สอบเพิ่มเด็ก 13 ปี เอาผิด 5 ทรชนข่มขืน
วันที่ 11 มี.ค. 2568 เวลา 11:24 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ยังตามกันต่อกับกรณีของเด็กหญิง อายุ 13 ปี ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อนชวนไปเที่ยวบ้าน ก่อนหายตัวไป 2 คืน 3 วัน แล้วแม่ไปพบถูกทิ้งไว้กลางหมู่บ้าน และเมื่อนำไปตรวจร่างกายก็พบว่าถูกกระทำชำเรา ล่าสุด ตำรวจยังไม่คุมตัววัยรุ่นต้องสงสัยก่อเหตุไปสอบสวน ขณะที่ครอบครัวเด็ก ก็กลัวว่าคดีจะเงียบ หลังแจ้งความแล้วคดีไม่คืบหน้า เรื่องนี้ ผู้ปกครองเด็กหญิง อายุ 13 ปี รายหนึ่ง อยู่ที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร นำพาความทุกข์เนื้อร้อนใจ มาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว 7HD ประจำจังหวัดมุกดาหาร ว่า ลูกสาว อายุ 13 ปี หายไปตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 6 มีนาคม หลังไปเที่ยวบ้านแฟนเพื่อน ในพื้นที่ตำบลโพนทราย อำเภอเมืองมุกดาหาร แล้วไม่กลับบ้าน ช่วงที่ลูกสาวหายตัวไป ตนกับญาติก็พากันออกตามหา แต่ไม่พบตัว กระทั่งช่วงสาย ๆ วันที่ 8 มีนาคม มีคนพาลูกสาว อายุ 13 ปี พร้อมเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คน อายุ 11 ขวบ และ 12 ขวบ มาทิ้งไว้กลางถนนในหมู่บ้าน ให้เดินกลับบ้านกันเอง และเมื่อลูกสาวถึงบ้านก็อยู่ในสภาพมึนงง ซึมเล็กน้อย ด้วยความเป็นเป็นห่วงลูกสาว ก็นำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมุกดาหาร และผลตรวจออกมาแล้วพบว่า ลูกสาวกับเพื่อนอีก 2 คน ถูกล่วงละเมิดทางเพศทุกคน เรื่องของเรื่อง ลูกสาวเล่าให้ฟัง เมื่อไปถึงบ้านแฟนของเพื่อน ช่วง 20.00 น. วันที่ 6 มีนาคม ก็เห็นชายอย่างน้อย 3 คน นั่งเสพยาบ้าอยู่ในบ้าน แล้วชวนพวกตนร่วมวงกินข้าว และดื่มน้ำ จากนั้น ลูกสาวบอกว่า ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ตื่นขึ้นอีกครั้งช่วง 14.00 น. วันที่ 7 มีนาคม ลูกสาวก็บอกเพื่อนและผู้ชายในบ้านนั้นว่า อยากกลับบ้าน แต่ก็กลับไม่ได้ เพราะไม่มีใครมาส่ง จึงนอนต่อที่บ้านหลังนั้นอีกคืน กระทั่งเช้าวันที่ 8 มีนาคม ก็มีคนขับรถพาลูกสาวกับเพื่อนมาส่งที่หมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ ครอบครัวกังวลมาก หลังแจ้งความที่ สภ.คำป่าหลาย ตำรวจก็สอบถามเรื่องราวจากลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายอีกครั้งเท่านั้น แต่ยังไม่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาสอบสวน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาย ทั้งหมด 5 คน อายุ 14 ปี, 15 ปี, 20 ปี จำนวน 2 คน และอายุ 30 ปี เมื่อสอบถามความคืบหน้า ตำรวจก็บอกเพียงว่า รอผลตรวจร่างกายก่อน และรอเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพ นัดหมายสอบปากคำลูกสาวกับเพื่อน ทำให้เกรงว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ จะหลบหนีไปก่อนที่ตำรวจจะตามจับตัวได้ จึงอยากให้เร่งรัดคดีดังกล่าว