ครอบครัว ผกก.โจ้ ยื่น DSI หวังรับเป็นคดีพิเศษ

วันที่ 11 มี.ค. 2568 เวลา 15:12 น.
น้องสาว-แฟน ผู้กำกับโจ้ ยื่นหนังสือดีเอสไอ ตรวจสอบปมถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ด้านแฟนสาว มั่นใจการทำงานตำรวจ แต่จะทำทุกทางเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม หลังยังติดใจการตาย การถูกทำร้าย วันนี้ ( 11 มี.ค.68) นางสาวธนัญญา น้องสาวของผู้กำกับโจ้ และนางสาวสิภชา หรือ ทราย แฟนสาว รวมถึงนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความส่วนตัว เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อยื่นหนังสือและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ในฐานะเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริง กรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ถึงกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประเด็นที่ญาติร้องเรียนว่าผู้กำกับโจ้ถูกทำร้ายร่างกายจากผู้คุมภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีใบรับรองแพทย์การตรวจร่างกายว่ามีรอยจากการถูกทำร้ายจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดี DSI เผยว่า ญาติผู้เสียชีวิต มายื่นเอกสารเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ซึ่งทาง DSI รับไว้ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.อุ้มหายอย่างไร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดที่มีการพูดคุยกัน แต่มีการให้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ ส่วนจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น จะต้องตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่พึ่งจะได้ข้อเท็จจริงจากญาติผู้เสียชีวิต โดยจะตรวจสอบก่อนว่าจะมีผลเป็นอย่างไร จึงจะพิจารณาได้ว่าจะเข้าข่ายการรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ฯ จะมีหน่วยงานทั้ง อัยการ ฝ่ายปกครอง ดีเอสไอ ตำรวจ ทั้ง 4 หน่วยเข้าตรวจสอบ โดยประเด็นนี้ก็จะร่วมทำการตรวจสอบกับหน่วยงานอื่น โดยจะต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน ขณะที่นางสาวทราย ระบุว่า วันนี้ได้มาบอกข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับดีเอสไอ นอกเหนือจากเอกสารที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และทวงความยุติธรรมคืนให้กับผกก.โจ้ ยืนยันว่าไม่ได้ไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจ แต่อยากจะช่วยพี่โจ้ให้ถึงที่สุด อยากให้หลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ อยากให้เน้นไปที่เรื่องของสาเหตุการตาย และการที่ถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ได้รับความเป็นธรรมก่อนหน้านี้ จากที่ทางครอบครัวเคยร้องเรียนไป ยืนยันว่า ทางครอบครัวมีหลักฐาน แต่ขอไม่เปิดเผย โดยย้ำว่า พี่โจ้ทุกข์อยู่แล้ว ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ถูกกลั่นแกล้งรังแก มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย คนเราไม่ได้ทำผิด แต่เอาไปขังอยู่ในนั้น ถูกตัดอาหาร มันทุกข์มาก” เมื่อถามถึงเอกสารที่ทางราชทัณฑ์เผยแพร่ชี้แจงข้อเท็จจริง 6 ข้อ ทางครอบครัวได้เห็นแล้วหรือไม่นั้น แฟนสาวเผยว่า ข้างในเรือนจำเป็นแดนสนธยา สามารถที่จะพูดหรือทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องข้างนอก พี่โจ้ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะถูกทำร้ายร่างกายและกลั่นแกล้งจากผู้คุมจริง ๆ เป็นผู้คุมคนเดียว ซึ่งความต้องการของทางครอบครัว ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า อยากให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมคนปัจจุบัน และผู้คุมคู่กรณีให้ออกจากเรือนจำไปก่อน เพราะกลัวมีปัญหาเรื่องการสืบพยาน หวั่นว่าหากยังอยู่จะสามารถพูดหรือทำอะไรก็ได้เพื่อขัดขวางการสอบสวนหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาทางครอบครัว ยืนยันว่า ไม่เคยมีปัญหาอะไร แม้จะมีการเปลี่ยนผู้บัญชาการเรือนจำอยู่หลายครั้ง แต่ผู้บัญชาการเรือนจำคนปัจจุบันและคนก่อนหน้านี้ เธอเคยยื่นเอกสารไปรวมทั้งสิ้น 4 ฉบับ แต่ก็ไม่เคยได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้เลย ส่วนในวันเกิดเหตุมีรายชื่อเธอ และเพื่อนๆ ของผกก.โจ้ไปเยี่ยมตามปกติ ซึ่งเป็นรายชื่อที่มีสิทธิเข้าเยี่ยมได้ 10 รายชื่อ ส่วนใหญ่ก็เป็นการพูดคุย ให้กำลังใจ ถามสารทุกข์สุกดิบ แต่ในส่วน 10 รายชื่อมีใครบ้าง จำไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่ามีรายชื่อของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์หรือไม่ ยอมรับว่าจำไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของข้างในว่าพี่โจ้จะเขียนชื่อใครให้เข้าเยี่ยมบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่คุยกับเราก็จะเป็นเรื่องคดีรถที่สูญหาย แต่เป็นเรื่องนานแล้วที่จบไปแล้ว ส่วนเรื่องการกินยาปรับสารเคมีในสมอง เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ยืนยันว่า พี่โจ้ไม่เคยกินยาชนิดนี้ ยาที่พี่โจ้กินเป็นเพียงยานอนหลับ ไม่ใช่ยาที่ทำให้สมองผิดปกติ ขณะที่น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ ยืนยันว่าไม่เคย เอาผ้าขนหนูเข้าไปให้พี่ชาย เพราะปกติของข้างนอกไม่สามารถเอาเข้าไปได้อยู่แล้ว มีเพียงการฝากเงินเอาไว้ ถ้าหากเขาอยากซื้ออะไร จะหักกับบัญชีบัตร ซึ่งเป็นการซื้อของตามรายการที่เขาสามารถซื้อได้ ทางข้างนอกไม่ทราบว่าจะเอาไปซื้ออะไรบ้าง