เบิ้ล ปทุมราช, นุ๊ก ธนดล, ครูเต้ย อภิวัฒน์ ให้กำลังใจญาติผู้สูญหาย ตึกสตง.ถล่ม

วันที่ 5 เม.ย. 2568 เวลา 16:47 น.
เบิ้ล ปทุมราช, นุ๊ก ธนดล, ครูเต้ย อภิวัฒน์ ให้กำลังใจญาติผู้สูญหาย หวังผ่อนผันความเจ็บปวด ยันไม่ได้มาเอาแสง มาเอากระแส (5 เม.ย.68) กัน จอมพลัง พา เบิ้ล ปทุมราช, นุ๊ก ธนดล และครูเต้ย อภิวัฒน์ เข้าให้กำลังญาติผู้สูญหายในเหตุการ์ณตึก สตง.ถล่ม ที่บริเวณ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ซึ่งญาติได้มาปักหลักเฝ้ารอด้วยความหวัง โดยกัน จอมพลัง บอกว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ได้รับการเรียกร้องจากคนที่อยู่ข้างในว่าอยากให้พวกเขามา ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว โด่งดังอยู่แล้ว ไม่ได้เอามาแสง หรือ มาเอากระแส อีกทั้ง 3 คน ยังได้ร่วมมอบเงินช่วยเหลือรวมกันอีก 5 แสนบาท เบิ้ล ปทุมราช เผยว่า ความรู้สึกของคนที่มาที่นี่ กับคนที่บอกเล่าให้ฟัง ตัวเองเห็นภาพ เห็นไลฟ์ในโซเชียลก็รู้สึกได้แค่คำว่าให้กำลังใจและก็ สู้ ๆ แต่พอมาเห็นด้วยตัวเอง ยอมรับว่า ใจเสียมาก ๆ เพราะ เติบโตมากับแม่ที่รับทำอาหารเจ พ่อรับจ้างทำงานก่อสร้าง ซึ่งมันอาจเป็นฤดูกาลของการทำนาเสร็จเลยมาหารายได้เสริม พอมาเห็นกองปูนที่มโหฬารขนาดนี้ เห็นพี่น้องบางคนที่เขามารอเพราะมีความหวังในชีวิต ตนเองที่จริงไม่กล้ามา ก็เหมือนกับ พี่ก้อง ห้วยไร่ ไม่กล้ามาเพราะเราไม่มีความสามารถในจุดนั้น กลัวมาทำให้เขารู้สึกว่า มาเอาภาพมาเอาแสง เอากระแสกับสิ่งที่สังคมกำลังห่อเหี่ยวใจ แต่ว่า พี่กัน จอมพลัง บอกว่า ถ้ามีโอกาสอยากให้มา ให้กำลังใจ เลยเข้าใจในส่วนนี้ เบิ้ล ปทุมราช บอกอีกว่า ตนเองสั่น ตั้งแต่อยู่ในรถ ภาพจริง ๆ มันใหญ่มาก ใหญ่ทั้งความรู้สึก ใหญ่ทั้งกองของตึกที่ถล่มลงมา เราไม่รู้ว่าข้างในเขารู้สึกยังไง ตอนไปนั่งรอก็นั่งเหมือนคนเหม่อลอย มันรู้สึกมาก ๆ ก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยม ได้มองผ่านเต๊นท์เข้าไป ความรู้สึกเหมือนน้ำตาแห้ง อาจจะไม่ได้ร้องไห้แบบฟูมฟาย แต่เห็นแล้วรู้สึกว่า ถ้าเป็นครอบครัวตัวเองมันน่าจะหนักและดิ่งมาก ๆ ด้วยความที่คิดว่าน่าจะเป็นคนอีสานเกือบ 70% บางคนอาจร่ำรวย พอเพียง ทำงานอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็มีหลายคนที่ดิ้นรนเพื่อลูก เพื่อครอบครัว ผมจำได้ว่าวันที่พ่อผมมาทำงาน บอกว่า คนทำงานก่อสร้างบางคนเขาประหยัดเงินแม้กระทั่งเนื้อแห้ง 3-4 ชิ้นเขากินกัน 2-3 มื้อ เพื่อให้มันเหลืองบที่ประหยัดที่สุดเพื่อส่งให้กับทางบ้าน เพราะวัฒธรรมสมัยก่อนคนอีสาน ถ้ามาจากกรุงเทพ จะสังสรรค์สนุก แต่ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าคนที่มาสู้งานในเมืองใหญ่เขาแบกภาระอะไรไว้บ้าง และผมได้เห็นหลายภายผู้สูญหาย หรือ ภาพคนร้องไห้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนอีสานบ้านเรา ผมในฐานะตัวแทนคนภาคอีสาน อยากบอกว่า บางคนนอนรออยู่ตรงนั้น เขานอนรอด้วยความหวังก็มีครับ ด้วยความหวังที่จะเห็นลมหายใจของคนในครอบครัว บางคนแค่ได้มารู้ว่า ผัว เมีย ลูก อยู่ในนั้น ผมว่าทุกรอยยิ้มที่ยิ้มแต่ละวัน น่าจะรู้ว่าเขาแบกอะไรไว้บ้าง เผลอ ๆ นอนไม่หลับด้วยซ้ำ ก็อยากเป็นกำลังใจให้คนที่อยู่ในเต็นท์ที่รอญาติพี่น้อง วันนี้เราตั้งใจมาหา อยากให้มีรอยยิ้ม อยากให้กำลังใจอย่างน้อยไม่เต็ม 100% แต่ในฐานะที่ผมเป็นนักร้อง เป็นศิลปินในวงการบันเทิง อาจจะมาพูดได้แค่ว่า "สู้ ๆ เด้อ" แต่เขารู้สึกจริง ๆ น่าจะหนักมาก ก็ขอมาพูดในฐานะว่ามาผ่อนผันความเจ็บปวดในความรู้สึกให้น้อยลง แต่ไม่ได้หมายความมาเคลียร์ใจ เพราะว่าเขายังมีความหวังกับก้อนดินก้อนใหญ่ก้อนนี้ที่แบกความรู้สึก มันไม่เท่าแบกในหัวใจของเขา ฝากเป็นใจพี่พี่น้องบ้านเรา หลายคนยังสู้ในกรุงเทพ ไม่สามารถกลับบ้านได้ บางคนบอกกลับบ้านเราเถอะในเมื่อมันอันตราย กลับไปหาลูกหาเมีย ไปเอาชีวิตอยู่บ้านเรา แต่มันเป็นไปไม่ได้ บางครอบครัวเขาไม่มีจริง ๆ ก็ต้องทำต่อ ผมเป็นคนที่ชอบทำบุญแล้วก็ไม่ค่อยอธิบายอะไรแบบนี้ แต่อันนี้ผมจุกมาก ๆ ก็ให้กำลังใจนะครับ ด้าน นุ๊ก ธนดล ก็บอกเช่นเดียวกันว่า รู้สึกเหมือนกับ พี่เปิ้ล พี่ก้อง รู้สึกว่าพวกเรามาในวันนี้ ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าพวกเราที่เป็นนักร้อง จะมาเอากระแส หรือ ทำให้ตัวเองดังขึ้น แต่มันคือสิ่งที่เยียวยาจิตใจทุกคนจริง ๆ อยากบอกทุกคนให้รู้ว่า เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เกิดกับครอบครัวเรา เราจะไม่รู้แน่นอน พวกเราอาจจะไม่ช่วย 100% แต่พวกเราคิดว่าพวกเรามาในวันนี้อาจจะทำให้ทุกคนคลายเครียดได้ มีรอยยิ้มได้ อาจจะได้สู้ต่อในวันต่อ ๆไปได้ สำหรับครูเต้ย อภิวัฒน์ บอกว่า อยากมาเป็นกำลังใจและเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยา ดูในข่าวว่าหนักแล้วมาเจอเหตุการณ์จริงมันเป็นอะไรที่หดหู่มาก วันนี้ก็คงคิดว่าเราน่าจะได้ช่วยผ่อนคลายพี่ ๆ ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ตอนนี้ได้ หลังจากที่ เบิ้ล ปทุมราช, นุ๊ก ธนดล และครูเต้ย อภิวัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จ ก็ได้เข้าไปให้กำลังใจญาติ ๆ ในเต๊นท์ พร้อมกัน จอมพลัง โดยในวันนี้ทั้ง 3 คนได้นำกีต้าร์มาคนละตัว เพื่อที่จะร้องเพลง หวังผ่อนผันความเจ็บปวด ของญาติที่เฝ้ารอ