รักเร่
รักเร่
 

รักเร่

ละครหลังข่าว จันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น.

บทประพันธ์ : โสภาค สุวรรณ บทโทรทัศน์ : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ, ม.ล.สราลี กิติยากร,เขมนิจ จามิกรณ์,อรรคพันธ์ นะมาตร์,อัษฏา พานิชกุล,จารุณี สุขสวัสดิ์,มาริสา แอนนิต้า,ภาณุ สุวรรณโณ,นพพล พิทักษ์โล่พานิช

เรื่องย่อรักเร่

เรื่องย่อละครรักเร่

วายูน (เขมนิจ   จามิกรณ์) 
  นักศึกษาสาวไทยวัย  20 ปี   ที่มาเรียนวิชาแปลภาษาและล่ามอยู่ ณ มหาวิทยาลัยเวียนนา  ประเทศออสเตรียนั้น  ความฝันอันสูงสุดของเธอ  คือ การได้ทำงานเป็นล่ามในองค์การสหประชาชาติ  แต่ความฝันของเธอนั้นก็ใช่ว่าจะกลายเป็นจริงได้ง่ายๆ  เพราะนอกจากความยากของศาสตร์ที่เธอเลือกเรียนแล้ว  เธอก็ยังต้องอดทนต่อการเป็นอยู่ที่แร้นแค้นอีกด้วย  ทั้งนี้เป็นเพราะวายูนนั้นเป็นเด็กกำพร้า   เติบโตขึ้นมาได้จากการเลี้ยงดูของ  ตาผิน (สรพงศ์   ชาตรี)  อาภักดิ์ (ทูน หิรัญทรัพย์)  และ อาพร้อมจิต (พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าโสมสวลี  พระวรราชาทินัดดามาตุ) ซึ่งช่วยกันเลี้ยงเธอ  ภายหลังที่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเสียชีวิต  เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปพร้อมกัน  และด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่สู้จะดีนักนี้  ทำให้ชีวิตของวายูนในต่างประเทศค่อนข้างอัตคัดขัดสนเป็นอย่างยิ่ง  แต่เธอก็ไม่เคยบ่น สู้อดทน และมุ่งมั่นที่จะคว้าปริญญาไปให้ผู้เป็นตา  และอาทั้งสองได้ชื่นชมให้จงได้

เช้าวันหนึ่งวายูนตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปเรียนเช่นทุกวัน  แต่เธอกลับพบว่าเตียงของ ไฮดี้(มาริสา แอนนิต้า) เพื่อนรักที่เรียนร่วมชั้น  และเช่าห้องพักใต้หลังคาอยู่ด้วยกันนั้นว่างเปล่า  มีเพียงโน้ตเขียนทิ้งไว้สั้นๆ ว่าวันนี้ไฮดี้จะไม่ไปเรียน 1 วัน เพราะมีธุระ  วายูนจึงเดินไปเรียนแต่เพียงลำพัง

ที่มหาวิทยาลัย นิโคไล  โวดิอาคิน (อัษฎา พานิชกุล) เพื่อนร่วมชั้นเรียนของวายูน  ซึ่งเป็นคนรัสเซียเห็นไฮดี้ไม่มาด้วย  จึงฉวยโอกาสหาจังหวะเอ่ยปากบอกรักวายูน  แต่วายูนบอกว่ารักเขาอย่างเพื่อน  แต่นิโคไลก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ  เขายืนยันว่าแม้วันนี้เธอจะยังไม่รักเขา  แต่เขาก็จะรักเธอและรอวันที่เธอรักเขาให้จงได้  วายูนไม่คิดเลยว่านิโคไลจะมั่นคงในความรักของเขาดังเช่นที่ปากพูดอย่างนั้นตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว

แต่เย็นวันนั้นเมื่อวายูนเรียนเสร็จและกลับห้องเช่าก็พบว่าไฮดี้ป่วยหนัก เธอกับ คาร์ล(พิศาล ศรีมั่นคง) แฟนของไฮดี้จึงช่วยกันพาไฮดี้ส่งโรงพยาบาล วายูนจึงได้รู้ว่าสาเหตุที่ไฮดี้ป่วยหนักนี้ เพราะไปทำแท้งมา  คาร์ลบอกว่าเขาและไฮดี้ยังเรียนหนังสืออยู่ด้วยกันทั้งคู่  จึงยังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวร่วมกันในเวลานี้  วายูนอึ้งมากกับความคิดและการกระทำของเพื่อนรักของเธอ  และเมื่อไฮดี้ฟื้นขึ้นมา  เธอก็บอกวายูนว่าวิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมอย่างเรา  การมีลูกอาจทำให้เรียนไม่จบอนาคตที่วาดหวังไว้อาจพังทลาย  และแม้จะเสียใจเพียงไรแต่ก็ไม่เห็นทางออกที่ดีกว่านี้  และว่า..ถ้าวายูนไม่มาตกอยู่สถานะเช่นเดียวกันกับเธอ  วายูนก็คงไม่เข้าใจหรอก  วายูนนิ่งไปเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นเธอ  เธอจะตัดสินใจอย่างไร  จะทำแท้งอย่างเช่นไฮดี้หรือไม่  แต่วายูนเชื่อว่าเธอคงจะไม่ชิงสุกก่อนห่าม  มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับใครก่อนเวลาอันควร  เพราะฉะนั้นเธอก็คงจะไม่ต้องมาตัดสินใจทำสิ่งเลวร้ายดังเช่นที่ไฮดี้และคาร์ลตัดสินใจทำเช่นนี้เป็นอันขาด  วายูนคิดแต่จะเรียนให้จบได้ปริญญาเอากลับไปให้ตาและอาทั้งสองภาคภูมิใจให้ได้!

รามิล  รณลักษณ์ (อรรคพันธ์ นะมาตร์) ด็อกเตอร์หนุ่ม  หน้าตาดี  อนาคตทางวงการทูตไกล  เพิ่งมาถึงประเทศออสเตรีย  เพื่อรับตำแหน่งเลขาฯ โท คนใหม่  ท่านทูต (ท่านอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์) จึงได้แนะนำว่าให้เขาไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ของออสเตรียให้ทั่ว  เพื่อจะได้รู้จักประเทศนี้ได้ดียิ่งขึ้น  ปรัชญา(นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เพื่อนสนิทของรามิล  ซึ่งมีธุรกิจส่งออกเป็นกิจการของครอบครัวของเขาเอง ทำให้ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ  จึงแนะนำให้รามิลจ้างนักศึกษาไทยที่อยู่ในกรุงเวียนนาเป็นคนนำเที่ยว เพราะค่าจ้างจะถูกและพวกนักศึกษาเหล่านี้จะรู้จักสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ของออสเตรียค่อนข้างดีทีเดียว  รามิลเห็นด้วย  ในขณะที่ ดามพ์ (ภาณุ สุวรรณโณ) เพื่อนสนิทของเขาอีกคนกลับยุให้เขาจ้างนักศึกษาสาวๆ อย่างที่ปรัชญาแนะนำ  แต่ให้เป็นเพื่อนเที่ยวและเพื่อนนอนไปในเวลาเดียวกัน  ทำให้ปรัชญาไม่พอใจที่ดามพ์เห็นผู้หญิงเป็นเพียงของเล่น  เพื่อนทั้งสองของรามิลจึงมีปากเสียงกัน  รามิลจึงตัดบทว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้หญิง  ถ้าคนที่เขาจ้างมายินดีจะเป็นทั้งเพื่อนเที่ยวและเพื่อนนอน  รามิลก็ไม่ว่าอะไร 

รามิลตัดสินใจจ้างวายูนตามคำแนะนำของท่านทูตที่รู้จักกับวายูนมาก่อน  และเห็นว่าเป็นเด็กดีแต่ยากจน  นิโคไลไม่เห็นด้วยที่วายูนจะรับจ้างพารามิลออกตระเวนเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ในออสเตรียอย่างนั้น  มันเป็นความหวงในตัวผู้หญิงที่เขารักนั่นเอง และลึกๆ นิโคไลกลัวว่าวายูนจะเผลอใจไปกับนักการทูตหนุ่มคนนั้น  ที่มีทั้งรูปสมบัติ  และคุณสมบัติครบถ้วน  ผิดกับตัวเขา  ที่เป็นเพียงนักศึกษาจนๆ ชาวรัสเซียคนหนึ่งเท่านั้น  แต่วายูนยืนยันที่จะทำงานนี้  เพราะเธอต้องการหารายได้พิเศษเพิ่มมากขึ้น  เพราะเธอไม่ต้องการรบกวนเงินจากทางบ้านที่เมืองไทยมากเกินความจำเป็น

อีกคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับรามิลที่จะจ้างนักศึกษาไทยพาเที่ยวนี้  ก็คือ  คุณหญิงนิต้า(สุพรรษา  เนื่องภิรมย์) ภรรยาท่านทูต  ซึ่งเป็นเพื่อนรักกับ คุณนิตยา (จารุณี สุขสวัสดิ์)  ซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ของรามิล  และเลี้ยงดูรามิลมาตั้งแต่ยังเล็ก  หลังจากที่พ่อแม่ของรามิลตาย  คุณนิตยานั้นเป็นสาวใหญ่ไม่แต่งงาน  เพราะมีความเชื่อว่าผู้ชายที่เข้ามาหาเธอนั้นล้วนแล้วแต่หวังสมบัติของเธอมากกว่าจะจริงใจด้วย  หนำซ้ำคุณนิตยายังเอาความคิดความเชื่อนี้ฝังหัวรามิลอีกด้วยว่า  ผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวรามิลนั้น  ล้วนแล้วแต่หวังผลประโยชน์จากรามิลทั้งสิ้น  เพราะรามิลนั้นทั้งหน้าตาดี  มีฐานะ เป็นทายาทมหาเศรษฐีอย่างคุณนิตยา  และมีหวังจะได้เป็นทูตที่หนุ่มที่สุดของไทยคนหนึ่งเลยทีเดียว  คุณนิตยาจึงฝากให้คุณหญิงนิต้า  คอยเป็นหูเป็นตาแทนเธอ  คอยดูว่ามีสาวใดมาเกาะแกะหลานชายของเธอหรือไม่  คุณหญิงนิต้าเมื่อรู้ว่ารามิลจะจ้างนักศึกษาหญิงพาเที่ยว  ก็มองในแง่ร้ายขึ้นมาทันที  กลัวว่านักศึกษาหญิงผู้นั้นเมื่อรู้ว่ารามิลเป็นใคร  และมีฐานะอย่างไร  ก็อาจจะคิดจับแต่งงานหวังยกฐานะทางลัด  ทำให้คุณหญิงนิต้าไม่ชอบหน้าวายูนเลย  แล้วเลยพาลพาโลเอากับท่านทูตที่เป็นคนแนะนำวายูนให้กับรามิล  ทำให้สองสามีภรรยาต้องมีปากเสียงกันอยู่เนืองๆ  คุณหญิงนิต้าจึงตัดสินใจโทรไปบอกเรื่องนี้กับคุณนิตยาที่เมืองไทย  ทำให้คุณนิตยาตัดสินใจที่จะบินมาหาหลานชายที่ออสเตรียทันที ที่ปลีกตัวจากธุรกิจอันเร่งร้อนของเธอได้ อย่างไรก็ตาม  วายูนก็ได้พารามิลไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญๆ หลายแห่งของออสเตรีย  ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือดูแม่น้ำดานู้ป  ไปชมปราสาทที่ซัลบวร์ก  พระราชวังเชินบรุนน์  และที่อื่นๆ อีกมากมาย  ตลอดระยะเวลาที่วายูนทำหน้าที่นำเที่ยวนี้  รามิลก็แอบหลงปลื้มในความสวย  และเก่งในการใช้ภาษาต่างประเทศ  ซึ่งวายูนพูดและฟังได้ดีถึง 3 ภาษาเลยทีเดียว 

ขณะเดียวกันวายูนผู้ซึ่งขาดพ่อ  และเติบโตมาอย่างว้าเหว่  ก็เริ่มตกหลุมรักรามิล  ที่สุภาพ  อ่อนโยน  และดูอบอุ่น  ในที่สุด ณ บ้านพักริมทะเลสาบ  รามิลกับวายูนจึงมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งต่อกัน  ดามพ์คอยถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรามิลกับวายูนอย่างคะนองปาก  เป็นทำนองว่าถ้าได้ฟันแล้วก็ทิ้งไป  ทำให้ปรัชญาอดรนทนไม่ไหวชกต่อยกับดามพ์  และเมื่อคุณนิตยาบินมาถึงออสเตรีย  เธอก็ใช้เส้นสายทุกวิถีทางเพื่อย้ายรามิลให้ไปทำงานที่ประเทศอื่นในยุโรปแทน  แต่กว่าจะทำเรื่องย้ายได้  ก็เกิดเหตุอันไม่คาดคิดมาก่อน  นั่นคือวายูนท้อง!

วายูนมารู้ตัวว่าท้องเมื่อเป็นลมล้มไปหลังจากเรียนหนักติดต่อกันมาหลายชั่วโมง  โชคดีที่นิโคไลรับร่างของวายูนไว้ได้ทันก่อนจะฟาดพื้น  และพาไปหาหมอทันที  วายูนรู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงที่กลางใจเมื่อรู้ว่าเธอตั้งท้องกับรามิล  ผู้ชายคนแรกในชีวิตที่สอนให้เธอรู้จักคำว่า  “รัก”  แต่เธอก็สับสนไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น  เธอจึงตัดสินใจโทรบอกเรื่องนี้แก่รามิล  แต่ทว่ารามิลงานยุ่งมาก  ทั้งงานสถานทูต  และงานที่คุณนิตยา  และคุณหญิงแกล้งไหว้วานให้ทำ  เพื่อที่เขาจะได้ไม่มีเวลาไปพบกับวายูนอีก  โดยมีปัทมา(ณัฏฐพัชร  วิพัธตระกูล)คนสนิทของคุณนิตยา  กับ กัญญารัตน์(มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) คนสนิทของคุณหญิงนิต้าช่วยด้วยอีกแรง  ยิ่งปัทมานั้นเคยหลงรักรามิลมาตั้งแต่แรกสาว แต่รามิลไม่เคยมีตามองเธอเลยสักครั้ง   ปัทมาจึงคิดว่าเมื่อเธอไม่ได้รามิล  เธอก็จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนได้เขาไปง่ายๆ เช่นกัน  ปัทมาจึงเป็นตัวที่คอยช่วยคุณนิตยากีดกันวายูนไม่ให้เข้าถึงตัวรามิลได้  ขณะเดียวกัน เพียงเพ็ญ (ม.ล.สราลี  กิตติยากร) ซึ่งเพิ่งมาเรียนต่อด็อกเตอร์ที่นี่ด้วยทุนของบริษัทที่คุณนิตยาถือหุ้นใหญ่อยู่  ก็สนใจในตัวรามิลมาก  เธอพยายามให้ท่าเขาทุกอย่าง แต่รามิล กลับไม่สนใจ  เพราะกำลังงานยุ่งมาก  ดามพ์ที่มาหารามิลจึงถือโอกาสตีสนิทกับเพียงเพ็ญเสียแทน 

นิโคไลปวดใจมากเมื่อรู้ว่าวายูนท้อง  เขารักเธอ  และเฝ้าถนอมเธอ  ไม่เคยล่วงเกินแม้สักครั้ง เพราะรู้ว่าวายูนยังเป็นผู้หญิงเอเชียที่หัวเก่า แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอท้องกับรามิลผู้ชายชาติเดียวกัน และแม้เขาจะปวดใจเพียงใด  แต่ความรักที่เขามีต่อวายูนนั้นมากเกินกว่าที่เขาจะซ้ำเติมวายูนได้ลงคอ  นิโคไลจึงอาสาพาวายูนไปพบรามิลที่บ้านพักของเขา  วายูนขอให้นิโคไลรออยู่ข้างนอก เพราะเธออับอายในเรื่องที่จะพูดกับรามิล จึงไม่อยากจะพูดต่อหน้านิโคไล 

ในบ้านพักของรามิล  วายูนได้พบกับรามิลเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้พบหน้าเขามานานถึง 1 เดือน  รามิลเห็นวายูนก็ดีใจรีบเข้ามาโอบกอดอย่างคุ้นเคย  ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าการกระทำทั้งหมดนั้นล้วนอยู่ในสายตาของคุณนิตยาทั้งสิ้น   และแล้ววายูนก็บอกกับรามิลว่าเธอกำลังท้องลูกของเขา  แต่แทนที่รามิลจะดีใจ  เขากลับยืนนิ่งอึ้งตะลึงงันค้างอยู่  วายูนรู้สึกปวดใจกับอากัปกิริยานั้นของรามิลเป็นอันมาก  เธอนึกว่าเขาจะดีใจ  ไม่ใช่เงียบงันเช่นนี้  และในจังหวะที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ  คุณนิตยาก็ก้าวเข้ามา คุณนิตยาแกล้งใช้ให้รามิลไปหยิบของในห้อง  แล้วคุณนิตยาจึงฉวยจังหวะนี้เซ็นเช็คให้วายูนเป็นเงินจำนวนมาก  เพื่อให้ไปเอาเด็กในท้องออก  และใช้ดูแลรักษาตัวจนกว่าจะหายดี  แล้วเธอยังพูดจาดูถูกเหยียดหยามวายูน ที่บอกให้รู้ว่าวายูนนั้นไม่มีคุณสมบัติใดที่คู่ควรกับหลานชายสุดที่รักของเธอเลย  และแม้รามิลจะกลับเข้ามาเห็นวายูนรับเช็คไปจากคุณน้าของเขา  เขาก็ยังไม่พูดอะไรอยู่ดี  วายูนเห็นรามิลเงียบตลอด วายูนจึงรู้ว่ารามิลเห็นด้วยกับน้าของเขาที่จะให้เธอเอาลูกออก  วายูนโกรธจนตัวสั่น  ผิดหวังในตัวผู้ชายที่เป็นรักแรกของเธออย่างที่สุด  วายูนฉีกเช็คใบนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปาใส่หน้ารามิล  และตบหน้ารามิล  ก่อนจะวิ่งออกไป  แล้ววายูนก็เป็นลมอยู่ที่หน้าบ้านรามิลนั่นเอง  นิโคไลวิ่งเข้ามารับร่างของวายูนเอาไว้ได้ทัน  คุณนิตยาเห็นอย่างนั้น  เลยยิ่งยุรามิลว่าบางทีลูกในท้องของวายูน  อาจเป็นลูกของหนุ่มรัสเซียคนนั้นก็ได้  อย่าได้ตกหลุมพรางของผู้หญิงที่คิดจะยกฐานะตัวเองอย่างวายูนอย่างง่ายๆ  รามิลเองซึ่งเคยเห็นว่าวายูนนั้นอยู่ที่ออสเตรียนี้อย่างแร้นแค้นเพียงใด  จึงหลงเชื่อในน้ำคำของคุณนิตยาอย่างง่ายดาย

หลังจากกลับจากบ้านของรามิล  วายูนไม่พูดไม่จาอะไร  เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้าอย่างน่าเป็นห่วง  ยิ่งเมื่อรามิลตามมาพบเธอที่ห้องเช่าอีกครั้ง  พร้อมทั้งเอาเช็คใบใหม่มาให้เธอ  โดยยืนยันว่าเธอควรจะไปทำแท้งเสีย  เพื่ออนาคตที่ดีของเธอเอง  วายูนจึงถึงกับกรีดร้องใส่หน้ารามิล อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้  รามิลไม่ยอมไป  นิโคไลจึงลากตัวรามิลออกไป  รามิลโมโหที่ถูกเด็กนักศึกษาทำกิริยาหยามเกียรติเขาเช่นนั้น  จึงชกต่อยกัน  ศิวาคนขับรถคนสนิทของรามิลจึงรีบเข้ามาลากตัวรามิลกลับบ้านไปก่อนที่เรื่องจะลุกลามบานปลายไปกว่านั้น ศิราณี (รุ้งลาวัณย์  โทนะหงษา) พี่สาวของศิวา  ซึ่งเป็นแม่บ้านให้รามิล  รู้เรื่องทุกอย่างจากศิวา  แต่ศิวาบอกว่าเขาไม่เชื่อว่าวายูนจะเป็นเหมือนเช่นปัทมา  หรือเพียงเพ็ญ  ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือนใครเลย

หลังจากรามิลกลับไป  วายูนตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปทำแท้งเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว  เธอไม่ต้องการเก็บลูกที่พ่อของเด็กไม่ต้องการเอาไว้อีกต่อไป  แต่คืนก่อนหน้าที่เธอจะไปทำแท้งนั้น  เธอฝันเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้ามาจับมือเธอไว้  และเรียกเธอว่าแม่  ดังนั้นเมื่อวายูนไปถึงสถานที่ทำแท้ง  เธอก็นึกถึงความฝันนั้น  แล้วเลยตัดใจทำลายเด็กในท้องไม่ได้  วายูนตัดสินใจจะเก็บลูกเอาไว้  แม้นิโคไลและไฮดี้จะคัดค้าน  และพูดให้วายูนเห็นแก่อนาคตของตัวเองเพียงใด  แต่วายูนก็ตัดสินใจแล้วว่า  ไม่ว่าเธอจะยากลำบากเพียงใด  เธอก็จะเก็บเด็กเอาไว้  และลูกในท้องของเธอนี้  จะเป็นลูกของเธอแต่เพียงผู้เดียว 

แผนการของคุณนิตยาสำเร็จลงจนได้  เธอใช้เส้นสายจนรามิลถูกย้ายไปทำงานที่ประเทศอื่น  คุณนิตยาเชื่อว่าจะทำให้เรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างรามิลกับวายูนจบสิ้นลงได้  เธอเชื่อว่าวายูนจะต้องไปทำแท้งในที่สุด  แต่รามิลและคุณนิตยาคิดผิด  วายูนเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวกว่าที่ใครคิด  เธอยอมลำบากทุกอย่างเพื่อเก็บเด็กไว้  โดยไม่ขอความช่วยเหลือใดๆ จากผู้เป็นพ่อของเด็กเลยแม้แต่น้อย  โดยมีไฮดี้และนิโคไลคอยช่วยเหลือและดูแลอยู่ไม่ห่าง  นิโคไลบอกว่าแม้เธอจะเห็นเขาเป็นเพื่อน  แต่เพื่อนคนนี้จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอไม่ว่าเธอจะสุขหรือทุกข์  ทำให้วายูนซาบซึ้งในน้ำใจของนิโคไลมาก  แต่เธอก็ยังไม่อาจทำใจให้รักนิโคไลได้  จนเมื่อวายูนท้องแก่  เธอตัดสินใจดร็อปเรียนลงชั่วคราว  ไม่ปริปากบอกญาติผู้ใหญ่ทางเมืองไทยแม้เพียงสักเล็กน้อยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเธออยู่  อาพร้อมจิตเข้าใจว่าวายูนเรียนหนัก  จึงไม่บอกวายูนเรื่องตาผินตาย  เพราะกลัวว่าวายูนจะเสียการเรียน

ครั้นถึงวันคลอด  คนที่อยู่เคียงข้างวายูนก็ คือ นิโคไล  ยิ่งเขาเห็นวายูนเจ็บปวดจากการคลอดมากเท่าไหร่  เขาก็ยิ่งรัก สงสาร และเห็นใจเธอมากขึ้นเท่านั้น  วายูนไม่ยอมให้หมอบล็อกหลังหรือฉีดยาชาใดๆ ให้เธอ  เธอต้องการคลอดอย่างธรรมชาติที่สุด  และให้ความเจ็บนี้เป็นบทเรียนแก่ตัวเธอเองด้วยที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้กับผู้ชายที่ชื่อ  “รามิล”

ขณะเดียวกันรามิลก็ไม่เคยลืมวายูนเลย  แต่หน้าที่การงานอันยุ่งเหยิง  ประกอบกับคำกรอกหูจากคุณนิตยาเรื่องวายูนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีแต่คิดจะจับเขา  ไม่ต่างอะไรจากหญิงอื่นที่รามิลเคยพบพานมาและเคยสนุกด้วย  รามิลจึงกลับไปใช้ชีวิตหนุ่มอย่างเต็มที่ โดยมีดามพ์เป็นคู่หู  ทำให้ปรัชญาไม่พอใจนัก  ปรัชญาจึงมีปากเสียงกับรามิล  และบอกให้รามิลน่าจะลองติดต่อวายูนดูบ้าง  บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่รามิลคิด  แต่ดามพ์กลับพารามิลออกไปเที่ยวและบอกให้เขาลืมผู้หญิงที่ชื่อวายูนเสีย  รามิลจึงหยุดคิดถึงวายูน  และใช้ชีวิตร่อนเร่  เร่หารัก  ต่อไปอย่างสนุกสนานกับชีวิตอย่างเต็มที่

หลังคลอด  วายูนยิ่งมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากมากขึ้น  เพราะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของเด็กอ่อนมากขึ้น  แต่วายูนก็ไม่ยอมปริปากบอกญาติผู้ใหญ่ทางเมืองไทยอยู่ดี  อาพร้อมจิตตัดสินใจบอกเรื่องตาผินตายเพราะใกล้จะเผาแล้ว  ทำให้วายูนตกใจมาก  ทีแรกเธอคิดจะบินกลับไปเมืองไทยเพื่อร่วมพิธีศพ  แต่ติดที่เพิ่งคลอด   และอาพร้อมจิตก็ไม่ต้องการให้เธอกลับเมืองไทย เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีปัญญาส่งเธอกลับมาเรียนอีกหรือไม่  วายูนจึงยิ่งมุมานะที่จะต้องเรียนให้จบรับปริญญาให้ได้  แม้จะจบล่าช้ากว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปถึง 6 เดือนทีเดียว  และตลอดระยะเวลานั้นเธอก็ต้องทนสู้ต่อความยากลำบาก  ทั้งการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวแบบซิงเกิ้ลมอม  และการเรียนอันหนักหน่วงควบคู่กันไป  ทำให้วายูนผ่ายผอมลงมาก  แต่ตลอดระยะเวลาแห่งความยากลำบากนั้น  นิโคไลไม่เคยทอดทิ้งวายูนเลย  กระทั่งอาสารับเป็นพ่อเด็กให้แก่ลูกของเธอ  แม้วายูนจะปฏิเสธความหวังดีนี้  แต่เธอก็บอกตัวเองว่า..สักวัน..เธอจะพยายามรักเขาอย่างที่เขารักเธอให้ได้

ในที่สุดวายูนก็เรียนจนจบ ลีล่า (ด.ญ.จิรดา  โมแรน) ลูกของเธออายุเกือบขวบหนึ่งแล้ว  นิโคไลซึ่งเรียนจบก่อน  และได้งานทำที่นิวยอร์กวิ่งเต้นให้วายูนได้งานที่เดียวกันกับเขา  วายูนตัดสินใจโทรไปบอกข่าวดีนี้แก่อาพร้อมจิต  จึงได้รู้ว่าอาภักดิ์เพิ่งจะสิ้นใจด้วยโรคมะเร็ง วายูนจึงตัดสินใจจะเดินทางกลับเมืองไทย เพื่อไปร่วมพิธีศพอาภักดิ์ให้ได้  นิโคไลกับไฮดี้อาสาจะดูแลลีล่าให้จนกว่าเธอจะกลับมา แต่วายูนไม่ยอมเธอจะพาลูกน้อยไปด้วย  เธอพร้อมแล้วที่จะบอกความจริงอันน่าอับอายนี้แก่อาพร้อมจิต  ว่าเธอก้าวพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต  เธอมีลูกโดยไม่ได้แต่งงาน  หนำซ้ำผู้เป็นพ่อเด็กยังไม่รู้อยู่ที่ไหนในโลกนี้อีกด้วย     

วายูนพาลีล่ากลับมาถึงกรุงเทพฯ  อาพร้อมจิตตกใจมากเมื่อรู้ว่าวายูนมีลูก  แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว  และยังให้กำลังใจวายูนอีกด้วยว่า..ไม่มีใครหรอกที่ชีวิตจะไม่เคยทำเรื่องผิดพลาด แต่เมื่อคนเราก้าวพลาดไปแล้ว  หากแต่ยังมีสติที่จะกลับมายืนให้มั่นคงอย่างเดิมได้  เช่น วายูนกลับมามุ่งมั่นเรียนจนจบ  และได้เกียรตินิยมอีกด้วย  ทำให้เป็นที่ต้องการตัวให้ไปร่วมงานมากมาย  ชีวิตที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าย่อมต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน  วายูนจึงน้ำตาไหลเมื่อรู้ว่าอาพร้อมจิตให้อภัยเธอทุกอย่าง  หนำซ้ำยังตัดสินใจจะปล่อยบ้านให้เช่า  แล้วบินกลับไปเมืองนอกพร้อมวายูน  และช่วยวายูนเลี้ยงลีล่า  เพื่อให้วายูนได้ออกไปทำงานอย่างเต็มที่และสบายใจ  วายูนจึงได้ตระหนักว่า..กำลังใจจากคนในครอบครัวนั้นสำคัญเพียงใด  แม้อาพร้อมจิตจะไม่ใช่แม่  แต่ก็มีบุญคุณไม่ต่างอะไรจากแม่เช่นกัน

วายูนพาลีล่าและอาพร้อมจิตมาที่นิวยอร์ก เธอพร้อมจะเริ่มต้นชีวิตผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว  อาพร้อมจิตเห็นนิโคไลดีกับวายูนอย่างจริงใจ  และรู้ว่านิโคไลรักวายูนมากจึงยุให้แต่งงานกันเสีย  แต่วายูนก็ยังไม่ใจอ่อน  เธอยังเข็ดกับเรื่องความสัมพันธ์อยู่ไม่หาย

วันหนึ่งเพียงเพ็ญเกิดมาเห็นวายูนและลีล่าเข้า  ก็ปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่างได้  เธอรู้เรื่องวายูนท้องกับรามิลมาจากคุณนิตยา  แต่เพียงเพ็ญเชื่อว่าเด็กที่เธอเห็น  คือ ลูกของวายูนกับรามิลที่วายูนไม่เคยเอาออก  เพียงเพ็ญเอาความนี้ไปบอกคุณนิตยา  คุณนิตยาไม่เชื่อ  กลับมั่นใจว่าเด็กนั่นน่าจะเป็นลูกของวายูนกับนิโคไลมากกว่า  เพราะรู้ว่านิโคไลไม่เคยอยู่ห่างวายูนเลย  เวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ  นิโคไลก็ยังรักมั่นอยู่กับวายูนตลอดมา  แต่เพียงเพ็ญยืนยันว่าควรหาทางพิสูจน์ให้รู้แน่ว่าเด็กนั่นคือลูกของใคร  คุณหญิงนิต้า  คุณนิตยา  ปัทมา  กันยารัตน์  ช่วยกันวางแผนจนสามารถเอาของจากลีล่าไปตรวจดีเอ็นเอจนสำเร็จ  จึงรู้ว่าลีล่า คือ ลูกของรามิลจริงๆ  คุณนิตยาถึงกับตะลึงเมื่อรู้ว่าวายูนใจเด็ดกว่าที่คิด  คุณหญิงนิตยาให้กันยารัตน์ไปสืบจนรู้ว่า  กว่าวายูนจะผ่านมาจนถึงวันนี้ได้นั้น  ยากลำบากแสนเข็ญ  ตั้งแต่ต้องดร็อปเรียน  และหลบไปอยู่ที่เมืองวาเค้าช่วงท้องแก่  พ่อของไฮดี้รับวายูนเป็นลูกเพื่อความสะดวกตอนคลอด  และระหว่างรอคลอด  วายูนซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของพ่อแม่ของไฮดี้ที่เมืองวาเค้าก็ไม่เคยอยู่นิ่ง  รับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ  เพื่อเก็บเงินไว้ใช้เลี้ยงลูก  แม้คุณนิตยาจะแอบชื่นชมในความมุ่งมั่น  เด็ดเดี่ยว  และอดทนของวายูน  แต่เธอก็ไม่อยากให้วายูนเป็นหลานสะใภ้  เพราะได้หมายมั่นปั้นมือจะให้รามิลได้แต่งงานกับ ม.ร.ว.จุลมณี(พิมพิศา จิราธิวัฒน์)  ซึ่งชาติตระกูลดี  หน้าตาดี  และฐานะดี  เท่าเทียมกัน  คุณนิตยาจึงสั่งให้ทุกคนเก็บความลับเรื่องวายูนกับลูกนี้ไว้เป็นความลับ  ไม่ให้ใครแพร่งพรายให้รามิลรู้เป็นอันขาด

แต่เพียงเพ็ญ  ซึ่งยังมีความสัมพันธ์กับดามพ์เป็นระยะๆ  ตามประสาสาวสมัยใหม่  ที่ใช้ชีวิตเซ็กส์เสรีตามใจตน  อดปากสว่างไม่ได้  หลุดปากพูดเรื่องนี้กับดามพ์  ดามพ์จึงเอาไปบอกปรัชญา  ปรัชญาผู้ซึ่งยึดมั่นในความจริง  จึงบอกรามิล รามิลไม่เชื่อ  เพราะเชื่อที่คุณนิตยาบอกว่าส่งคนไปติดตามดูวายูนแล้ว  เห็นว่าวายูนไปทำแท้งแล้วจริงๆ  รามิลจึงคิดว่าเด็กที่เพียงเพ็ญเห็นน่าจะเป็นลูกคนใหม่ที่เกิดกับนิโคไลมากกว่า  แต่ปรัชญาบอกว่า  หากนับอายุเด็กจริงๆ  น่าจะไม่ใช่ลูกนิโคไล  แต่เป็นลูกของเขามากกว่า  รามิลอดรนทนไม่ได้  ตามสืบจนรู้ว่าวายูนอยู่ที่ไหน  เขาตามดูเธออยู่หลายวัน  จนเห็นเธออยู่กับเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพร้อมกับนิโคไล  และหญิงสูงวัย  ที่เขาได้ยินวายูนเรียกว่าอาพร้อม  เขาจึงนึกได้ว่าวายูนเคยเล่าให้เขาฟังเรื่องว่าอาเป็นผู้ส่งเสียและเลี้ยงดูเธอ   รามิลหาโอกาสเจออาพร้อมจิตและลีล่าโดยที่วายูนไม่อยู่  อาพร้อมจิตซึ่งไม่รู้ว่าเขาคือใคร  เข้าใจว่าคือคนไทยที่มาทำงานที่เมืองนอกเท่านั้น  อาพร้อมจิตจึงเล่าให้เขาฟังว่า  ลีล่านั้น  ชื่อจริงคือ  “รวินท์”  ที่แปลว่าดอกบัว  ซึ่งอาพร้อมจิตเป็นคนตั้งให้เอง  โดยเอาชื่อพ่อกับแม่มารวมกัน  รามิลถามว่าพ่อของเด็กชื่ออะไร  อาพร้อมจิตจึงบอกว่า  พ่อของลีล่า ชื่อ รามิล  แต่ตายไปแล้ว  ทำให้รามิลช็อคไปเมื่อรู้ว่าลีล่า คือ ลูกของเขาจริงๆ

รามิลไปต่อว่าคุณนิตยาที่ปิดบังเรื่องนี้กับเขา  คุณนิตยาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ  คนที่ให้ไปสืบกลับมาบอกว่าวายูนทำแท้งไปแล้ว  แต่รามิลไม่เชื่อคุณนิตยาอีกต่อไป  เขาทะเลาะกับคุณนิตยา  จนได้เห็นใบพิสูจน์ดีเอ็นเอ  ซึ่งยืนยันว่าลีล่า คือ ลูกของเขาที่เกิดกับวายูนจริงๆ  รามิลจึงตัดสินใจว่าจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่คุณนิตยาไม่ยอม  ทั้งคู่จึงทะเลาะกันรุนแรง  และคุณนิตยาขู่ว่าถ้ารามิลจะคว้าผู้หญิงไม่มีสกุลคนนั้นมาเป็นสะใภ้  ก็จะตัดเขาออกจากกองมรดก  แต่รามิลไม่สนใจเรื่องทรัพย์สินนอกกายอีกแล้ว  เขาตัดสินใจไปหาวายูน 

วายูนตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นรามิลมายืนตรงหน้า  และบอกว่าเขารู้แล้วว่าเธอไม่ได้ไปทำแท้งดังที่เคยบอกเขา  แต่วายูนยืนยันว่าลีล่า คือ ลูกของเธอเพียงคนเดียว  รามิลไม่มีสิทธิ์ข้องเกี่ยวแต่อย่างใด  และวายูนยืนยันว่าเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันอีกแล้ว  แล้วก็เดินจากไป  แต่รามิลไม่ยอม  เขาจะต้องแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้จงได้  เขายอมรับว่าเขามองผู้หญิงอย่างวายูนผิดไป  คิดแต่ว่าเธอก็เหมือนเช่นผู้หญิงคนอื่นๆ  ที่รักสนุกไปกับเขาชั่วครั้งชั่วคราว  แล้วแกล้งปล่อยท้องเพื่อจะจับเขา  อย่างที่คุณนิตยาได้พูดกรอกหูเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  แต่มาบัดนี้  เขาได้เห็นแล้วว่าวายูนไม่เหมือนผู้หญิงคนไหน  และเขาต้องการได้เธอกลับคืนมา

ปรัชญากับดามพ์ช่วยรามิลง้องอนวายูน  ทั้งเอาอกเอาใจวายูนสารพัด  ยอมถูกวายูนโขกสับต่อว่าต่างๆ นานา  แต่วายูนใจแข็งกว่าที่ทุกคนคิด  เพราะนอกจากเธอจะไม่ใจอ่อนกับรามิลแล้ว  เธอยังตัดสินใจที่จะแต่งงานกับนิโคไลอีกด้วย  เพื่อที่จะให้รามิลไปจากชีวิตเธอเสียที   นิโคไลดีใจมากที่วายูนยอมตกลงแต่งงานกับเขา  แต่เขาก็รู้สึกว่าวายูนไม่ได้รักเขาจะมีประโยชน์อะไรที่เขาจะได้ตัววายูนมาครอบครอง  แต่หัวใจของวายูนยังทั้งรักและฝังใจอยู่กับรามิลอยู่ดี   นิโคไลเห็นว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้วายูนยอมใจอ่อนกับรามิลได้ คือ ลีล่า

นิโคไลร่วมมือกับลีล่า  และอาพร้อมจิต  ทำแผนหลอกวายูนและรามิลว่าลีล่าถูกลักพาตัวไป  วายูนและรามิลแทบคลั่ง  ทั้งสองจึงร่วมมือกันออกตามหาลีล่า  ไปตามสถานที่ที่ ”โจรลักพาตัว” โทรศัพท์มาบอกว่าให้ไปรับตัวลีล่าได้ที่นั่น   แต่เมื่อวายูนกับรามิลไปถึงจึงคิดได้ว่าที่นี่  คือ ที่ที่เขาและเธอเคยบอกรักกัน  ความทรงจำที่ดียังคงมีอยู่มากมาย  ความรักที่วายูนยังมีต่อรามิล แต่ซ่อนอยู่ลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจจึงถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง  เธอยอมเปิดใจรับคำขอโทษของรามิล  รามิลบอกวายูนว่าหากมีบุญวาสนาต่อกัน  ขอให้เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัว พ่อ แม่ ลูก กับวายูนและลีล่าเถอะ  เพราะเขาเองก็เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวและว้าเหว่ไม่ต่างอะไรจากวายูนหรอก  เขาจึงไม่อยากให้ลีล่าเป็นอย่างเขาหรือวายูนที่ขาดพ่อและแม่  และเมื่อวายูนกับรามิลปรับความเข้าใจกันได้  นิโคไลก็พาลีล่าเข้ามาหา  เขาบอกวายูนว่าเขายินดีที่จะเห็นเธอมีความสุขกับคนที่เธอรัก  มากกว่าที่เขาจะมีความสุขที่ได้แต่งงานกับเธออย่างคนเห็นแก่ตัว  แล้วนิโคไลก็ให้แหวนหมั้นที่เขาเตรียมไว้ให้วายูน  และบอกว่า  มันไม่ใช่แหวนหมั้นอีกต่อไปแล้ว  หากเป็นแหวนที่ระลึกแห่งความรักที่เขามีต่อเธอซึ่งจะมีเช่นนี้ตลอดไป  และถ้าวายูนไม่อยากได้แหวนนี้  ก็ให้เอาไปทำเป็นสร้อยคอให้ลีล่าก็แล้วกัน  แล้วให้บอกลีล่าว่าเป็นของขวัญจาก “ลุง”  แล้วนิโคไลก็จากไป

รามิลบอกวายูนว่า  เขานับถือหัวใจของผู้ชายรัสเซียคนนั้น  และเขาจะไม่ทำให้การเสียสละของนิโคไลต้องเสียเปล่า  แล้วรามิลก็คุกเข่าลงขอวายูนแต่งงาน  ณ  ที่นั้นเอง..

แกลลอรีGallery รักเร่