ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือนร้อง วัดดัง เปลี่ยนสัญญาเช่า-ขึ้นค่าเช่า 4 เท่า เพิ่มค่าเช่ารายปีจาก 1,000 บาท เป็น 5,000 บาท
วันที่ 24 ธ.ค. 2567 เวลา 07:32 น.
ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือนร้อง วัดดัง เปลี่ยนสัญญาเช่า-ขึ้นค่าเช่า 4 เท่า เพิ่มค่าเช่ารายปีจาก 1,000 บาท เป็น 5,000 บาท อีกทั้งยังมีเงื่อนไขบังคับให้ชาวบ้าน ยกสิทธิในบ้านให้วัดภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อที่จะได้สิทธิในการเช่าบ้านต่อไป ชาวบ้านมองว่าข้อตกลงนี้ไม่เป็นธรรม เนื่องจากบ้านทุกหลังสร้างขึ้นด้วยทรัพย์สินของชาวบ้านเอง เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 23 ธ.ค.67 นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่บางกรวย จ.นนทบุรี และเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ กว่า 40 คน หลังได้รับผลกระทบจากการที่ วัดดัง เปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าที่ดินเดิมเป็นสัญญาเช่าบ้าน พร้อมปรับขึ้นค่าเช่าที่ดินจาก ตารางวาละ 5 บาท เป็น 20 บาท สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกว่า 200 ครัวเรือนที่อาศัยในพื้นที่ และหากชาวบ้านไม่ยอมเซ็นสัญญาใหม่ ก็จะถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ทันที ชาวบ้านจึงรวมตัวกันเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ โดยต้องการให้วัดยุติการบังคับเปลี่ยนสัญญาและกลับมาใช้สัญญาเช่าที่ดินแบบเดิม เนื่องจากหลายครัวเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มายาวนานกว่า 100 ปี นายแบงค์ อายุ 32 ปี ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า ทางวัดได้ส่งหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงสัญญาใหม่เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยกำหนดให้สัญญาเช่าที่ดินเดิมต้องถูกยกเลิก และแทนที่ด้วยสัญญาเช่าบ้าน อีกทั้งยังมีเงื่อนไขบังคับให้ ชาวบ้านต้องยกสิทธิ์ในบ้านของตนให้วัดภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการเช่าบ้านต่อไป ชาวบ้านมองว่าข้อตกลงนี้ไม่เป็นธรรม เนื่องจากบ้านทุกหลังสร้างขึ้นด้วยทรัพย์สินของชาวบ้านเอง นายแบงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สัญญาใหม่นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มค่าเช่ารายปีจาก 1,000 บาท เป็น 5,000 บาท แต่ยังทำให้ชาวบ้านไม่สามารถปรับปรุงหรือซ่อมแซมบ้านของตนเองได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากวัด ตัวอย่างเช่น มีครอบครัวหนึ่งที่ต้องการต่อเติมบ้าน เนื่องจากโครงสร้างทรุดโทรม แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ของวัดเข้ามาขัดขวางและขับไล่ออกจากพื้นที่ ตอนนี้ชาวบ้านทุกคนกลัวมาก เพราะหากไม่ยอมเซ็นสัญญาใหม่ ก็อาจถูกไล่ออกจากพื้นที่โดยไม่มีที่ไป และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสัญญาไหนที่ถูกต้อง เนื่องจากทางวัดมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาอยู่ตลอดเวลา พ.ท.ญ. สายจิตร รุ่งฤทธิดี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบอีกคนหนึ่ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางวัดไม่เคยเข้ามาช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียน แต่กลับเปลี่ยนแปลงสัญญาอย่างไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด บ้านทุกหลังที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ สร้างขึ้นมาด้วยเงินของเราเอง แต่ตอนนี้กลับถูกบังคับให้ยกสิทธิ์ในบ้านให้กับวัด ค่าเช่าที่ดินเดิมที่เราเคยจ่ายปีละ 1,000 บาท กลับเพิ่มขึ้นถึง 5,000 บาท และมีเงื่อนไขใหม่ที่ชาวบ้านมองว่าเป็นการเอาเปรียบ สายจิตรกล่าว เพิ่มเติมว่า ชาวบ้านหลายคนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าอาวาสหรือฝ่ายบริหารของวัดโดยตรง เพราะเกรงว่าจะถูกหมายหัวหรือถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ทันที นายโชติอนันต์ หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบสัญญาใหม่ที่ชาวบ้านนำมา พบว่ามีลักษณะคล้ายกับการบังคับให้ชาวบ้านยกสิทธิ์ในบ้านของตนเองให้กลายเป็นทรัพย์สินของวัด ซึ่งขัดต่อกฎหมายและระเบียบของสำนักพุทธศาสนา สิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของชาวบ้าน แต่การเปลี่ยนแปลงสัญญาในครั้งนี้เหมือนเป็นการยึดบ้านและที่ดินของชาวบ้านมาเป็นของวัด ซึ่งทำไม่ได้ และไม่เป็นธรรม ในวันนี้ที่ 24 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่ทางวัดนัดชาวบ้านให้ไปเซ็นสัญญาใหม่ ตนจะเดินทางไปพร้อมกับชาวบ้าน เพื่อตรวจสอบว่าข้อตกลงและเงื่อนไขในสัญญาเป็นธรรมตามกฎหมายหรือไม่ และจะดำเนินการร้องเรียนต่อพระผู้ใหญ่เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชน อยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เนื่องจากกังวลว่าจะถูกบังคับให้ออกจากพื้นที่โดยไม่มีทางเลือก หลายคนเรียกร้องให้ สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้ามาดูแลและตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว ชาวบ้านยังยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการต่อต้านวัด แต่เพียงต้องการความโปร่งใสและความยุติธรรมจากข้อตกลงในสัญญาเช่า เนื่องจากที่นี่มานานกว่า 100 ปี ช่วยเหลือและสนับสนุนวัดมาโดยตลอด การเปลี่ยนแปลงสัญญาแบบนี้เป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับวัด เราเพียงแค่ต้องการความยุติธรรม และอยากให้ออกสัญญาที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย