สืบนครบาล รวบผู้ต้องหาบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทำงาน หลอกลงทุน หลอกให้กู้เงิน หลอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีหมายจับติดตัว 7 หมาย
วันที่ 20 ธ.ค. 2567 เวลา 11:03 น.
สืบนครบาล รวบผู้ต้องหาบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทำงาน หลอกลงทุน หลอกให้กู้เงิน หลอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีหมายจับติดตัว 7 หมาย หลังถูกจับ ผู้ต้องหาอ้าง เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสอง ขอให้เปิดบัญชีให้ บอกว่านำไปใช้ปกติ ไม่ได้นำไปหลอกใคร แต่เพื่อนให้ค่าเปิดบัญชี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้จับกุมตัว นายทีฆายุ อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีผู้ต้องหาตามหมายจับ 7 หมายจับ จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 ผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวนแจ้งว่าได้พบเห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊กรับทำงานออนไลน์ ผู้แจ้งได้ติดต่อไปและมีการตอบกลับให้ทำงานโดยโอนเงินเข้า บช. ชื่อบช.นายทีฆายุฯ จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงิน 20,020 บาท ต่อมาได้ให้ผู้แจ้งโอนเงินไปอีกผู้แจ้งไม่ได้โอนไป เนื่องจากไม่มีการจ้างงานจริง จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้รับร้องทุกข์จะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป คดีต่อมา ผู้เสียหายมา สภ.แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายกับ นายทีฆายุ ที่ได้หลอกให้ผู้แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.ให้ผู้แจ้งโอนเงินเพื่อไปตรวจสอบ จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 102,000 บาท ซึ่งผู้แจ้งทราบภายหลังว่าโดนหลอก คดีต่อมา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ขณะ ผู้กล่าวหา/ผู้เสียหาย อยู่บ้านนายทีฆายุ ผู้ต้องหา ได้มีเจตนาทุจริตหลอกลวงลงประกาศโฆษณาปล่อยเงินกู้ในเว็บไซต์ ซึ่งมีลิงค์ติดต่อกับแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ ฝ่ายบริการ A10025 และไลน์ชื่อ ฝ่ายบริการสินเชื่อ จากนั้นได้ติดต่อกับผู้เสียหาย โดยมีการส่งข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์แสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงว่าจะปล่อยเงินกู้ให้ในวงเงิน 100,000 บาท แต่ต้องจ่ายเงินค่าปลดล็อกบัญชีธนาคาร จำนวน 13,500 บาท เพื่อถอนเงินกู้จากแอปพลิเคชันกระเป๋าตังค์ จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วโอนส่งมอบเงินให้ไป จำนวน 13,500บาท ไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายทีฆายุ ต่อมาได้หลอกลวงให้โอนเงินอีก แต่ผู้เสียหายไหวตัวทัน และภายหลังไม่ได้มีการปล่อยเงินกู้ให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายทีฆายุ และ/หรือกับพวก (หากมี) ในความผิดฐานฉ้อโกงฯ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และอีกคดี เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 65 ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ผ่านทางระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับ นายทีฆายุ (ผู้ต้องหาที่ 1) และนายนุกุล (ผู้ต้องหาที่ 2) จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การว่า เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสอง ได้มาขอให้ไปเปิดบัญชีธนาคารให้ บอกว่านำไปใช้ปกติ ไม่ได้นำไปหลอกใคร ก็เลยไปเปิดให้ จำไม่ได้ว่าให้เงินค่าเปิดเท่าไร ไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำผิดต่างๆ แต่ก่อนหน้านี้ตนรู้ตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะมีหมายเรียกส่งมา แต่ไม่กล้าไปโรงพัก จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังตนเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ การหลอกให้รักแล้วลงทุนต่างๆ การหลอกให้กู้เงิน สุดท้ายต้องเสียค่าดำเนินการต่างๆ การหลอกให้ทำงาน แต่ต้องลงทุนก่อน จ่ายค่าดำเนินการต่างๆ อย่าหลงเชื่อ หากมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าที่รัฐ ขู่ว่าไปเกี่ยวข้องการทำผิด ให้โอนเงินตรวจสอบ ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวัง และอย่าเชื่อในสิ่งที่ราคาถูกหรือดีเกินจริง เอาผลประโยชน์มาล่อใจ เพราะสิ่งที่เห็นหรือได้ยินในสื่อสังคมออนไลน์ อาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพในการหลอกลวงแสวงหาประโยชน์จากพี่น้องประชาชน โดยขอให้ยึดหลัก “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ หากประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง