เกือบตกเป็นเหยื่อ จากลูกค้าสู่มิจฉาชีพ

วันที่ 5 ก.พ. 2568 เวลา 06:24 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบเปรยกับคนพวกนี้ มือเท้ามี ปัญญาดี แต่ใช้ไปในทางที่ผิด ๆ ทำตัวเป็นนักมายากล สั่งของให้พ่อค้า-แม่ค้า งง จงใจไม่จ่ายเงิน แต่ขอเงินทอน มิจฉาชีพมีทุกพร้อมทุกกลอุบาย รันอยู่ทุกวงการจริง ๆ เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่ "งานเกษตรแฟร์" มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บรรยากาศค่ำคืน ผู้คนคึกคัก ปะปนไปด้วยผู้ซื้อ ผู้ขาย และมิจฉาชีพ ลูกจ้างร้านขายลูกชิ้น บอกว่า โชคดีที่มีกล้อง ไม่เช่นนั้นคงตกเป็นเหยื่อหนุ่มมิจฉาชีพ โดยนายวราวุฒิ ติรัน หนุ่มลูกจ้างเล่าว่า ช่วง 19.00-20.00 น. คนกำลังแน่นร้าน แทบไม่มีเวลานั่งพัก เกือบ ๆ จะ 20.00 น. มีชายผอมสูง ประมาณ 170 เซนติเมตร สวมหน้ากากอนามัย ดูไม่มีพิษภัย มาสั่งซื้อลูกชิ้นเป็นเงิน 190 บาท โดยลูกค้าได้ยื่นแบงก์พันให้ ทันใดนั้น ลูกค้าเปลี่ยนใจ บอกว่า "น้อง เดี๋ยวพี่เอาเศษให้ 90 บาท แต่น้องทอนเงินมา 900 ก่อน ขอหาเงินเศษแป๊บนึง" คือขอเงินทอนก่อน 900 บาท เดี๋ยวจ่ายไป 1,090 บาท แต่ขอหาเศษ 90 บาทก่อน นี่จึงเป็นจังหวะที่ลูกค้า ดึงเงินแบงก์พันกลับไป ส่วนลูกจ้างก็นับเงินให้ แถมประเคนถึงมือมิจฉาชีพ 900 บาท และยิ่งเพิ่มความมึนงงเข้าไปอีก มิจฉาชีพสั่งลูกชิ้นเพิ่ม โดยบอกว่าจะขอซื้อเพิ่มอีก 1 ไม้ 10 บาท ให้ครบ 200 จนลูกจ้างเริ่มสับสน คราวนี้ลูกจ้างไม่ทันมอง เสร็จลูกค้าในคราบมิจฉาชีพ ที่แอบเก็บเงินทอนเมื่อสักครู่ 900 บาท โดยเอา 500 บาทลงกระเป๋าสตางค์ แล้วนำเงินที่เหลือ 400 บาทในมือ จ่ายให้กับลูกจ้าง 200 บาท แผนนี้เกือบสำเร็จ แต่โชคดีที่ลูกจ้างมีสติ ถามกลับ "ไหนเงิน 90 บาทล่ะพี่ แล้วเงินที่พี่จ่ายมา ก็เป็นเงินของผมที่ให้ไป ผมยังไม่ได้รับเงินจากพี่สักบาท เพราะในกระป๋องเงิน ไม่มีแบงก์พัน" ทั้งคู่ยืนเถียงกันพักใหญ่ สุดท้ายต้องมาตกใจ เพราะเห็นกล้องวงจรปิด มิจฉาชีพทำทีไม่พอใจ โยนของคืนให้ และคืนเงินทั้งหมด 900 บาท ก่อนออกไปจากร้าน