30 บาทรักษาทุกที่ ครบแล้วทั่วประเทศ
วันที่ 25 ธ.ค. 2567 เวลา 13:50 น.
ข่าวดีปีหน้า!! เริ่ม 1 ม.ค.68 “30 บาทรักษาได้ทุกที่” ครบแล้วทั่วประเทศ เชื่อมข้อมูลสุขภาพ 100% เพิ่มความสะดวก ลดความแออัดโรงพยาบาล เกาะกล่องของขวัญ!! นายกฯ Kick off 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส4 เริ่ม 1 ม.ค.68 เชื่อมข้อมูลสุขภาพ 100% เพิ่มความสะดวก ลดความแออัดโรงพยาบาล วันนี้ (25 ธ.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Kick off 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า ระยะที่ 4 ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจให้เกิดโครงการ 30 รักษาทุกที่ให้ครบทั่วประเทศ ซึ่งวันนี้สามารถใช้ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ทุกจังหวัดในประเทศไทยแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท จากที่ประชาชนต้องเสียเวลาต่อคิวเป็นวัน อีกทั้งต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่ารักษาจากปัญหาสุขภาพ ทำให้เป็นปัญหาครอบครัว ซึ่งวันนี้มีเทคโนโลยีเข้ามา ทำให้ประชาชนไม่ต้องรอนานเป็นวัน สามารถแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนได้ ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ได้ดึงร้านขายยา และคลินิกเอกชนเข้ามาร่วม เพื่อเพิ่มความสะดวก และลดความแออัดในโรงพยาบาล รวมถึงส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้ ทำให้เกิดการจ้างงานไม่ว่าจะเป็น นักบริบาล และกลุ่มผู้สูงอายุวัยเกษียณ 15,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีบริการชุดตรวจ คัดกรองแบบง่ายด้วยตนเอง ที่สามารถไปรับจากคลินิกใกล้บ้านได้ เช่นชุดตรวจ มะเร็งปากมดลูก, HIV และพยาธิใบไม้ เป็นต้น โดยรัฐบาลยังใส่ใจ และเน้นย้ำในการดูแลสุขภาพจิต เนื่องจากปัญหาภัยพิบัติต่าง ๆ ทำให้ต้องให้หันมาดูแลสภาพจิตใจให้แข็งแรง สามารถต่อสู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลพร้อมดูแลทุกคน ทุกจังหวัดในประเทศไทยให้ได้รับความสะดวกสบาย นายกรัฐมนตรี ยังอวยพรให้คนไทย มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เพื่อที่จะมีแรงพัฒนาตนเอง และครอบครัวต่อไป และหวังว่าคนไทยจะ มีสุขภาพถ้วนหน้า สำหรับโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ระยะที่ 4 เพิ่มอีก 31 จังหวัด ส่งผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 สามารถเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพคนไทย 100% ซึ่งประชาชนจะมี Health ID ประจำตัว ที่จะทำให้ประชาชนได้รับบริการรักษาพยาบาลที่รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอคิวนาน ซึ่งเป็นการดำเนินการนโยบายของรัฐบาลสำเร็จภายใน 1 ปีแรก ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคิกออฟในระยะที่ 1-3 ที่เริ่มไปแล้ว 46 จังหวัด โดย 31 จังหวัด ประกอบ 1.ตาก 2.สุโขทัย 3.พิษณุโลก 4.อุตรดิตถ์ 5.ขอนแก่น 6.มหาสารคาม 7.กาฬสินธุ์ 8มุกดาหาร 9.ยโสธร 10.ศรีษะเกษ 11.อุบลราชธานี 12. สมุทรปราการ 13.ปราจีนบุรี 14.ฉะเชิงเทรา 15.ชลบุรี 16.ระยอง 17.จันทบุรี 18.ตราด 19.กาญจนบุรี 20.สุพรรณบุรี 21. นครปฐม 22 สมุทรสาคร 23.สมุทรสงคราม 24.ราชบุรี 25 ประจวบคีรีขันธ์ 26 ชุมพร 27.ระนอง 28.สุราษฎร์ธานี 29. กระบี่ 30.นครศรีธรรมราช 31.ภูเก็ต