมเจ้าพีระเดช ซึ่งเป็นนายทหารยศพลเอกและเคยเป็นถึงผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพไทยในอดีต และมักจะบอกทุกคนเสมอว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตใครบางคน พร้อมกับสอนคุณชายไปรเวศน์ ตั้งแต่เด็กว่าคนทุกคนเท่าเทียมกัน อย่าคิดว่าตัวเราสูงส่งกว่าใคร เพราะไม่แน่ว่าวันหนึ่งเราอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากคนที่ดูเหมือนจะต่ำต้อยกว่าเราก็ได้ นั่นจึงทำให้คุณชายไปรเวศน์เป็นคนง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองหรือถือเนื้อ ถือตัวแต่อย่างใด และนั่นก็เป็นเสน่ห์ที่หลายคนที่ได้อยู่ใกล้ต่างประทับใจในความสมถะและความเรียบง่ายของคุณชายไปรเวศน์ ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากปิยะวรรณ หรือหญิงวรรณ (กชกร ส่งแสงเติม) น้องสาวคนเดียวของเขาที่นิสัยจะคล้ายกับคุณหญิงจีริสุดา (ดวงใจ หทัยกาญจน์)ซึ่งมักจะถือยศ ถือศักดิ์ ข้าวของเครื่องใช้สอยส่วนตัวก็จะเป็นของหรูหรา ยี่ห้อดังและราคาแพง เพื่อนฝูงที่เธอคบจึงมักแต่เป็นพวกคนรวย หรือคนชั้นสูงของสังคมเป็นส่วนมาก และในงานนี้ยังมีอุษา (พิมพ์ชนก แก้วลุ่มใหญ่)ซึ่งเป็น ลูกของคุณนายไฉนวงศ์(ไปรมา รัชตะ)ไฮโซใหม่ ที่รู้กันว่าพยายามที่จะเป็นสะใภ้ของคุณหญิงจีริสุดาเพื่อทางขยับฐานะวงศ์ตระกูล และอุษาเองนั้นก็เป็นเพื่อนสนิทของหญิงวรรณ ลูกสาวคนเล็กของคุณหญิงจีริสุดาน้องสาวคนเดียวของคุณชายไปรเวศน์ แต่ดูเหมือนว่าคนที่คุณหญิงจีริสุดาจะถูกใจที่สุดกลับเป็นนาฎนดา (ใจบัว ฮิดดิง) ลูกสาวของเนื้อนวล(น้ำทิพย์ เสียมทอง)ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของคุณหญิงจีริสุดาเอง เนื่องด้วยคุณหญิงจีริสุดาเป็นผู้มีบุญคุณกับเนื้อนวล มารตี (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา)ของเธอ เป็นคนที่เหมาะกับคุณชายมากกว่า เพราะในอดีตทั้งสองเคยคบหากัน ก่อนที่จะห่างเหินกันไปเมื่อคุณชายไปเรียนต่อต่างประเทศ และมารตีเองก็เป็นหญิงสมัยใหม่ ไม่ง้อ ผู้ชาย รักสนุก และ สนใจทำงานมากกว่าอย่างอื่น
วันหนึ่งคุณชายไปรเวศน์ก็มีโอกาสได้เจอกับไพรำเมื่อเขามาคุยธุระที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งไพรำเองก็มาแสดงรำโชว์ในห้องอาหาร คุณชายไปรเวศน์เมื่อพบไพรำก็อาสาไปส่งเธอ แม้ไพรำจะปฎิเสธก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ลดละความพยายาม จนในที่สุดไพรำก็ตกลงยอมให้เขาไปส่งเธอ คุณชายไปรเวศน์ถือโอกาสพาเธอไปทานข้าวและพูดคุยสอบถามความเป็นมา
ไพรำกับคุณชายไปรเวศน์คบหาดูใจกันจนกระทั่งวันหนึ่ง มารตีแอบเห็นความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เธอจึงนำเรื่องมาบอกให้เนื้อนวลผู้เป็นแม่ของเธอฟังและแล้วเรื่องก็ถึงหูคุณหญิงจีริสุดาและยิ่งเมื่อเธอรู้ว่าลูกชายของเธอกำลังคบอยู่กับนางรำละครเร่ เธอห้ามคุณชายเด็ดขาดที่จะไปเกี่ยวข้องกับไพรำ แม้คุณชายจะคัดค้านและบอกว่าตัวเองโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็ตาม แต่คุณหญิงจีริสุดาก็ไม่ฟังและยื่นคำขาดว่าเขาจะต้องเลิกติดต่อกับไพรำอีกต่อไป แต่ก็ดูเหมือนว่าคุณชายเองก็ตัดใจจากไพรำไม่ได้
ในที่สุดคุณชายไปรเวศน์ก็ตัดสินใจบอกกับไพรำว่าอยากจะพาเธอไปกราบแม่ของเขา เพื่อแอบหวังว่าคุณหญิงจีริสุดาอาจจะเมตตาไพรำเมื่อได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่เป็นดังคิดเมื่อคุณหญิงจีริสุดาพบหน้าไพรำก็ดูหมิ่นและถากถางว่าไพรำกำลังจะเกาะลูกชายเธอกิน และกำลังตัดอนาคตของเขาและจะทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่สร้างสมกันมา คำพูดของคุณหญิงจีริสุดาทำให้ ไพรำเสียใจมาก เธอพยายามตัดใจจากคุณชายไปรเวศน์เพราะรู้ดีว่าเธอกับเขานั้นไม่มีทางที่จะลงเอยด้วยกันได้
คุณชายไปรเวศน์จึงพาไพรำหนีไปต่างจังหวัดและเมื่อตาพงษ์รู้ว่าไพรำไปค้างคืนกับคุณชายไปรเวศน์สองต่อสอง ก็ถามถึงความรับผิดชอบกับคุณชายว่าจะเอาอย่างไรและตนจะไม่ยอมให้หลานสาวของตัวเองเป็นดอกไม้ริมทางอย่างแน่นอน และนั่นเองทำให้คุณชายไปรเวศน์ต้องกลับไปคุยกับแม่ของเขาว่าตัวเองได้ไพรำเป็นเมียแล้ว และบอกว่าตนจะแต่งงานไม่ว่าคุณหญิงจีริสุดาจะยอมหรือไม่ก็ตามเพราะครอบครัวของไพรำคงไม่ยินยอมแน่ แต่คุณหญิงจีริสุดาก็วางแผนว่า ตนขอให้นำไพรำเข้ามาในบ้านเพื่ออบรมให้เป็นกุลสตรีก่อนเรื่องงานแต่งค่อยว่ากันอีกที
เมื่อไพรำเข้ามาในบ้านเธอก็ถูกปฎิบัติไม่ต่างจากบ่าวไพร่ แม้ว่าคุณชายไปรเวศน์จะบอกว่าเธอไม่ต้องทำงานบ้านต่างๆก็ตาม แต่ไพรำก็ยืนยันว่าตนยินดีทำ คุณหญิงจีริสุดาแอบมาบอกไพรำว่าลำพังตัวคุณชายเองก็เพิ่งจะทำงาน และต้องฝึกวินัยเรื่องการเงิน ถ้าเป็นไปได้ไพรำไม่ควรรับเงินที่คุณชายให้ ไพรำรับปากคุณหญิงจีริสุดาว่าตนจะไม่มีวันแบมือรับเงินจากใครทั้งสิ้น เพราะตนก็มีอาชีพอยู่แล้ว ทำให้ไพรำยังคงไปทำงานตามปกติของเธอเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวของเธอ และปฎิเสธเงินที่คุณชายพยายามจะให้เธอจนคุณชายไปรเวศน์รู้สึกแปลกใจ คุณชายไปรเวศน์เองก็พยายามจะเอาเงินแอบมาให้เพลินกับตาพงษ์แต่เพลินและตาพงษ์ก็ปฎิเสธไม่รับเงินเหมือนกัน จนคุณชายไปเวศน์เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวและหยิ่งในศักดิ์ศรีในตัวของไพรำและครอบครัวของเธอ คุณหญิงจีริสุดาบอกกับหญิงวรรณว่าตนจะไม่มีวันจัดงานแต่งอย่างแน่นอนแต่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไพรำออกไปจากบ้านให้จงได้
คุณชายไปรเวศน์แอบตามดู และตามเฝ้าไพรำอยู่ไม่ห่าง บางครั้งเธอก็เห็นเขาแอบนอนหลับอยู่ในรถ จนเพลิน ต้องเรียกไพรำมาคุยว่า บางทีไพรำกับคุณชายอาจจะเป็นคู่แท้กันก็ได้ เพลินบอกให้เธอเห็นแก่อนาคตของลูกที่กำลังจะเกิดมา ก่อนที่จะให้ไพรำลองคิดดู ส่วนตาพงษ์นั้นได้แต่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ
จนในที่สุดไพรำก็กลับเข้าบ้านพร้อมกับคุณหญิงจีริสุดา คุณชายไปรเวศน์เมื่อเห็นลูกเมียก็รีบเข้าไปกอดไพรำและลูกน้อยแน่น เหมือนประหนึ่งกลัวว่าไพรำและลูกจะจากเขาไปอีก คุณหญิงจีริสุดามองไพรำอย่างเบาใจและสุขใจเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ