ฝ่ายค้าน ยอมเปลี่ยนคำ ในศึกซักฟอกนายกรัฐมนตรี

ฝ่ายค้าน ยอมเปลี่ยนคำ ในศึกซักฟอกนายกรัฐมนตรี

วันที่ 13 มี.ค. 2568 เวลา 15:09 น.

ฝ่ายค้าน ยอมเปลี่ยนคำในศึกซักฟอก ยืนยัน ไม่เสียหลักการ ยังอภิปราย “นายกรัฐมนตรี” เช่นเดิม แต่จะต้องพาดพิงบุคคลอื่นอยู่แล้ว บอก ”ทักษิณ“ มีสิทธิฟ้อง-ชี้แจงได้ทุกที่ ถ้าอยากเข้าสภาก็ยินดี วันนี้ (13 มี.ค.68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยหลังการหารือกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธาน คนที่ 1 โดยระบุว่า จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจะมีหารปรับคำพูดตามที่หารือกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ต้องมาหารือกันอีกครั้งกับวิปรัฐบาลว่ารายละเอียดคำจะเป็นอย่างไร รวมถึงระยะเวลาที่จะใช้อีกด้วย โดยเหตุผลในการปรับคำ ก็เพื่อให้การอภิปรายสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยที่ต้องไม่เสียหลักการ สำหรับสิ่งได้กรอบชัดเจนจากการพูดคุยนอกรอบ คือ หากจะมีการให้ปรับคำในการอภิปรายครั้งนี้ ระยะเวลาที่ฝ่ายค้านจะต้องได้รับเพื่ออภิปรายคือ 30 ชั่วโมง แต่จะเป็นกี่วันยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะยังไม่ทรายว่าฝั่งรัฐบาลจะใช้เวลาชี้แจงเท่าใด ผู้สื่อข่าวยังถามถึงการจำกัดการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอกของประธานสภานั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตราบใดที่บรรจุญัตติได้ สมาชิกก็สามารถอภิปรายได้อยู่แล้ว หากเกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ก็เป็นความรับผิดชอบของสมาชิกเอง ส่วนสัญญาณในการท้วงติงจากฝ่ายรัฐบาล ต้องรอการประชุมร่วมวิปสามฝ่าย ในเวลา 16.00 น. ของวันนี้ พร้อมกับพูดคุยเรื่องกรอบจำนวนวันในการอภิปรายทั้งหมด ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ในเวลา 30 ชั่วโมง ได้พูดในการหารือนอกรอบนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ประธานสภาเห็นด้วยกับตน ซึ่งเชื่อมั่นว่าถ้าฝ่ายค้านทำข้อมูลได้ดีก็เป็นภาพดี หากเตรียมเนื้อหาไม่ดี ก็เป็นภาพที่ไม่ดีกับฝ่ายค้านเอง ส่วนการปรับคำจาก นายทักษิณ เป็น พ่อนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ย้ำว่าต้องมีการเจราจาระหว่างวิปว่าจะปรับเป็นคำอะไร ซึ่งตั้งแต่ตอนเช้าที่หารือผ่านมา ตนคิดว่าไม่ได้เสียหลักการของญัตติอภิปรายอะไร หนังสือที่ประธานสภาทำมาก่อนหน้านี้ก็ระบุว่า สามารถเปลี่ยนคำได้ โดยที่ไม่เสียหลักการ อีกทั้งยังพูดในที่ประชุมว่าสมาชิกสามารถอภิปรายถึงบุคคลภายนอกได้ โดยที่ต้องรับผิดชอบเอง ตรงนี่ตนคิดว่าคำพูดประธานจะผูกมัดกับรองประธานทั้งสองท่าน นายณัฐพงษ์ ระบุถึงสัดส่วนเนื้อหาการอภิปราย ว่า เป็นการอภิปรายนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่หนีไม่พ้นว่าการอภิปรายต้องพาดพิงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้ญัตติอภิปรายนายกฯ  ในแง่ที่ยอมให้นายทักษิณเป็นผู้ชี้นำอยู่เบื้องหลัง ส่วนการวางตัวเป็นกลางของประธานสภานั้น ตนเห็นว่า คำตอบที่เกิดขึ้นในการหารือระหว่างประชุมสภาเช้านี้ มีการถ่ายทอดสด ทำให้ตนมั่นใจมากขึ้น ส่วนการรับผิดชอบในการพาดพิงนั้น นายณัฐพงษ์ มองว่าเป็นสิทธิของผู้ถูกพาดพิงที่จะฟ้องร้องหรือชี้แจง แต่สำหรับนายทักษิณ ที่เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีก็สามารถชี้แจงกับสื่อมวลชนได้อยู่แล้ว เพราะได้รับความสนใจ หรืออยากจะเข้ามาชี้แจงในสภาตนก็ยินดี