คนขับแท็กซี่สุดงง เจอผู้โดยสารหัวหมอถึงที่หมายไม่ยอมจ่ายค่าโดยสาร
วันที่ 15 ม.ค. 2568 เวลา 08:51 น.
ผู้โดยสารหัวหมอนั่งแท็กซี่จากสนามบินสุวรรณภูมิไป อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ดูดบุหรี่บนรถตลอดทาง และเมื่อถึงที่หมายไม่ยอมจ่ายเงิน พร้อมบอกแท็กซี่โกง ทั้งที่กดมิเตอร์มาตามปกติ วันนี้ (15 ม.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง ได้รับแจ้งเหตุจากคนขับแท็กซี่ว่าถูกผู้โดยสารไม่จ่ายค่าโดยสาร จึงเดินทางมาตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุที่พื้นที่หมู่ 1 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ณ ที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่ สีเขียว- เหลือง ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่หน้าบ้านของผู้โดยสารซึ่งปิดประตูบ้านไม่ยอมออกมา ทางจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.นครหลวง พยามตะโกนเรียกแต่ชายผู้โดยสารที่อยู่ในบ้านอ้างว่าหากุญแจประตูรั้วไม่เจอ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามพูดคุยให้จ่ายค่าแท็กซี่ แต่ชายคนดังกล่าวโวยวายอ้างว่าเคยนั่งแท็กซี่มาแค่ราคา 700-800 บาท โดยตะโกนโวยวายหาว่าแท็กซี่โก่งราคา สุดท้ายยอมจ่าย 1,100 บาท โดยโยนเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมบอกว่าถ้าคนขับรถไม่เอาให้เอาเงินไปวางไว้ที่โรงพักจากนั้นก็เดินเข้าบ้านไป หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงแนะนำให้คนขับแท็กซี่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.นครหลวง ทาง นายอชิษพงค์ อายุ 43 ปี คนขับแท็กซี่ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. ผู้โดยสารคนดังกล่าวอายุประมาณ 55-60 ปี แต่งตัวดูดี มีฐานะ ได้ว่าจ้างรถแท็กซี่ของตนจากสนามบินสุวรรณภูมิให้มาส่งภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเป็นการกดมิเตอร์ตามระยะ ซึ่งตลอดเวลาระยะทางที่ผู้โดยสารนั่งมาในรถแท็กซี่ก็สูบบุหรี่ในรถตลอดเวลา ซึ่งตนเองก็ยอมให้สูบบุหรี่โดยเปิดกระจกรถมาตลอดทาง จนเมื่อมาถึงหน้าบ้านของผู้โดยสาร ตนจึงแจ้งค่าแท็กซี่ตามมิเตอร์ ซึ่งมิเตอร์ยอดแรกขึ้น 929 บาท แต่เนื่องจากจอดเติมแก๊สบริเวณแถวอำเภอวังน้อย จากนั้นกดมิเตอร์จากอำเภอวังน้อยต่อมายังบ้านของผู้โดยสารยอด 445 บาท รวม 1,374 บาท แต่ตนคิดแค่ 1,300 บาท แต่ผู้โดยสารคนดังกล่าวไม่ยอมจ่ายและเดินเข้าบ้านจากนั้นปิดประตูรั้วพร้อมตะโกนออกมาว่าจะจ่ายเพียง 1,100 บาทเท่านั้น ตนเองก็พยายามอธิบายว่าค่ามิเตอร์โดยสารขึ้นตามจริงผู้โดยสารต้องจ่าย แต่ผู้โดยสารไม่ยอมจ่าย ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ คนขับแท็กซี่คาดว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวเป็นคนหัวหมอตั้งใจจะโกงค่าแท็กซี่อยู่แล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้ไปแจ้งความตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับเงิน 1,100 บาท เนื่องจากต้องเสียเวลาเพราะตนต้องนำรถไปคืนอู่หากไปคืนไม่ตรงเวลาก็จะต้องเสียเงินเพิ่ม คนขับแท็กซี่เผยยอมเสียเงิน 200 บาท ถือว่าเป็นการทำบุญ