นำบทสวดมนต์แต่งเนื้อเพลงบ่อนทำลายศาสนา

วันที่ 23 ธ.ค. 2567 เวลา 17:27 น.

พระพยอมติงคนแต่งตัวคล้ายพระ นำบทสวดมนต์ชาวพุทธไปแต่งเพลงทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ถือเป็นการบ่อนทำลายวงการศาสนา จากกรณีหลังจากมีคนแต่งตัวคล้ายพระ นำบทสวดมนต์ของ ชาวพุทธไปแต่งเป็นเพลงทำให้ศาสนาเสื่อมเสียถือเป็นการบ่อนทำลายวงการศาสนา โดยไม่น่าจะสนใจในบทสวดมนต์แต่กลับไปแต่งเป็นเพลงเนื้อหาสับสนวนเวียน ไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน เป็นการกระทำของคนขาดศรัทธา ชาวพุทธต้องรู้ทันและช่วยกันหาทางป้องกัน วันที่ 23 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดสวนแก้ว สอบถามพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เผยว่า เรื่องการแต่งเป็นเพลงมันมีมานาน แต่ว่าเพลงร็อกเอามันใส่เข้าไปดิ้น แล้วมีภาพแบบนี้มันไม่เคยมี สมัยก่อนเคยได้ยินองค์ใดพระสัมพุทธนี่ก็คือเริ่มต้นให้มันออกมาเป็นเพลง และตามจริงแล้วถ้าเป็นตามที่พระพุทธเจ้าตรัส ห้ามฟังเพลงการละเล่นดูกันละเล่นชนิดที่เป็นข้าศึกต่อกุศลบุญ ถ้าเขาทำออกมาเพื่อความมันแล้วมันเป็นข้าศึกต่อกุศลบุญไปแล้วก็อย่าทำ แต่ถ้าอย่างสมมุติเพลงคำรณหรือเพลงสมยศ ไม่รู้ฟังเสียงแกก็แห่นาคมาใจนึกให้ศรัทธาอยากบวชสักหน เพลงนั้นมันไม่มีเร้าร้อนมันไม่แร็พปุ๊บปั๊บปุ๊บปั๊บ แต่พอเร่าร้อนกลายเป็นเรื่องทันที ธรรมะมันต้องสงบเย็นมันสวนทางกันถ้าร้องแล้วมันสงบเย็นฟังเสียงแตรก็แห่นาคมาใจมันก็อยากบวช เพลงเกี่ยวกับธรรมมะมันมีมานานแล้วแต่เอามาประยุกต์ไอ้ตรงที่มีแร็พและก็มีรูปพระไปร่วมวงแบบแร็พเนี่ยมันมีแต่เสียเสีย ถ้าทำนองเกี่ยวกับเพลงศาสนาธรรมะมันต้องเยือกเย็น เราก็เคยได้ยินแต่ พุทธธังสะระณังคัจฉามิธรรมมังสะระณะคฉามิ มีไหมที่มันไม่ใส่จังหวะเร้าร้อนแบบนี้ ฟังแล้วมันสงบเย็นมันไม่เร่าร้อนก็หลวงพ่อโตเป็นคนแต่งมีแต่ทำนองเย็น ๆ ท่านสวดเยือกเย็นสวดสงบแล้วไปสวดเร้าร้อนกระตุ้นกิเลสมันก็กลายเป็นเพลงชนิดที่เป็นข้าศึกต่อกุศลบุญเค้าก็ระบุไว้เลยศีล 8 คนฟังได้ข้อคิด เช่นเพลงค่าน้ำนม ฟังแล้วมันเร้าใจคิดถึงแต่ความดีมีกุศลจิตของผู้เป็นแม่ เพลงแบบนี้ฟังได้แต่งได้น่าส่งเสริมมากกว่าจะมาทำเป็นแนวร๊อกทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียมากกว่า