หนุ่มเมาขับ ถูกตำรวจยิงขู่ เตะเสยคางเลือดสาด

วันที่ 30 ธ.ค. 2567 เวลา 09:23 น.
หนุ่มเมาขับถูกตำรวจไล่จับจักรยานยนต์ซ้อน 3 ก่อนทิ้งรถวิ่งหนี แต่ตำรวจชักปืนยิงขู่ และเตะเสยคางเลือดสาด วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 95 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ วันนี้ ( 30 ธ.ค.67) นายวีรพงศ์ หรือแอน อายุ 50 ปี พร้อมญาติอีกหลายคน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.โรจน์ เสาธง สารวัตรสอบสวน สภ.เมือง ลพบุรี ว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะที่นายฤทธิ์ชัย หรือออย อายุ 32 ปี ได้ถูกตำรวจจราจรกลางจับกุม ในความผิดฐาน “เมาสุราขับรถจักรยานยนต์” ขณะจับกุมถูกตำรวจทำร้ายร่างกาย เตะเข้าที่อก และใช้อาวุธปืนยิงขู่ 2 นัด ทำให้นายฤทธิ์ชัย ได้รับบาดเจ็บ จึงต้องการแจ้งความร้องทุกข์กับผู้กระทำผิดตามกฎหมายจนถึงที่สุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณถนนสายนเรศวร-ป่าหวาย หมู่ที่ 6 ต.ป่าตาล อ.เมือง ลพบุรี โดยมีญาติของผู้ต้องหา รอตำรวจที่จะมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และระหว่างนั้นญาติได้ชี้จุดกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่บนถนน 2 ปลอก และรอยเลือดที่อ้างว่าถูกตำรวจทำร้าย หลังจากยิงปืนขู่ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ลพบุรี เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก่อนถูกคุมขัง จึงมองว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ผู้ต้องหายอมให้จับกุมแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง และผู้ต้องหาก็ไม่ได้ต่อสู้ขัดขืน หรือมีอาวุธติดตัว แต่ตำรวจถึงขั้นยิงปืนขู่ และทำร้ายร่างกายจนเจ็บ ญาติจึงหวังพึ่งสื่อมวลชน หลังพยายามสอบถามถึงขั้นตอนการประกันตัว และขอตำรวจที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เก็บปลอกกระสุนปืน บันทึกสถานที่เกิดเหตุแบบขั้นตอนของตำรวจ แต่ไม่ได้ตามขอสักข้อ สุดท้ายขอนำตัวนายฤทธิ์ชัย ไปให้หมอดูอาการแต่ก็ถูกปฏิเสธอีก กระทั่งมีตำรวจลงพื้นที่เกิดเหตุ เก็บปลอกกระสุนปืน ก่อนนำตัวนายฤทธิ์ชัย ออกจากห้องคุมขัง นำตัวส่ง รพ.พระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีสภาพหน้าบวมปูด และมีบาดแผลที่หน้าผาก โดยนายฤทธิ์เดชบอกว่าปวดศีรษะ และเจ็บหน้าอก ล่าสุดเช้านี้นางน้อย น้าสาว ของนายฤทธิ์ชัย หรือออย และญาติได้เข้าเยี่ยมหลานชาย และรอตำรวจนำตัวส่งศาลแขวงจังหวัดลพบุรีในคดีเมาขับ ส่วนคดีถูกตำรวจทำร้ายร่างกายต้องแยกกันคนละเรื่อง ขณะที่ใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ลงความเห็นโดนด้ามปืนดีที่ศีรษะบาดแผลฉีกขาดที่หน้าฝาก ด้านผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางลพบุรี ที่ก่อเหตุก็เพิ่งทราบเรื่องเช่นกัน โดยไม่รู้ว่า ใต้บังคับบัญชาไปก่อเหตุลักษณะนี้ ขณะนี้ได้ติดต่อเพื่อนำตัวมาทำการสอบสวนเบื้องต้น และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป