ศาลปกครองกลางพิพากษา ค้างค่าปรับใบสั่งจราจร ต่อทะเบียนรถได้
วันที่ 20 ธ.ค. 2567 เวลา 15:02 น.
ค้างค่าปรับใบสั่งจราจร ให้ต่อทะเบียน ได้ป้ายเสียภาษี ศาลปกครองชี้ข้อตกลงที่ขนส่งฯ ทำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 2120/2567 คดีหมายเลขแดงที่ 2682/2567 ลงวันที่ 18 ธ.ค.2567 เกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์ ที่ค้างค่าปรับใบสั่ง ตามกฎหมายจราจร ระหว่างนายอำนาจ ผู้ฟ้องคดี กับผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 6 ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก อธิบดีกรมการขนส่งทางบก สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ฝ่ายทะเบียนสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 นายทะเบียนตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดีนี้ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า ไปชำระเงินต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี แต่นายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก ไม่ออกป้ายภาษีวงกลมให้ โดยส่งมอบแค่ใบเสร็จชำระค่าภาษีประจำปีแล้วประทับตรา ว่าใช้แทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีไม่เกิน 30 วัน ให้แทน พร้อมเอกสารที่ปรินต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ แสดงรายละเอียดข้อมูลการกระทำความผิดตามกฎหมายจราจร กรณีขับรถเร็ว ค่าปรับ 500 บาท โจทก์อ้างว่าข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับกรมการขนส่งทางบก เพียงฝ่ายเดียว เป็นการละเลยและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของ พ.ร.บ.การจราจรทางบก ดังนั้นจึงไม่มีอำนาจในการชะลอการออก ป้ายภาษีวงกลม ให้กับเจ้าของรถที่ค้างชำระค่าปรับจราจร หลักการชำระภาษีรถ เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวรถ แต่การทำผิดกฎจราจรเป็นเรื่องของบุคคล การนำ 2 เรื่องมาเชื่อมโยงกันจึงไม่ถูกต้อง เพราะคนขับอาจไม่ใช่เจ้าของรถ การบังคับทางอ้อมให้เจ้าของรถต้องยินยอมชำระค่าปรับโดยไม่ได้ใช้สิทธิทางกฎหมาย ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ได้รับฟังสรุปข้อเท็จจริงจากตุลาการเจ้าของสำนวน คำแถลงของผู้ร้องและผู้ถูกร้อง พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 (นายทะเบียนตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก) ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ภายใน 3 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมการขนส่งทางบก) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 3,151.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ไม่เกินอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด และให้ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 คืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนตามส่วนของการชนะคดีให้แก่ผู้ฟ้องคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก