ดีเอสไอ สรุปสำนวนสั่งฟ้อง 4 ข้อหา 18 บอสดิไอคอนกรุ๊ป ส่งสำนวนให้อัยการ 23 ธ.ค.นี้

วันที่ 20 ธ.ค. 2567 เวลา 15:17 น.

ดีเอสไอ มีมติเห็นควรฟ้อง 4 ข้อหา 18 บอสดิไอคอนกรุ๊ป มั่นใจพยานหลักฐาน เชื่อเน้นหาลูกข่ายมากกว่ามุ่งเน้นขายสินค้า เตรียมส่งสำนวนให้อัยการ 23 ธ.ค.นี้ ความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป วันนี้ (20 ธ.ค.67) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.กองคดีภาษีอากร พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันประชุมสรุปสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก สำหรับการประชุมในวันนี้ จะเป็นการลงมติร่วมกันในที่ประชุมของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่าจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาดิไอคอนกรุ๊ปฯ ทั้ง 18 ราย ต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ ด้วยข้อกล่าวหาใดบ้าง และรายใดจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ ฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ และหลังจากที่ดีเอสไอรับสำนวนไว้เป็นคดีพิเศษ ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทยอยส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หรือธุรกิจดิไอคอนฯ ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ หรือในส่วนของบอสดารา ล้วนระบุว่าตัวเองเป็นเพียงผู้รับจ้างเท่านั้น คณะพนักงานสอบสวนจึงต้องรวบรวมหนังสือเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและคำให้การของพยานผู้ต้องหาเข้าสู่สำนวนการสอบสวน พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก หลังพิจารณาพยานหลักฐานทุกอย่างที่ได้รวบรวมมา เช่น เอกสารที่เกี่ยวข้องกว่า 300,000 แผ่น , คำให้การของพยาน 50 คน ซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทดิไอคอนฯ ที่ฝ่ายผู้ต้องหาพามาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบปากคำ คณะการสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล 1 ราย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตามพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 หรือ แชร์ลูกโซ่ , ความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง 2545 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ รวม 4 ข้อหา และเตรียมส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในวันที่ 23 ธ.ค.67 สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 หรือ แชร์ลูกโซ่  ทางคณะการสอบสวนคดีพิเศษ มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่เชื่อได้ว่าการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน เป็นการหาลูกข่ายหรือหาสมาชิกมาร่วมลงทุนทำธุรกิจมากกว่ามุ่งเน้นการขายสินค้า ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้จะถูกแยกสำนวนออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ที่กระทำผิดต่อผู้เสียหายกว่า 7,000 คน ที่อยู่ในราชอาณาจักร และอีกส่วนเป็นสำนวนที่มีผู้เสียหายอยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งในส่วนนี้อัยการจะเข้ามาร่วมและเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็จะส่งสำนวนจะให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาคดี