ขยายผลจับกุมนักค้าเฮโรอีน จ.กาญจนบุรี
วันที่ 24 ธ.ค. 2567 เวลา 06:39 น.
เช้านี้ที่หมอชิต - รู้ทั้งรู้ว่าผิด แต่ภรรยาและแม่ยอมเสี่ยงหอบเงินหลักล้านบาท ติดสินบนตำรวจ หวังให้ช่วยสามีพ้นคดีครอบครองเฮโรอีน แต่ถูกซ้อนแผนจับยกครอบครัว นี่เป็นภาพขณะตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี เปิดปฏิบัติการจู่โจ่ม สกัดรถกระบะต้องสงสัย เป็นรถของเครือข่ายยาเสพติดได้ ขณะกำลังขนเฮโรอีนมาส่งให้ลูกค้า บริเวณริมถนนแสงชูโต อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยคุมตัวชายอายุ 30 ปี คนขับ ได้พร้อมภรรยาอายุ 36 ปี ที่นั่งมาด้วย และยึดเฮโรอีน หนัก 350 กรัม เมื่อคุมตัวทั้ง 2 คน มาเค้น ได้ให้การซัดทอดว่า รับเฮโรอีนทั้งหมดมาจาก นายอนุชา อายุ 31 ปี เป็นเอเยนต์เฮโรอีนรายใหญ่ ในพื้นที่เมืองกาญจนบุรี ตำรวจตามสืบสวนไม่นาน ก็ทราบตัว นายอนุชา เอเยนต์รายใหญ่ที่ผู้ต้องหาให้การซัดทอด หลังตามจับกุมตัวได้พร้อมของกลางเป็นเฮโรอีน หนัก 2.8 กิโลกรัม ระหว่างคุมตัวนายอนุชามาเค้นสอบ ปรากฏว่าภรรยา และแม่ยายของนายอนุชา ใจกล้า เย้ยกฎหมาย ได้โทรศัพท์เข้าเครื่องนายอนุชา ขอคุยกับตำรวจชุดจับกุม ยื่นข้อเสนอจะนำเงินสด 2 ล้านบาท มาเคลียร์คดี แลกกับการปล่อยตัวนายอนุชา ตำรวจซ้อนแผน บอกให้ภรรยาและแม่ยาย และเพื่อนสาวของภรรยานายอนุชา รวมมาด้วยกัน 3 คน เดินเข้ามาที่สำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้เป็นหลักฐานมัดตัว ตั้งแต่ช่วงแรกพูดคุยว่านำเงินสด 1 ล้านบาท ส่วนอีก 1 ล้านบาท จะจ่ายให้หลังจากรับตัวนายอนุชากลับบ้านแล้ว จังหวะนี้ตำรวจยังไม่เผยไต๋ ปล่อยให้หญิงสาวทั้ง 3 คน พูดไปก่อน เพื่อให้กล้องวงจรปิดบันทึกเป็นหลักฐานมัดตัว รอจังหวะซ้อนแผนจับกุม หลังจากหญิงสาวทั้ง 3 คน คือ ภรรยา แม่ยาย และเพื่อนสาวของภรรยานายอนุชา ถูกจับ ชุดจับกุมได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง แจ้งข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งเมื่อวาน พลตำรวจตรี นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางติดตามคดีนี้ด้วยตัวเองถึงที่ สภ.ท่าม่วง สั่งการให้เร่งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้าเฮโรอีนของนายอนุชา คาดว่ายังมีอีกหลายคน เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายอนุชา และภรรยา รวมถึงของแม่ยายนายอนุชา ว่ามีความเกี่ยวข้องไปยังเพื่อนร่วมขบวนการรายใดบ้างต่อไป พลตำรวจตรี นครินทร์ กล่าวถึงกรณีญาติของผู้ต้องหาพยายามนำเงินมาติดสินบนตำรวจชุดจับกุม ขอฝากไปถึงญาติของผู้ต้องหาทุกคนที่ถูกจับกุมในคดียาเสพติด ว่าตำรวจทุกนาย ไม่ว่าหน่วยงานใดในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่รับเงินเคลียร์คดีเด็ดขาด หากญาติของผู้ต้องหามีความพยายามจะนำเงินมาเคลียร์คดี จะถูกจับกุมดำเนินคดี กลายเป็นผู้ต้องหาไปด้วยเช่นกัน