พ่อทะเลาะแม่ ลูกชายคว้ามีดเข้าห้าม เจอลูกซองยิงดับ
วันที่ 25 ธ.ค. 2567 เวลา 13:23 น.
พ่อทะเลาะแม่ ลูกชายปรี่เข้าห้าม คว้ามีดจะฟัน เจอพ่อชักลูกซองยิงใส่ดับ ก่อนเข้ามอบตัวตำรวจ 24 ธ.ค. 67 เมื่อเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา นายธวัช จรัสวรภัทร นายอำเภอเชียงคำ ได้รับแจ้งเหตุจาก พ.ต.ท.จีรวัฒน์ ปานสมบัติ รอง.ผกก.สภ.เชียงคำ รษก.แทน ผกก.สภ.เชียงคำ ว่า เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ในพื้นที่บ้านประชาพัฒนา ม. 21 ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา จึงได้สั่งการให้ปลัดฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสยามพะเยาสำนักงานใหญ่ อ.เชียงคำและแพทย์เวร รพ.เชียงคำ ชุดสืบสวน สภ.เชียงคำ ลงพื้นที่เกิดเหตุทันที เมื่อไปถึงบ้านก็พบร่างของผู้เสียชีวิตคือ นายรุ่งเรือง อายุ 37 ปี นอนจมกองเลือดตรงกลางบ้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยและแพทย์เวรจึงได้ทำการชันสูตรเบื้องต้นพบบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่โคนขา คาดว่าน่าจะไปโดนเส้นเลือดใหญ่ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนมือยิงคือนายวิสุทธิ์ อายุ 58 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้นำปืนที่ใช้ยิงลูกชาย เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.บุญยวัฒน์ ทัดหล่อ พนักงานสอบสวนร้อยเวร สภ.เชียงคำ ในเวลาต่อมา จากการสอบสวนเบื้องต้น รับสารภาพว่าเป็นคนยิงลูกชายตัวเองจริง ร.ต.อ.บุญยวัฒน์ เปิดเผยว่า ในเวลาเวลาประมาณ 01.30 น. ตนเองกำลังนั่งทำงานอยู่นั่นก็มีเสียงเคาะกระจกของโรงพัก ก่อนที่ในเวลาต่อมานายวิสูทธิ์ ได้เดินเข้ามาหาตนเองและบอกว่าได้ยิงลูกชายเสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ด้วยคิดว่าจะเป็นคนเสียสติมาก่อกวน จึงได้ถามกลับไปว่าเอาปืนมาด้วยหรือไม่ ผู้ก่อเหตุก็ได้บอกว่าปืนอยู่ในรถ ตนจึงเดินไปดูก็พบว่ามีจริง ๆ ก็ตกใจ จึงได้แจ้งสายตรวจป้อมยามพื้นที่ ต.ร่มเย็น ให้เข้าไปดู จากการสอบถาม ทราบว่า ผู้เสียชีวิตกับมือยิงเป็นพ่อลูกกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นมักทะเลาะเป็นประจำ ด้วยผู้เสียชีวิตเป็นคนสูงใหญ่ จึงได้ทำร้ายพ่ออยู่ตลอด ส่วนในตอนเกิดเหตุนั้นมือยิงกับภรรยามีปากเสียงกันอยู่แล้ว ลูกชายซึ่งนอนหลับอยู่ชั้น 2 ของบ้านก็ได้สะดุ้งตื่นและปรี่ลงมาปกป้องแม่ ก่อนที่จะคว้ามีดจะเข้าฟันผู้เป็นพ่อ โดยต่อมาผู้เป็นพ่อจึงได้คว้าปืนลูกซองมายิงทันที จนทำให้ลูกชายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา และได้คว้าปืนลูกซองเอาใส่รถกระบะและขับมาที่ สภ.เชียงคำมามอบตัวกับตนทันที ด้านนายธวัช กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นปัญหาในเรื่องครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขกันต่อไป แต่เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตัวของผู้เสียชีวิตไม่ได้เสพยา เพียงแต่อยู่บ้านไม่ทำงาน และเห็นว่าเป็นคนโมโหร้ายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหลังจากนี้คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จำดำเนินการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง