“พี่ศรี" โล่ง ศาลยกฟ้อง ปมร้อง กกต.สอบ "ทักษิณ" ครอบงำเพื่อไทย ชี้ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง

“พี่ศรี" โล่ง ศาลยกฟ้อง ปมร้อง กกต.สอบ "ทักษิณ" ครอบงำเพื่อไทย ชี้ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง

วันที่ 21 ก.พ. 2568 เวลา 11:47 น.

ศาลอาญา ยกฟ้อง "พี่ศรี" ร้อง กกต.ตรวจสอบ "ทักษิณ" ครอบงำพรรคเพื่อไทย ชี้ ประชาชนมีสิทธิยื่นตรวจสอบ หลักฐานยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนากลั่นแกล้ง วันนี้ (21 ก.พ.68) ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3127/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน นักร้องเรียนชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำผิดสั่งสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำผิด หรือแกล้งบุคคลใดให้ต้องรับโทษ   อัยการโจทก์ ระบุฟ้องความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจยื่นหนังสือร้องเรียนแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการลือกตั้ง (กกต.)ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ได้ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยยินยอมให้นายทักษิณควบคุม ครอบงำหรือชี้นำ เรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ทำให้พรรคการเมืองขาดความเป็นอิสระ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28,29 จึงขอให้ กกต.ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ปรากฏตามหนังสือของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ เนื่องจากนายทักษิณ มิได้ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อให้นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทยต้องรับโทษทางอาญา      โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173,174, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 4, 101 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจำเลยด้วย โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว ช่วงเช้าวันนี้ นายศรีสุวรรณ เดินทางมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า คดีนี้ หลังจากที่ตนเองไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบกรณีของนายทักษิณ ที่มีพฤติการณ์ครอบงำพรรคเพื่อไทย  จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ได้ไปแจ้งความ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะส่วนตัว ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ หรือ พรรคเพื่อไทย เพียงแต่กล่าวอ้างว่า เห็นข้อมูลจากข่าว จึงนำเรื่องมาแจ้งความ ซึ่งตำรวจได้สรุปสำนวนส่งอัยการ และส่งฟ้องต่อศาล ก็มีการต่อสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตนต่อสู้ว่า การร้องเรียนต่อ กกต. เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญไทยในการตรวจสอบพรรคการเมือง และมองว่า นายวิญญัติ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แต่ก็เป็นสิทธิ์ที่จะมาแจ้งความร้องทุกข์ได้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า หนังสือร้องเรียนที่จำเลยยื่นต่อ กกต. เป็นการแสดงความเห็น ตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่ยืนยันว่าทักษิณกระทำความผิดแต่อย่างใด แม้ต่อมา กกต. มีหนังสือแจ้งยุติเรื่องร้องเรียนว่า นายทักษิณไม่ได้มีพฤติกรรมครอบงำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันจำเลยเบิกความยืนยันว่าไม่ได้มีอคติต่อพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่ง และไม่ได้มุ่งร้องเรียนเฉพาะนายทักษิณเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาก็เคยยื่นเรื่องร้องเรียนจนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยหลายคดี เช่น การยุบพรรคไทยรักษาชาติ  ยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นต้น จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งนายทักษิณ อีกทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ก็เป็นบุตรสาวของนายทักษิณ เป็นบุคคลในครอบครัว มีความใกล้ชิดกัน จึงอาจทำให้คนทั่วไปคิดเหมือนกับจำเลย และประชาชน มีสิทธิ์ร้องเรียนให้ตรวจสอบ ภายหลังนายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ดังนั้น คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการเดินหน้าตรวจสอบนักการเมืองต่อไป ส่วนที่มีการแจ้งความตนเองก็เพื่อเตะขัดขา ไม่ให้ตนไปดำเนินการตรวจสอบนักการเมืองดังกล่าวและมีภาระในการสู้คดี เมื่อมีคำพิพากษายกฟ้องในครั้งนี้ ทำให้ตนและประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ตรวจสอบนักการเมืองได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องกังวลว่าประชาชนร้องเรียนหน่วยงานใดจะมีความผิด หากเป็นการใช้สิทธิ์โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นต่อพนักงานสอบสวนหรืออัยการ ที่ทำคดีนี้อย่างไรบ้าง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คงต้องไปดูสำนวนและปรึกษาว่า มีกรณีไหนเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิ์โดยชอบ และจงใจให้เป็นภาระทางคดี ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูกันยาว ๆ เหมือนศรีปราชญ์เคยกล่าวไว้ว่า "ดาบนั้นต้องคืนสนอง" แต่ก็ยังไม่ใช้เร็ว ๆ นี้ เพราะต้องให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายได้พิจารณาและตรวจสอบคำให้การของพยานอย่างถี่ถ้วนทั้งหมด