เตือน! ผู้ประกอบการสินค้าส่งออกไทย เฝ้าระวังผลกระทบจาก “ทรัมป์2.0”

วันที่ 15 ม.ค. 2568 เวลา 11:36 น.

เตือน! ผู้ประกอบการส่งออก กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ โซลาร์เซลล์ ระวังผลกระทบจากนโยบาย “ทรัมป์2.0” วันนี้ (15ม.ค.68) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 ไทยมีกลุ่มสินค้าที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะคาดว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ได้แก่ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ทั้งไทยและจีน ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เหมือนกัน อีกทั้งเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง ทั้งนี้ 11 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมมีมูลค่า 217,233.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 78.8 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งหมด สำหรับ 10 สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรดาวรุ่งในปี 2568 ได้แก่ (1) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (2) อาหารสัตว์เลี้ยง (3) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (4) ไก่แปรรูป (5) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ (6) ยางพารา (7) ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง (8) ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง (9) เนื้อและส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้ และ (10) นมและผลิตภัณฑ์นม สินค้ากลุ่มนี้มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ตามความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เติบโตสอดรับการบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง ในขณะที่ปริมาณผลผลิตการเกษตรจะออกมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้าและทยอยเข้าสู่ระดับปกติทำให้การแข่งขันด้านราคาสำหรับสินค้าเกษตรที่เป็น raw material แข่งขันรุนแรงขึ้น และการยกเลิกมาตรการระงับการส่งออกสินค้าเกษตรของประเทศผู้ส่งออกสำคัญของโลก ด้วยเหตุนี้ไทยจึงต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเนื่องจากประเทศคู่แข่งมีผลผลิตและต้นทุนต่อไร่ที่ถูกกว่า อีกทั้งประเทศคู่ค้าบางประเทศมีมาตรการทางการค้าที่เข้มงวด โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ผู้ส่งออกของไทยต้องปรับตัวและบริหารจัดการต้นทุนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ทั้งนี้ 11 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่า 48,390.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.5 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งหมด ผอ. สนค. กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าในปีนี้จะมีปัจจัยท้าทายหลายอย่าง แต่เชื่อมั่นว่าจากการทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิดของกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน จะช่วยให้ไทยสามารถคว้าโอกาสในการส่งออก และบรรลุตามเป้าการส่งออกที่ขยายตัวร้อยละ 2-3 เป็นมูลค่าระหว่าง 305,315 – 308,308 ล้านเหรียญสหรัฐตามที่ตั้งไว้ในปีนี้ได้