กรมบัญชีกลาง ยืนยัน ฐานะการคลังยังปึก หลังเงินคงคลังยอดลดฮวบเหลือ 245,494 ล้านบาท จากปกติจะอยู่ในระดับ 400,000 - 500,000 ล้านบาท

กรมบัญชีกลาง ยืนยัน ฐานะการคลังยังปึก หลังเงินคงคลังยอดลดฮวบเหลือ 245,494 ล้านบาท จากปกติจะอยู่ในระดับ 400,000 - 500,000 ล้านบาท

วันที่ 8 มี.ค. 2568 เวลา 15:24 น.

กรมบัญชีกลาง ยืนยัน ฐานะการคลังไม่มีปัญหา หลังเงินคงคลังลดฮวบจนหลายคนตกใจ ย้ำงบใช้จ่ายภาครัฐไม่สะดุด  ตามที่มีรายการข่าวกล่าวถึงฐานะเงินคงคลังของรัฐบาลว่า ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 มีจำนวน 245,494 ล้านบาท ซึ่งลดต่ำลงอย่างน่าเป็นห่วง จากที่ปกติจะอยู่ในระดับ 400,000 - 500,000 ล้านบาท นั้น ล่าสุด (8มี.ค.68) นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านรายได้ รายจ่าย และเงินกู้ โดยการบริหารเงินคงคลังดำเนินการภายใต้คณะทำงานมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะทำการติดตามความเคลื่อนไหวของเงินคงคลังให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการในแต่ละเดือน กล่าวคือ เงินคงคลังจะต้องมีจำนวนไม่น้อยเกินไป จนเป็นปัญหาต่อการเบิกจ่ายเงินตามปกติของส่วนราชการ และต้องไม่มากเกินไปจนเกิดความสูญเปล่า เพราะรัฐบาลยังมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะที่รัฐบาลกู้เงิน ซึ่งระดับเงินคงคลังที่เหมาะสม จึงขึ้นอยู่กับความต้องการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น จึงได้บริหารเงินคงคลังให้คงเหลือ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 จำนวน 245,494 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอต่อการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการในช่วงเวลาดังกล่าว “กรมบัญชีกลางมีการดูปริมาณเงินคงคลังอย่างใกล้ชิด ให้เพียงพอต่อความต้องการการใช้เงินของส่วนราชการ เพราะกรมบัญชีกลางกำหนดเป้าหมายก ารเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการเป็นรายเดือน โดยได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มีการเบิกจ่ายเงินที่กันเหลื่อมปีมาจากปีงบประมาณ 67 ไปแล้วประมาณ 53% และมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 68 ไปแล้วกว่า 45% ซึ่งต้องขอเน้นย้ำให้ส่วนราชการ เร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าหมาย ที่กรมบัญชีกลางวางไว้ เพื่อเป็นการฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว