ครม.ไฟเขียวเคาะแจกเงินหมื่นบาท เฟส 2

วันที่ 24 ธ.ค. 2567 เวลา 16:43 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ให้ผู้สูงอายุแล้ว วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดดำเนินการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ได้ทันก่อนวันที่ 29 มกราคม 2568 ครม.ไฟเขียวเคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุ ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นโดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะจ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ทั้งนี้นายกฯ หวังว่า ในปีหน้าตั้งเป้าจีดีพีประเทศอยากให้เกิน 3% ซึ่งในแต่ละไตรมาสก็พยายามดันให้สุดอยู่แล้ว และต้องดันทุกไตรมาสเพื่อให้ต่อเนื่อง "จุลพันธ์" ยันแจกเงินหมื่นบาท ทันก่อนตรุษจีน ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงเสริมว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ ตามที่ทางกระทรวงการคลังเสนอ ใช้กรอบวงเงินงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยยึดกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ อายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ มีเงินฝากตามกติกาที่เคยกำหนดไว้ คือ ไม่มีรายได้เกิน 840,000 บาทต่อปี และไม่มีเงินฝากทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ส่วนการรับสิทธิ์จะรับผ่านทางระบบพร้อมเพย์ คาดว่า จะดำเนินการทันก่อนตรุษจีน คือ วันที่ 29 มกราคม 2568 แน่นอน และจะพยายามให้เร็วกว่านั้น ส่วนการลงทะเบียนในกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน คาดว่าจะดำเนินการได้ช่วงหลังปีใหม่ โดยจะกำหนดวันอีกครั้งหนึ่ง ครม.เคาะ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 68 นายจุลพันธ์ เปิดเผยอีกว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 เพื่อช่วยในการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน คือ โครงการ Easy E-Receipt 2.0 เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายตามเงื่อนไขโครงการ และสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท คาดว่าระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่ 15 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 สำหรับการใช้จ่ายผ่านโครงการ Easy E-Receipt ต้องซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt วงเงิน 50,000 บาท ในวงเงิน 50,000 บาท โดยแบ่งการใช้จ่ายเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.วงเงิน 30,000 บาท ใช้จ่ายสำหรับซื้อสินค้าและบริการที่กำหนด และขยายสิทธิให้ซื้อแพ็กเกจทัวร์ โรงแรม ที่พัก รถเช่าได้ด้วย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 2.วงเงิน 20,000 บาท ใช้จ่ายสำหรับร้านวิสาหกิจชุมชน SMEs และร้านค้า OTOP ที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าที่ไม่เข้าร่วมมาตรการ Easy E-Receipt เช่น ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ ค่าซื้อยาสูบ ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าเบี้ยประกันวินาศภัย คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 70,000 ล้านบาท และทำให้รัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้ราว 10,000 ล้านบาท และจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ หรือเข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มราว 20% จากปีก่อน เคาะขึ้นค่าจ้าง 400 บาทนำร่อง 4 จังหวัด  ที่ประชุม ครม.ยังรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามมติคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 หรือ บอร์ดไตรภาคี เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ที่ประชุมเครียดกันนานกว่า 6 ชั่วโมง จนมติปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอัตราวันละ 7-55 บาท เป็นอัตราวันละ 337-400 บาท จากเดิมอัตราวันละ 330-370 บาท โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดนำร่องก่อน โดยในจังหวัดอื่น ๆ จะทยอยปรับตามแผนที่กระทรวงแรงงาน จะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ส่วนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่รองลงมา ไล่ตั้งแต่ 380 บาทต่อวัน ประกอบด้วย 2 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ค่าจ้างขั้นต่ำ 372 บาทต่อวัน มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ค่าจ้างขั้นต่ำ 359 บาทต่อวัน 1 จังหวัด คือ นครราชสีมา ค่าจ้างขั้นต่ำ 358 บาทต่อวัน คือ สมุทรสงคราม ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ก็ปรับลดหลั่นกันมาลงมา และอัตราค่าค่าจ้างต่ำสุด คือ 337 บาทต่อวัน ประกอบด้วย 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา อีก 3 เดือนถกปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงว่า สำหรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ใน 4 จังหวัด ดำเนินการไปตามความเหมาะสม แบ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสูงสุด 1 จังหวัด คือ ภูเก็ต และอีก 3 จังหวัด อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) สำหรับการหารือปรับเพิ่มอัตราค่าแรงขั้นต่ำในรอบถัดไป จะหารือกันอีกครั้งในอีก 3 เดือนข้างหน้า ครม.ไฟเขียวลดภาษี ผับ-บาร์ เหลือ 5% อีก 1 ปี ขณะที่ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสถานบริการ อาทิ ไนท์คลับ ดิสโกเธค ผับบาร์ ค็อกเทลเลาจน์ จาก 10% เหลือ 5% ของรายรับของสถานบริการ ซึ่งจะหมดอายุ 31 ธันวาคม 2567 ออกไปอีก 1 ปี มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2568 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ การเคหะฯ ลดราคาบ้านทั่วประเทศ 5-20% ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า กระทรวง พม. มอบของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2568 เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เป็น "บ้านคุ้มค่า ราคาโดนใจ รับปีใหม่ 2568" โดยการเคหะแห่งชาติ (กคช.) จัดโพรโมชันลดราคาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 5-20 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 102 โครงการ และลดราคาพิเศษโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 47 โครงการ ราคาขายห้องชุดขนาด 24 ตารางเมตร เริ่มต้น 250,000 บาท และราคาขายห้องชุดขนาด 33 ตารางเมตร เริ่มต้น 390,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : การเคหะแห่งชาติหรือ คอลเซนเตอร์ 1615 ครม.ชื่นมื่น แลกของขวัญปีใหม่ ส่วนบรรยากาศในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดส่งท้ายปี 2567 วันนี้ (24 ธ.ค.) รัฐมนตรีหลายกระทรวงนำของขวัญปีใหม่ มามอบให้แก่กัน โดยนายกฯ ได้นำผ้าทอย้อมคราม ลายขอพระราชทานมาให้รัฐมนตรีผู้หญิงเป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อนำไปตัดชุดใส่ ขณะที่รัฐมนตรีผู้ชายได้เป็นเนคไท บรรจุในกล่องสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำชุดแก้วชาลายบุหลันตันหยง ในกล่องผ้าไหม และชุดแก้วเอสเปรสโซคู่ พร้อมกาลายบุหลันตันหยง จากจังหวัดชุมพร มามอบให้ ขณะที่ นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำสมุดโน้ตหน้าปกลายผ้าไทย จังหวัดอุทัยธานี มามอบให้ ส่วนพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบน้ำตาลมะพร้าว ดอกเกลือ และ กะปิ จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นของขวัญของฝาก