เจ้าอาวาสหอบเงินวัดหนีไป 2 ล้านบาท ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีส่วนตัว กว่า 4 ล้าน แต่บัญชีวัดมีแค่หลักแสน

เจ้าอาวาสหอบเงินวัดหนีไป 2 ล้านบาท  ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีส่วนตัว กว่า 4 ล้าน แต่บัญชีวัดมีแค่หลักแสน

วันที่ 28 ก.พ. 2568 เวลา 09:45 น.

เจ้าอาวาสหอบเงินวัดหนีไป 2 ล้านบาท  ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีส่วนตัว กว่า 4 ล้าน แต่บัญชีวัดมีแค่หลักแสน คณะกรรมการวัดป่าแห่งหนึ่ง ที่ ต.โนนทองหลาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เข้าแจ้งความร้องทุกข์ จากกรณี นายอำพันธ์ วิศณุพรประสิทธิ์ อายุ 79 ปี คณะกรรมการวัดป่าแห่งหนึ่ง ที่ ต.โนนทองหลาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และชาวบ้าน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท. กวิน ไกรศักดาวัฒน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสของวัด โดยกล่าวหาว่า นำเงินจำนวนมากกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากงานทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตของทางวัด แล้วหนีหายออกจากวัดไปหลังจากเสร็จงานวัดตั้งแต่ปลายปี 2567 โดยเจ้าอาวาส อ้างว่า มีรายได้จากงานบุญ 2 ล้านบาทเศษ ขณะที่มีรายจ่ายจากการดำเนินงานมากถึง 3.8 ล้านบาท ทำให้การจัดงานครั้งนี้ขาดทุน ไม่สามารถหาเงินมาคืนเงินกู้ยืมที่นำมาใช้ในการจัดงานได้ แต่เมื่อชาวบ้านร้องขอให้เจ้าอาวาสชี้แจงบัญชีรายรับ – รายจ่าย กลับหนีหายออกจากวัดไปจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด วานนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) เจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ ได้มีหนังสือชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเจ้าอาวาสได้ยืมเงินผู้อุปถัมภ์วัด จำนวน 2.2 ล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายในงานปิดทองฝังลูกนิมิต และสัญญาด้วยวาจาว่าเสร็จงานจะคืนให้ แต่เมื่อจัดงานแล้วเสร็จ รายรับที่ได้จากการจัดงาน 2,026,904 บาท และเป็นรายจ่าย 3,998,361 บาท  เมื่อนำรายรับรวมกับเงินกู้ยืม แล้วนำมาหักค่าใช้จ่ายแล้ว ทำให้เหลือเงินเพียง 228,543 บาท ไม่เพียงพอที่จะนำไปใช้คืนให้ญาติโยม จึงเห็นควรให้ทางวัดทยอยผ่อนจ่ายให้เป็นงวดๆ ด้วยการทอดผ้าป่าหารายได้ในปีถัดๆไป ซึ่งหลังจากมีคำชี้แจงแล้วนั้น ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยมองว่า ไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน แทนที่จะเรียกเจ้าอาวาสมาชี้แจงบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยตัวเอง เนื่องจากเมื่อรวมยอดรายรับที่เกิดขึ้น อาทิ เงินจากการตัดหวายลูกนิมิต 1.8 ล้านบาท เงินตักไข่การกุศล 4 แสนบาท เงินใส่ซองทำบุญพระบวชใหม่ 1.4 แสนบาท  เงินขายข้าวเปลือก 5 หมื่นบาท และเศษเงินเหลืออีก 1 ถุงเล็ก ก็เป็นเงินกว่า 2.4 ล้านแล้ว ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นรายรับที่ได้แน่นอน ยังไม่รวมกับเงินจากการจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน เงินซองบุญผ้าป่า และเงินทำบุญอื่นๆอีก ซึ่งเจ้าคณะอำเภอไม่พูดถึง แต่กลับจะใช้วิธีการทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินใช้หนี้แทนเจ้าอาวาส ประกอบกับการที่ชาวบ้านนำบัญชีของเจ้าอาวาสไปตรวจสอบแล้วพบว่า มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 4.6 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีของทางวัดโดยตรงกลับมีเงินเพียงแค่ 1.5 แสนบาทเท่านั้น รวมถึง การที่เจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ มีหนังสือแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสแล้ว แต่ยังไม่มีหนังสือปลดเจ้าอาวาสรูปเดิม จึงทำให้ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบบัญชีของทางวัดได้  จึงได้รวมตัวเดินทางมายื่นหนังสือกับพระราชวิราลังการ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ที่ วัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหาร ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา  เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยาและวินัยสงฆ์กับเจ้าอาวาสของวัด และสอบการทำหน้าที่ของเจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ ในการดำเนินการทางด้านการปกครองสงฆ์ เพื่อให้ชาวบ้านหายความครางแคลงใจ สามารถเข้าวัดทำบุญได้เช่นเดิม .