สงสัยร้อนจัด ขับรถเก๋งลักเครื่องปรับอากาศ จ.สมุทรสงคราม

วันที่ 6 มี.ค. 2568 เวลา 07:08 น.

สนามข่าว 7 สี - สงสัยว่าอากาศคงร้อนจัด จนทนไม่ไหว อยากมีเครื่องปรับอากาศใช้ ชายคนหนึ่งเลยขับรถเก๋งไปลักเครื่องปรับอากาศ ซึ่งวางไว้หน้าร้านที่จังหวัดสมุทรสงคราม สงสัยร้อนจัด ขับรถเก๋งลักเครื่องปรับอากาศ จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดชัดมาก เห็นใบหน้าคนร้าย เป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีดำ และดูเหมือนว่ากางเกงที่สวม จะเป็นกางเกงลายช้างด้วย เวลาเกือบ 05.00 น.ของวันที่ 4 มีนาคม คนร้ายเดินมาที่ "ร้านบ้านช่างแอร์บริการ" อยู่หมู่ 1 ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ยืนเลือกดูของที่วางอยู่หน้าร้านได้สักพัก ก็ยกเครื่องปรับอากาศ ขนาด 18,000 บีทียู ไป 1 เครื่อง พร้อมอะไหล่คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น เดินออกจากร้าน ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายจอดรถเก๋งไว้แล้วเดินมาก่อเหตุ เจ้าของร้าน บอกว่า คนร้ายน่าจะมีความรู้เรื่องเครื่องปรับอากาศพอสมควร ถ้าไม่อย่างนั้น คงไม่เจาะจงลักเครื่องปรับอากาศไปแบบครบชุด ที่ต้องมีคอยล์ร้อน และคอยล์เย็น ประกอบเข้ากัน ระบบเครื่องปรับอากาศถึงจะทำงานได้ ซึ่งเครื่องปรับอากาศที่คนร้ายลักไป ลูกค้านำมาขายให้ราคา 12,000 บาท ตนยังไม่ทันได้ล้างทำความสะอาด ขายต่อเป็นมือสอง ก็ถูกลักไปเสียก่อน เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า หน้าร้อนปีที่แล้ว เคยเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันเลย แต่ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีติดคุกไปแล้ว กระทั่งมาหน้าร้อนปีนี้ แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นคนละคนกัน แต่ตนเองได้นำคลิปภาพวงจรปิดเป็นหลักฐาน แจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ให้ติดตามตัวแล้ว ชายหัวใส ลักเครื่องสูบน้ำคนอื่น เอามาสูบน้ำเข้านาตัวเอง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนดูลาดเลา ตามทุ่งนาในช่วงกลางวัน ดูเชิงก่อนว่ามีจุดไหนบ้าง ที่ชาวนาตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ค้างคืน พอมืดขี่รถไปยกเครื่องสูบน้ำตามจุดที่หมายตาเอาไว้ เหตุเกิดช่วง 21.00 น.ของวันที่ 4 มีนาคม ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลอมฤต อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้เสียหาย 1 ราย เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ผักไห่ บอกว่า เครื่องสูบน้ำที่คนร้ายลักไป กว่าจะเก็บเงินซื้อได้นานมาก ซื้อมาราคา 16,000 บาท หลังรับเรื่องตำรวจตามสืบจนไปเจอภาพชายต้องสงสัยในกล้องวงจรปิด และตามจับได้ที่บ้าน อยู่ตำบลดอนมะสังข์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี พบของกลางเครื่องสูบน้ำ รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 1 คัน หมวกไหมพรม ซึ่งตรงตามภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ในวันที่ไปก่อเหตุ ทำให้ชายคนนี้ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ